เลือกดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย เพื่อประโยชน์ที่ใช่ในวัยที่คู่ควร
เมื่อนมพร้อมดื่มที่วางขายในท้องตลาดมีหลายประเภท แล้วเราจะเลือกดื่มนมแบบไหน ให้ได้ประโยชน์ตรงใจ แถมเหมาะกับวัยเราที่สุด
เมื่อนมพร้อมดื่มที่วางขายในท้องตลาดมีหลายประเภท แล้วเราจะเลือกดื่มนมแบบไหน ให้ได้ประโยชน์ตรงใจ แถมเหมาะกับวัยเราที่สุด
นมเป็นแหล่งรวมสารอาหารจากธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข แนะนำคนไทยดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย โดยเด็กที่กำลังเจริญเติบโตและวัยรุ่น ปริมาณที่ควรดื่มคือวันละ 2-3 แก้ว ส่วนผู้ใหญ่ 1-2 แก้ว
แต่นมที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมีให้เลือกหลายประเภท แล้วเราควรจะบริโภคชนิดไหน มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
นมสด 100% (whole milk)
คือนมที่รีดจากแม่วัวและจำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค โดยจะผ่านวิธีการพาสเจอไรซ์ หรืออุ่นทำลายเชื้อโรค นมชนิดนี้จะมีไขมันอยู่ประมาณ 3.8% รสชาติจึงเข้มข้นและหอมมัน เป็นนมที่มีสารอาหารสมบูรณ์ เหมาะกับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต หากสังเกตจากฉลากโภชนาการ จะเห็นว่าเป็นนมโค 100% มีปริมาณแคลเซียม 200-300 มก.ต่อแก้ว แนะนำสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติ เด็กวัยเรียน วัยรุ่น
นมพร่องมันเนย (Low Fat)
เป็นนมที่สกัดไขมันออกไปบางส่วน ทำให้มีพลังงานน้อยลง และมีปริมาณไขมันเพียงเล็กน้อย แต่ข้อเสียคือ ไขมันที่น้อยลงก็จะไปลดการได้รับวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน A, D, E และ K ไปด้วย
อย่างไรก็ดี นมชนิดนี้ยังมีโปรตีนและแคลเซียมอยู่ในปริมาณที่ใกล้เคียงกับนมสด มีปริมาณแคลเซียม 200-300 มก.ต่อแก้ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงรับประทานไขมันไม่ได้ แต่ต้องการเสริมในส่วนของโปรตีนและแคลเซียม ไม่เหมาะกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ เนื่องจากไขมันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตที่รวดเร็วของสมองของเด็ก
นมขาดมันเนย (Fat Free หรือ Skim milk)
เป็นนมที่แยกไขมันเนยออกเหลือเฉพาะโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต มีไขมันน้อยกว่า 0.15% มีแคลเซียมและโปรตีนสูง ส่วนวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ก็ยังมีอยู่ในปริมาณที่ไม่ต่างกับนมสด 100% มากนัก เพียงแต่จะมีความเข้มข้นน้อยและรสชาติไม่หอมมันเหมือนนมสด เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการหลีกเลี่ยงไขมัน ควบคุมน้ำหนัก และมีระดับไขมันในเลือดสูง มีปริมาณแคลเซียม 200-300 มก.ต่อแก้ว
ภาพ : freepik


