การจัดการกับความเครียดของผู้ดูแลผู้สูงอายุ
เรื่อง : รศ.ดร.วิพรรณ ประจวบเหมาะ
สัปดาห์ก่อนๆ ได้พูดถึงระบบการดูแลระยะยาวที่ควรจะพัฒนาในประเทศไทย อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่กำลังรอการพัฒนาของระบบเหล่านี้ มีครอบครัวหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องทำหน้าที่ในการดูแลให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุ ซึ่งต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องระยะยาว สัปดาห์นี้จึงมีข้อคิดสำหรับผู้ดูแลจาก ผศ.ดร.สุวิณี วิวัฒน์วานิช คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็นแขกรับเชิญค่ะ
เมื่อกล่าวถึงผู้ดูแลผู้สูงอายุ คงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจที่น่าชื่นชม ยกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลที่เป็นสมาชิกของครอบครัว ได้แก่ ลูก หลาน หรือเป็นผู้ดูแลที่ว่าจ้าง เพราะการปฏิบัติต่อผู้สูงอายุเป็นการกระทำที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน นุ่มนวล ปฏิบัติด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ทั้งวาจาและการกระทำ
ภาระงานของผู้ดูแลมีมากมาย เช่น การทำความสะอาดร่างกาย เช็ดทำความสะอาดเวลาขับถ่าย แต่งตัว ให้อาหารทางสายยาง ทำอาหาร ให้ยา ซึ่งมีหลายชนิดมากกว่า 10 ชนิด พาไปหาหมอตรวจ ต่อรองกับหมอ เชื่อมไมตรีกับพี่น้องและญาติเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุได้สุขสบาย และอีกมากมายจนไม่สามารถจาระไนให้ครบถ้วนได้ จนกระทั่งบางครั้งผู้ดูแลลืมดูแลตนเอง ครั้นจะปล่อยให้คนอื่นดูแลก็ไม่แน่ใจว่าจะดูแลดีเท่าเราหรือไม่
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ผู้ดูแลเกิดภาวะเครียด มีความลำบากมาก จนบางครั้งผู้ดูแลมีปัญหาในการนอนหลับ รับประทานอาหารไม่อร่อย เกิดการเจ็บป่วยขึ้น การแก้ไขปัญหาความเครียดของผู้ดูแลเป็นสิ่งที่สำคัญ ก่อนอื่นผู้ดูแลจะต้องพยายามดูแลตนเอง เพราะถ้าท่านดูแลตนเองให้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ท่านจะสามารถให้การดูแลผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดีและดูแลให้นานๆ โดยท่านต้องมีวิธีการจัดการกับความเครียดของตนเอง ดังนี้คือ
การหาผู้ที่ตนเองสามารถพูดระบายความรู้สึกได้ เช่น ญาติผู้ใกล้ชิด หรือเพื่อนสนิท ผู้ที่มีประสบการณ์เป็นผู้ดูแลเช่นเดียวกัน พยาบาล แพทย์
จัดให้ตนเองได้มีเวลาพักผ่อน โดยหาคนอื่นมารับผิดชอบเป็นครั้งคราว
มีสัมพันธภาพที่ดีกับครอบครัว/เพื่อน/ผู้รู้ เพื่อให้ได้ระบายความรู้สึกและขอคำปรึกษา
ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด เช่น ญาติ เพื่อนสนิท เพื่อให้ตนเองมีเวลาได้หยุดพัก
ขอคำปรึกษาจากผู้รู้หรือผู้ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาในการดูแล
ออกไปมีกิจกรรมภายนอกบ้านบ้าง เช่น ไปตลาด ไปทำบุญที่วัด เดินซื้อของ ไปห้างสรรพสินค้า
หาวิธีการผ่อนคลายตนเอง เช่น ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ เย็บปักถักร้อย ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ หรือทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ
อ่านหนังสือที่ตนชอบ เช่น หนังสือสารคดี หนังสือธรรมะที่ให้ข้อคิดถึงการปฏิบัติ
คิดเชิงบวก คิดถึงสิ่งดีๆ ในอดีตที่ผู้สูงอายุเคยปฏิบัติ
มีอารมณ์ขันกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว
เข้าร่วมกลุ่มกับผู้ดูแล เป็นสมาชิกของกลุ่มที่มีประสบการณ์เดียวกัน จะได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์ ไม่โดดเดี่ยว ได้รับความรู้
ใช้บริการสถานดูแลชั่วคราว เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลได้พักผ่อน เช่น สถานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยมีเฉพาะเอกชน
ให้คิดว่าภารกิจที่ท่านกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา เพราะท่านต้องปฏิบัติต่อผู้สูงอายุด้วยความรัก ความเมตตา เอาใจใส่ ต่อผู้สูงอายุ เป็นผู้ที่มีความกตัญญุตาต่อผู้มีพระคุณหรือผู้อาวุโส ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติของผู้เจริญ เป็นการปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม สมควรได้รับการยกย่อง ชมเชย โดยผู้ที่ปฏิบัติดังกล่าวได้เป็นอย่างดี มีข้อมูลเชิงประจักษ์มากมายคือ ผู้นั้นจะพบแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิตเช่นเดียวกัน
ในกรณีที่ผู้ดูแลมีความเครียดต้องการขอความช่วยเหลือในการดูแลผู้สูงอายุที่มีความยุ่งยาก หรือผู้สูงอายุสมองเสื่อม ท่านสามารถติดต่อ โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน ของสมาคมผู้ดูแลผู้สูงอายุสมองเสื่อม ที่เบอร์โทรศัพท์ 028808542


