"เลี้ยงน้องกระทิง"สไตล์ทายาทกระทิงแดง
คุยกับพ่อแม่มือใหม่ พีท-พลศักดิ์ และน้ำฝน-ชญาฎา อยู่วิทยา เพราะครอบครัวคือทีมเวิร์ก ลูกจึงต้องมีเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
คุยกับพ่อแม่มือใหม่ พีท-พลศักดิ์ และน้ำฝน-ชญาฎา อยู่วิทยา เพราะครอบครัวคือทีมเวิร์ก ลูกจึงต้องมีเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
แน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคนมีวิธีเลี้ยงลูกแตกต่างกันออกไป แต่เชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ อยากเห็นลูกตนเองค่อยๆเติบโตเป็นคนดี มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เหมือนกันที่คุณพีท-พลศักดิ์และคุณน้ำฝน-ชญาฎา อยู่วิทยา หลานปู่เจ้าสัวเฉลียว อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง รุ่นที่ 3 (ลูกชายคุณศักดิ์ชาย-คุณเพ็ญทูล อยู่วิทยา) กำลังทำอยู่ซึ่งหลังจากแต่งงานกันมาร่วม 2 ปี ก็ได้เวลาของกระทิงน้อยๆ ลูกชายคนแรกที่กำลังน่ารักน่าชัง ทำให้ทั้งสองท่านรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘พ่อแม่ หน้าที่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด’ .....
“ตอนก่อนคลอดผมกับฝนยังไม่ค่อยตื่นเต้นนะแต่พอตอนอยู่ห้องคลอด แล้วตอนได้ยินเสียงเขาร้อง ผมมองไปเห็นคุณฝนกำลังน้ำตาไหลอยู่พอดีฝนบอกไม่รู้เหมือนกันว่าไหลตอนไหน มันออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้น้องกระทิง(ด.ช.กระทิง อยู่วิทยา) จะ 3 เดือนกว่าแล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่าจากนี้ไป เราสองคนต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด ยิ่งโตขึ้นมาในตระกูลที่มีชื่อเสียง มีคุณทวด (เจ้าสัวเฉลียว อยู่วิทยา) เป็นที่เคารพนับถือ ทำคุณงามความดีให้สังคมมาตลอด เรายิ่งต้องเลี้ยงดูลูกของเราให้ดีที่สุด เพื่อเป็นความภาคภูมิใจให้วงศ์ตระกูลต่อไป ทำไมถึงชื่อน้องกระทิงแรกเลยเนี่ย ผมกับฝนก็คุยๆกันว่าอยากได้ชื่อที่มันตรงตัว เข้าใจง่าย ส่วนตัวผมอยากให้ลูกชื่อTaurus ที่แปลว่ากระทิง ฝนเลยบอกอ๋องั้นก็ชื่อ “กระทิง” เลยละกัน นี่ก็ใกล้จะครบสี่แล้วน้องเลี้ยงง่ายเข้ากับคนอื่นง่าย เจอคนเยอะแล้วไม่กลัวอารมณ์ดีชอบให้พาออกไปนอกบ้านดูต้นไม้ใบหญ้าอยู่กับธรรมชาตินี่ชอบเลยครับ”
คุณพีทเปิดประเด็นให้เราได้เริ่มบทสนทนา โดยมีคุณฝนคอยเสริมอยู่ข้างๆ ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ซึ่งต่างจะพ่อแม่มือใหม่ที่มักจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยเลี้ยง
“คือผมกับคุณฝนมองว่าเราอยากให้ลูกใกล้ชิดกับเราให้ได้มากที่สุด ตั้งแต่แรกเกิดถ้าจะไปเปลี่ยนเอาตอนโต มันยากแล้ว ช่วงสำคัญที่สุดก็คือช่วงนี้แหละครับ เราต้องใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากๆเพราะลูกจะซึมซับความคิด Logic ต่างๆจากคนที่ใกล้ชิดเขาในช่วงเวลานั้น พอเขาโตขึ้นมาหน่อยก็จะเริ่มหล่อหลอมความคิดได้เอง เริ่มเป็นตัวของตัวเองแล้ว ผมให้ลูกนอนกับเราตลอด ผมจะอยู่เวรตอนดึก คือช่วยอุ้มตื่นมาป้อนนม(อมยิ้ม) แต่เวลาลูกร้องต้องการอะไร คุณฝนจะรู้ความต้องการเขาได้ดีกว่า ผมประทับใจฝนในการทำหน้าที่แม่ได้ดีมากแล้วก็อยากขอบคุณด้วยครับ”
เลี้ยงลูกในแบบของพ่อแม่มือใหม่ คุณฝนเธอให้ความสำคัญไปที่การเลี้ยงให้สนุก เก่งทั้งบุ๋นทั้งบู้ ควบคู่ไปกับการสร้างเกราะป้องกันตอนโต
“ใช่ค่ะ เพราะฝนมองว่า พื้นฐานเลยคือเลี้ยงให้ลูกรู้สึกสนุกสนาน ให้รู้ว่า พ่อแม่รักเขาขนาดไหน เพื่อเป็นสายใยเชื่อมโยงกันและกัน อยากให้ลูกมีทั้งบู๋นทั้งบุ้น มีทั้งไอคิวและอีคิว เพราะคนที่แก้ปัญหาได้ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดนะคะ คนที่เก่งที่สุดคือคนที่มีไหวพริบในการหลีกเลี่ยงปัญหา คือรู้ว่าปัญหาจะเกิด ต้องรู้จักแก้ไขก่อนที่มันจะมาถึงอย่างมีสติและไม่กลัว” นี่เลยเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่วางแผนอนาคตลูกตั้งแต่ตอนตั้งท้อง แถมคุณพีทยังจองโรงเรียนไว้แล้วด้วย
“ก็ไม่ถึงกับจองแบบฟันธงนะครับ แต่ละที่มีข้อดีข้อเสียที่ต้องใช้เวลาพิจารณา ผมมองว่า การศึกษากับสังคมแวดล้อม สำคัญกับลูกมากๆ คือมันจะมีคอร์สเตรียมเด็กก่อนเข้าอนุบาล ที่ให้เขาได้เล่นได้สนุก ไปเรียนรู้การอยู่กับคนอื่น ให้มีเพื่อนมีสังคม เราสองคนมองว่าอยากให้ลูกเล่นให้เต็มที่ก่อน เพราะการเล่นนี่แหละ คือพัฒนาการอย่างหนึ่ง อยากให้เขารู้จักการแบ่งปัน แชร์ของได้เล่นได้มีความสุขสมวัย”ซึ่งเป็นเกราะป้องกันให้เขาสเต็ปแรกด้วยเลยก็ว่าได้
“ใช่ค่ะ ฝนอยากให้ลูกมีความแข็งแรงทางด้านจิตใจ ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดเลยนะคะ ฝนเห็นแหละว่าเด็กสมัยนี้เปราะบางมากขึ้น สิ่งที่เรามอบให้ มันต้องเป็นเกราะป้องกันที่มากพอ อยากให้ลูกเป็นคนมองโลกในแง่ดี มองเห็นแง่งามในเวลาที่เขาทุกข์ จะไม่ยื่นความสุขให้เขาง่ายๆ คนที่โตมาพร้อมทุกอย่าง จะไม่สู้เท่าคนที่เคยรู้สึกตกต่ำมาก่อน บางทีเราต้องขอบคุณความทุกข์ด้วยซ้ำนะคะ ที่ทำให้เรามีแรงฮึดสู้ มันทำให้เรารู้ว่าความสุขที่ได้มานั้น มันสวยงามและมีค่ามากแค่ไหน บางคนอาจมองว่าเกิดในครอบครัวที่มีพร้อมแล้วสอนลูกด้วยการโปรยความสุข ฝนพูดเลยว่าไม่ใช่กับบ้านนี้แน่นอนค่ะ” ซึ่งคอนเฟิร์มเลยว่า “จริง” เพราะเห็นในโซเชียลของทั้งคุณฝนและคุณพีทแล้ว แทบไม่เชื่อว่านี่คือลูกหลานตระกูลดัง เพราะของเล่นน้องกระทิงนับชิ้นได้เลย
(คุณฝนหัวเราะก่อนตอบ)“ใช่ๆ คือฝนกับคุณพีท พื้นฐานเราเป็นคนเรียบง่าย สบายๆ สมถะ อยู่แล้ว โดยเฉพาะฝั่งครอบครัวคุณพีท มันเหมือนถูกถ่ายทอดต่อๆมาจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่น ฝนคิดว่าความเรียบง่ายไม่โอ้อวดไม่ฟุ่มเฟือย เป็นสิ่งที่ฝนประทับใจมาก เราเข้ามาอยู่ในครอบครัวอยู่วิทยา เราเลยไม่กังวลเลยว่าลูกจะเป็นเด็กเอาแต่ใจหรือถูกสปอยไหมอย่างที่เห็น มีแต่สิ่งที่จำเป็นเพื่อเสริมทักษะเขาจริงๆ ไม่ได้มีเยอะเกินความต้องการของลูก เพราะอยากให้เขาเป็นคนที่รู้คุณค่าของสิ่งของ เล่นอะไรก็ต้องเล่นอย่างถนอม ไม่ใช่เล่นทิ้งๆขว้างๆเสื้อผ้าที่น้องใส่ทุกวันนี้คือตัวละ 30 บาทซื้อตามตลาดนัดนะคะ อันนี้เรื่องจริงเลย เสื้อผ้าดีๆจะเป็นคนอื่นซื้อให้เป็นของขวัญ ฝนไม่อยากสอนให้ลูกยึดติด ได้มาก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ให้รู้จักความพอเพียง ใช้เท่าที่มีอยู่ให้คุ้มก่อน อยากได้ ก็ต้องรู้ขนขวายหาเอง อยากเลี้ยงลูกให้เขามีความขยัน อดทน มุมานะ เป็นพื้นฐาน ให้รู้ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ สิ่งที่ไม่อยากเห็นเลยคือลูกไม่เห็นคุณค่าของเงิน หรือมีความรู้สึกว่ามีเงินแล้วไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เราต้องสร้างคุณค่าอะไรบางอย่างของตัวเราขึ้นมา ซึ่งการทำงานคือการเพิ่มคุณค่าของตัวเอง หรือทำอะไรให้สังคมดีขึ้นสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้”
พอมีน้องกระทิง ทำให้ชีวิตทั้งคู่เปลี่ยนไปไหม “อืมมม (ทำท่าคิด) หลังแต่งงานเราก็คิดในมุมของเราสองคน แต่พอมีลูกเรายอมสละได้ทุกสิ่ง เหมือนลูกเป็นหนึ่งในเป้าหมายชีวิต การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้เราก็บรรลุแล้ว บรรุลในสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่จะทำได้ บางคนบอกว่า ลูกคือโซ่ทองคล้องใจฝนว่าไม่เกี่ยว กลับคิดอีกมุมด้วยซ้ำว่า มันไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่จะมาเป็นโซ่เขาเกิดมา ไม่ควรถูกยัดเยียดความคาดหวังหรือความรับผิดชอบอะไร ชีวิตคู่ถ้าพ่อแม่มีความรักความเข้าใจกันแล้ว ต่อให้มีลูกหรือไม่มี เราก็ยังจะอยู่เป็นครอบครัวเล็กๆได้อยู่ดี ฝนกับพีทเราคบกันมาจะเข้าปีที่ 8 แล้ว จนถึงทุกวันนี้เราก็ศึกษากันมามากพอสมควร ตอนนี้รู้เลยว่าความหมายของคำว่า คู่ชีวิต คืออะไรเรากำลังจะมีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น สำหรับฝนสิ่งที่สำคัญที่สุดในครอบครัวคือความสามัคคี แพ้ก็แพ้ด้วยกัน ชนะก็ชนะด้วยกัน เราต้องมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เคารพซึ่งกันและกัน เป็นทีมเวิร์ก ปัญหาภายนอกจะไม่สามารถทำอะไรเราได้เลย ถ้าเราเป็นทีมเวิร์กที่ดี”
‘คิดจะสร้างทีมเวิร์กเพิ่มอีกเมื่อไหร่’คำถามหยิกแกมหยอกพ่อแม่มือใหม่ เจาะจงชงคำถามสุดท้าย ให้คุณพ่อมาดนิ่ง ตอบโดยเฉพาะ
“ก็ยังไม่คิดไว้จริงจังนะครับ แต่คิดว่าอยากจะมีเพิ่ม คงเว้นไว้สักปีสองปี ฝนเขาก็ห่วงว่าเป็นลูกคนเดียวอาจจะเหงา ซึ่งผมก็เห็นด้วย คือหนึ่งเวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้มีความเห็นอกเห็นใจกัน นึกถึงกัน เราไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวครับ ถ้าน้องพร้อมมาอยู่กับเราเมื่อไหร่ เราก็ยินดีเสมอครับ”


