posttoday

เสียเลือดได้ดี 1 คนให้ พลิกชีวิต 3 คนรับ

01 ตุลาคม 2561

เสียสละเวลาแค่ 20 กว่านาที สามารถช่วยผู้ป่วยที่ต้องการเลือดได้ถึง 3 ชีวิต

เรื่อง ชุติมา สุวรรณเพิ่ม ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข 

ช่วงนี้ใครอยากทำกุศลเป็นผู้ให้ รู้หรือไม่...?!! การบริจาคโลหิต 1 ครั้ง ได้เลือด 1 ถุง เราเสียสละเวลาแค่ 20 กว่านาที สามารถช่วยผู้ป่วยที่ต้องการเลือดได้ถึง 3 ชีวิต โดยเลือดถุงเดียวสามารถนำไปปั่นแยกเป็นส่วนประกอบต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อใช้ตรงตามอาการของผู้ป่วยได้

ตามมาตรฐานงานบริการโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้รับมอบงานจากรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2508 ให้มีหน้าที่หลักในการจัดหาโลหิตให้มีปริมาณเพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูงสุดจากผู้บริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ จะต้องมีโลหิตสำรองคงคลังสำหรับผู้ป่วยอย่างน้อย 3,000 ยูนิต/วัน เนื่องจากทุกๆ วันในโรงพยาบาลต่างๆ ยังมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก

ขณะที่เราจินตนาการกันว่าคนต้องการใช้เลือด ต้องประสบอุบัติเหตุฉุกเฉินเสียเลือดโทรมกาย เจ็บหนักๆ แรงๆ ถ้าไม่โชคร้ายจนเกินไป ก็เกิด (กับเรา หรือคนรอบข้าง) ยาก

หากวันนี้มีข้อมูลจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ป่วยโรคเลือด โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย ฯลฯ ที่ต้องได้รับโลหิตในการรักษาต่อเนื่อง รวมทั้ง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เลือดออกในกระเพาะอาหาร คลอดบุตร ผ่าตัด และอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งต้องมีการใช้โลหิตในการรักษาเป็นจำนวนมาก

ขณะที่การบริจาคโลหิตยังขาดความไม่สม่ำเสมอ บางเดือนได้โลหิตเกินเป้าหมาย บางเดือนได้โลหิตไม่ถึงเป้าหมาย จึงต้องรณรงค์ให้ผู้บริจาคโลหิตมาบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้งเป็นประจำสม่ำเสมอเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ปริมาณต้องการใช้มีตลอดเวลา ซึ่งข้อมูลนี้ก็น่าจะทำให้เราอยากอนุเคราะห์ช่วยเหลือกันและกันมากยิ่งขึ้น

บริจาคได้ตลอด 365 วัน

ศูนย์บริการโลหิต สภากาชาดไทย มีการจัดโครงการณรงค์จัดหาโลหิตต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อสำรองโลหิตคงคลังให้เพียงพอแก่ผู้ป่วย และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในประเทศ

รวมทั้งเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายๆ วัน

เสียเลือดได้ดี 1 คนให้ พลิกชีวิต 3 คนรับ

ช่วงปีนี้ สภากาชาดไทยเปิดรับบริจาคโลหิตในโครงการ “จิตอาสา บริจาคโลหิต ด้วยหัวใจ หนึ่งคนให้ สามคนรับ” รายละเอียดโครงการนี้ น.ท.หญิง พญ.อุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย อธิบายว่า เป็นการน้อมนำแนวคิดและร่วมสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นโครงการแบบอย่างในการพัฒนาสภาพแวดล้อม และความเป็นอยู่ในชุมชนให้มีสภาพที่ดีขึ้น

เสียเลือดได้ดี 1 คนให้ พลิกชีวิต 3 คนรับ

หลังจากดำเนินการโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นช่วงแรกแล้ว จะขยายผลการดำเนินการโครงการนี้ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

โครงการนี้ชวนคนไทยเสียสละเพื่อส่วนรวม ส่งเสริมการบริจาคโลหิตโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำให้การจัดหาโลหิตมีความเพียงพอ มีความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ป่วยทั่วประเทศ

“ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รณรงค์ให้มีการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอค่ะ เพื่อให้มีปริมาณโลหิตเพียงพอแก่ผู้ป่วย จึงขอเชิญชวนร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ และหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตทุกแห่ง

ในส่วนภูมิภาค บริจาคได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ได้แก่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จ.ลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา ภูเก็ต และงานบริการโลหิต สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ จ.ประจวบคีรีขันธ์ สอบถามได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต โทร. 02-256-4300, 02-263-9600-99 ต่อ 1101”

คุณหมออุบลวัณณ์ กล่าวว่า ยกเว้นวันที่ 1 ม.ค.ของทุกปี ซึ่งเป็นวันหยุดทำการประจำปีเท่านั้น แต่ก็มีการจัดโครงการเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนได้ร่วมบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีวันหยุด มีเอกชนหลายๆ แห่งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการระดมโลหิตส่งต่อให้สภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เชิญชวนคนบริจาคโลหิตทุกๆ 3 เดือนอย่างสม่ำเสมอ กับโครงการ “M Heart สายโลหิต สายใจ” มีห้องสำหรับบริจาคสะดวกสบาย ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ บริเวณชั้น 3เอ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน บริเวณชั้น 1 เดอะมอลล์ บางแค บริเวณชั้นพี ล็อบบี้ 5 และเดอะมอลล์ นครราชสีมา บริเวณชั้น 2 เปิดบริการรับบริจาคโลหิตทุกวัน ตั้งแต่เที่ยงตรง-18.00 น. สอบถามโทร. 02-310-1635 ที่นี่เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุดตลอดทั้งปีนี้

“บริจาคเกิน 100 ครั้ง” ทำดี ทำไม่ยาก

บริจาคโลหิตดีอย่างไร? คำตอบนี้ กิตต์รวี บุญรอด วัย 65 ปี พนักงานวัยเกษียณการบินไทย ผู้บริจาคเลือดไปแล้ว 150 ครั้ง ทำความดีด้วยความศรัทธาและความภาคภูมิใจ โชว์เข็มที่ระลึกเหรียญกาชาดสมนาคุณ ด้วยรอยยิ้มสดชื่น ผิวพรรณสวยสดใส บอกว่าแรงบันดาลใจของการบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน ไม่เพียงแค่ได้ทำกุศล มีความสุขได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยเท่านั้น แต่ก่อนไปบริจาค การได้เช็กตรวจหาน้ำตาล ไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันชนิดดี และการทำงานของตับที่มาตามวัยทุกๆ ครั้ง ก็ได้เช็กสุขภาพตัวเองไปในตัวด้วย

นพ.ธนภพ บำเพ็ญเกียรติกุล แพทย์ประจำบ้านต่อยอดฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คุณหมอหนุ่มวัย 36 ปี ทำยอดบริจาค 129 ครั้ง ฐานะที่คุณหมอเป็นทั้งผู้สั่งใช้โลหิต และเป็นผู้ให้โลหิต กล่าวย้ำว่า การบริจาคเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตมาก เพราะยังไม่มีสารสังเคราะห์ใช้แทนเลือดได้ การบริจาคจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซื้อขายเลือดไม่ได้ เพราะผิดต่อจริยธรรมซึ่งอาจก่อปัญหาต่างๆ ตามมา

ทั้งคู่บริจาคตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น อายุ 17 ปี ด้วยเหตุผลเดียวกัน นี่คือวิธีการบำบุญที่ง่ายดายที่สุด

กิตต์รวี ดำรงตำแหน่งประธานชมรมผู้บริจาคโลหิต 100 ครั้ง ซึ่งมีสมาชิกชมรมกว่า 1,000 คน บอกว่ายังอยากได้สมาชิกมาร่วมชมรมให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เพื่อให้เป้าหมาย ในการจัดหาโลหิตบริจาคที่ได้มาด้วยความสมัครใจ และเต็มใจ ให้มีทั้งปริมาณและคุณภาพมากขึ้น

“ดิฉันบริจาคตั้งแต่เป็นนักเรียน อายุ 17 ปีเราไม่มีเงินต้องขอพ่อแม่ วิธีทำบุญโดยไม่เสียสตางค์ เราทำได้ไม่ยากค่ะ นั่งรถเมล์จากบ้านบางนา มาบริจาคเลือดที่ถนนอังรีดูนังต์ กลุ่มเป้าหมายในการจัดหาโลหิต มีจำนวน 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นเยาวชนเริ่มต้นการเป็นผู้บริจาคโลหิต โดยถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่มที่ 2 ประชาชนทั่วไป รักษาสุขภาพ เพื่อให้บริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน และขยายฐานการบริจาคโลหิต กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีบริจาคได้จนถึง 70 ปี ดิฉันก็เหลือเวลาอีก 5 ปีที่จะบริจาคได้ ก็อยากให้เต็มที่มาทุก 3 เดือนไม่มีขาดค่ะ”

เสียเลือดได้ดี 1 คนให้ พลิกชีวิต 3 คนรับ

การจัดหาโลหิตให้เพียงพอจ่ายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศนั้น จำเป็นต้องอาศัยผู้มีจิตศรัทธา เข้ามาบริจาคต่อเนื่อง โดยสามารถบริจาคโลหิตได้เป็นประจำทุก 3 เดือน คุณหมอธนภพคือผู้บริจาคสม่ำเสมอ และในครั้งที่ 35 ก็เริ่มหันมาบริจาคส่วนประกอบโลหิต คือ พลาสมา หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือการบริจาคน้ำเหลือง ที่ทำให้บริจาคได้ถี่ยิ่งขึ้น ทุก 2 สัปดาห์ก็มาเจาะเลือดบริจาคได้แล้ว

“ผมอยากบริจาคให้มากครั้งที่สุดครับ พลาสมาทำได้ปีละ 24 ครั้ง เราเป็นผู้ชายทำได้ง่ายกว่าผู้หญิง เพราะคุณสมบัติผู้บริจาคพลาสมาผู้ชายน้ำหนัก 50 กก.ขึ้นไป ผู้หญิง 60 กก.ขึ้นไป ผู้หญิงส่วนใหญ่น้ำหนักไม่ถึงที่จะบริจาคได้ และผู้ชายเลือดเข้มข้นกว่าผู้หญิงในวัยมีประจำเดือนด้วย การบริจาคพลาสมารู้สึกว่าร่างกายสบายขึ้น ไม่เพลีย ตัวไม่ซีดทันทีแบบบริจาคธรรมดา ผมแข่งวิ่งมาราธอนก็ยังเล่นกีฬาได้ปกติครับ”

คุณหมอธนภพ อธิบายว่า การบริจาคโลหิต 1 ครั้ง สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างน้อย 3 ชีวิต โลหิต 1 ถุง นำไปแยกเป็นส่วนประกอบโลหิตได้ 3 ชนิด คือ เม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด และพลาสมา นำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้ตรงตามอาการได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เม็ดเลือดแดง รักษาผู้ป่วยเฉียบพลันอุบัติเหตุ ผ่าตัดใหญ่ เกล็ดเลือดรักษาไข้เลือดออก มะเร็งเม็ดเลือดขาว พลาสมารักษาผู้ป่วยช็อกการขาดน้ำ แผลไฟไหม้ และอีกหลายโรค

โลหิตคือปัจจัย 4 ในการรักษาโรค ทั้งในรูปโลหิต ส่วนประกอบโลหิต และผลิตภัณฑ์โลหิต ซึ่งมีนโยบายหลักว่า “โลหิตทุกยูนิต ต้องได้รับจากการบริจาคโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน”

กิตต์รวี บอกทิ้งท้ายว่า ได้ศึกษาข้อมูลเลือดจะขับออกมาเป็นเหงื่อ เป็นของเสียอยู่แล้ว การบริจาคคือการนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด

เสียเลือดได้ดี 1 คนให้ พลิกชีวิต 3 คนรับ

“ดิฉันไม่เคยเจ็บป่วยเลย ชีวิตนี้เคยป่วยหนักๆ ปอดบวมเพียง 1 ครั้งค่ะ ดิฉันอธิษฐานค่ะว่า คนใช้เลือดเราบริจาค ให้เขารอดชีวิต ให้สุขภาพแข็งแรง แล้วขอให้เขาเป็นคนดีเพราะคนใช้เลือดของเรา ก็อาจเป็นโจรผู้ร้ายที่ถูกตำรวจยิงบาดเจ็บ ด้วยมนุษยธรรมก็ต้องรักษาให้รอด ถ้าเขารอดก็ขอให้เขากลับตัวเป็นคนดี และดิฉันยึดสิ่งนี้เพื่ออนุเคราะห์กันและกัน ให้สังคมสงบสุขอีกวิธีค่ะ”

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ให้ข้อมูลมีเป้าหมายการจัดหาโลหิต 2,046,000 ยูนิต/ปี โดยในเขตกรุงเทพมหานคร ต้องจัดหาโลหิตให้ได้อย่างน้อย 6.96 แสนยูนิต/ปี หรือคิดเป็นวันละ 1,600-2,000 ยูนิต

อีก 1.35 ล้านยูนิต เป็นการจัดหาโลหิตในส่วนของภูมิภาค มีสาขาบริการโลหิต 6 แห่ง ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และโรงพยาบาลตำรวจ

ในส่วนภูมิภาคมีภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 13 แห่ง 1 งานบริการโลหิต สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ และสาขาบริการโลหิต จำนวน 166 แห่งทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยมีเหล่ากาชาดจังหวัดทำหน้าที่ประสานการจัดหาโลหิตให้เพียงพอในแต่ละจังหวัด

เปิดรับบริจาคโลหิตได้ทุกที่ อยู่ที่ไหนก็บริจาคได้ ถ้าเรามีใจเป็นผู้ให้ ไปกันเลยทั่วประเทศ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด 'บิว ภูริพล' นำทัพ วิ่ง 4x100 ชาย ซีเกมส์2025 วันนี้ 15 ธ.ค.68