การดี เลียวไพโรจน์ ซีอีโอซูเปอร์มัม เต็มร้อยกับชีวิต...เต็มที่ทุกบทบาท
การดี เลียวไพโรจน์ หรือ “ดร.อ้อ” เป็นผู้หญิงเก่งที่ผ่านบทบาทการทำงานมาแล้วทั้งอาจารย์
โดย ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์
การดี เลียวไพโรจน์ หรือ “ดร.อ้อ” เป็นผู้หญิงเก่งที่ผ่านบทบาทการทำงานมาแล้วทั้งอาจารย์ นักวิชาการ ที่ปรึกษาธุรกิจเอสเอ็มอี และล่าสุดกับการเบนเข็มก้าวสู่บทบาทใหม่ในตำแหน่งซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ไอโครา บริษัทที่ปรึกษาในการระดมทุนด้วยสกุลเงินดิจิทัล หรือไอซีโอ (ICO : Initial Coin Offering) ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี
นอกเหนือจากบทบาท “นอกบ้าน” ดร.อ้อ ยังเต็มที่กับบทบาท “ในบ้าน” ที่รั้งตำแหน่งคุณแม่ของลูกสาวที่น่ารักทั้ง 2 คน ตอนนี้คนโตน้อง “พอดี” เป็นวัยรุ่นอายุ 16 ปีแล้ว ส่วนคนเล็ก น้อง “มีดี” อยู่ในวัย 7 ขวบ
“อ้อไปรับลูกที่โรงเรียนเกือบทุกวันทานข้าวกับลูกเกือบทุกวัน และทำกิจกรรมกับลูกๆ ทุกเสาร์-อาทิตย์”
ดร.อ้อ เล่าถึงบทบาทความเป็นคุณแม่ที่ให้เวลาเลี้ยงดูลูกสาว 2 คนอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนกับทำงานนอกบ้านมากมาย ตารางชีวิตแน่นเอี้ยดแทบจะนับทุกอย่างเป็นรายนาที
“อ้อจะแบ่งชัดเจนว่างานคืองาน เวลาทำงานเรา 100% เวลาอยู่กับลูกเราก็เต็มที่ 100% ให้เขาเหมือนกัน”
สไตล์การเลี้ยงลูกของเธอ จะใช้วิธีการพูดคุยกับลูก คุยกันทุกเรื่อง โดยเฉพาะลูกสาวคนโตเป็นสาวแล้วอายุ 16 ปี
“เราคุยกับเขาแบบเพื่อน ลูกอยากจะเรียนเต้นฮิปฮอป เต้นเคป๊อป อ้อก็จะไปเรียนกับลูกด้วยสนุกสนานกัน มันเป็นกิจกรรมที่เราไม่ได้ทำตอนเป็นเด็กๆ เพราะต้องเรียนและทำอะไรอย่างอื่น วันนี้ชีวิตที่เลือกได้จึงขอใช้เวลาอยู่กับลูกมากที่สุด”
นอกจากเรื่องเวลา สิ่งที่ ดร.อ้อ เลือกทุ่มเทที่สุดให้ลูกคือการลงทุนให้โอกาสด้านการศึกษา
“อ้อไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ แต่เลือกจะให้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก คือการศึกษา ลูกอยากจะเรียนอะไร เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่”
เรื่องที่ทำให้ภูมิใจในตัวลูกสาวคนโต ชั้น ม.5 ที่เดินมาบอกกับแม่ว่า อยากใช้เวลา 2-3 เดือน ก่อนไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ หาประสบการณ์ชีวิตด้วยการ “ฝึกงานจริง” มากกว่าอยู่ในห้องเรียน
“เขาเดินมาบอกกับแม่ว่า ช่วยไปบอกกับอาจารย์หน่อยว่า ไม่อยากจะเรียนที่โรงเรียน แต่อยากจะไปฝึกงาน เพราะเรียนที่โรงเรียนก็ได้แค่สนุกกับเพื่อนเท่านั้น อ้อบอกกับลูกว่า เยี่ยมมาก และอ้อก็ภูมิใจมากที่ลูกในวัยเพียงเท่านี้ มีความคิดอยากไปฝึกงานในอาชีพที่เขาอยากทำในอนาคต ซึ่งอ้อสนับสนุนเต็มที่
เลยทำจดหมายและไปพบอาจารย์ที่โรงเรียนของลูก เพื่อขออนุญาตไม่เรียน แต่ใช้เวลาที่เหลือไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศเพื่อฝึกงาน ซึ่งสามารถเอาประสบการณ์ไปเป็นสเตทเมนต์ในการเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้” เธอเล่าถึงลูกสาวด้วยความภูมิใจ
หลังจากได้ฟังถึงการใช้ชีวิตที่เต็มที่ทั้งบทบาทในบ้านและนอกบ้านของ ดร.อ้อ ทำให้รู้สึกทึ่งไม่น้อยว่า ซีอีโอซูเปอร์มัมคนนี้มีวิธีบริหารจัดการความเครียดอย่างไร?
“อ้อเป็นคนไม่เครียด จริงจังกับการทำงาน แต่เมื่อถึงเวลาจบแล้วจบเลย ต่อให้จะฟาดฟันแค่ไหน พอจบแล้วก็จบเลย จะไม่เอาความเครียดกลับบ้าน เวลาทำงานเลยใช้สมาธิสูงมาก ตื่นแต่เช้าตี 4 เพื่อที่จะทำงานให้เสร็จ”
ดร.อ้อ บอกว่า เธอไม่ใช่คนที่ทำงานแล้ววีนเหวี่ยงหรือปรี๊ดแตก แต่ด้วยบุคลิกที่มั่นใจ คิดเร็ว พูดตรง ทำให้ดูเหมือนเป็นคนโผงผาง พูดจาไม่อ่อนหวาน ไม่ได้ทำตัวเรียบร้อยน่ารักแบบผู้หญิงทั่วไป เพราะพื้นฐานการศึกษาที่จบมาทางด้านวิศวะ ทำให้เรียนกับเพื่อนที่เป็นผู้ชายมาโดยตลอด
ในฐานะผู้หญิงเก่งและแกร่งที่ผ่านการทำงานมาแล้วมากมาย กับคำถามที่ว่า ดร.อ้อ ในวัยขึ้นต้นด้วยเลข 4 มีความคิดจะวางเกษียณเมื่อไหร่นั้น เจ้าตัวสะท้อนมุมมองการใช้ชีวิตแทนคำตอบว่า อยากขอทำงานที่มีความสุขไปเรื่อยๆ
“ตอนนี้มันเลยจุดที่ไม่อยากจะทำงานแล้ว มีแต่อยากจะทำงานอย่างที่เราสบายใจ การทำงานของอ้อเป็นการทำงานแล้วมีความสุข ซึ่งเราเองเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นได้ ทุกวันนี้งานที่ทำก็เป็นงานที่เลือกแล้วว่าอยากจะทำจริงๆ เป็นงานที่เราเลือกว่าเต็มใจที่จะทำ”
ท้ายที่สุดกับคำถามที่ว่า ตอนนี้ยังมีความท้าทายอะไรในชีวิตที่อยากทำอีกไหม? ผู้หญิงมากพลังและความสามารถอย่าง ดร.อ้อ เล่าว่า ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะทำเยอะแยะไปหมด
ล่าสุดในบทบาทใหม่ของชีวิตกับการเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทไอซีโอ เธอเปิดใจถึงความท้าทายที่ทำให้ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่แวดวงการเงินดิจิทัลว่า มาจากความสนใจเทรนด์ใหม่อย่าง Token (โทเคน) ที่มีระบบบล็อกเชนมาทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทำธุรกรรมต่างๆ ระหว่างกันได้ โดยไม่ต้องมีเงินสดมาเกี่ยวข้องในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
ในอนาคตสามารถพัฒนามาสู่การทำโซเชียลโทเคน อย่างเช่นที่รัฐบาลจีนเตรียมวางแผนทำระบบเครดิตทางสังคม หรือโซเชียลเครดิต ที่มีการให้คะแนนจากพฤติกรรมและการทำดีในสังคมเพื่อใช้ในการเข้าถึงสิทธิพิเศษ เช่น การได้รับทุนการศึกษา การได้รับบริการที่ดีกว่า
“พูดตรงๆ ว่าที่อ้อสนใจไอซีโอ เพราะอยากทำโซเชียลบล็อกเชน โซเชียลโทเคน เพื่อให้เกิดการทำความดีของคน ถ้าย้อนกลับไปสมัยที่เรียนในโรงเรียนจะมีเรื่อง ‘จิตพิสัย’ ใครทำความดีจะได้คะแนนจิตพิสัย ทำดีได้คะแนนเพิ่ม ทำไม่ดีโดนหักคะแนนจิตพิสัย
อ้อมีความฝันที่จะเห็นการทำโทเคนความดี อย่างเช่นเราขับรถฝ่าไฟแดง คะแนนโทเคนความดีเราก็จะถูกหัก ถ้าเราทำดีโทเคนความดีเราก็เพิ่มขึ้น สามารถที่จะนำมาขึ้นรถไฟรถเมล์ฟรี หรือนำมาใช้แลกสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ ที่สำคัญคือไม่ใช่คุณมีเงินแล้วจะมาซื้อ ‘จิตพิสัย’ หรือโทเคนความดีได้ ถ้าอยากได้จะต้องทำความดีเอง”
ซีอีโอซูเปอร์มัมคนเก่ง เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้มีพลังชีวิตทุกๆ วันในการทำงานที่เลือกแล้วว่ามีความสุข และเต็มที่กับทุกบทบาทในชีวิตแบบที่ต้องการ


