บ่มให้สุกโตเต็มวัย ตรึกตรองให้ดีก่อนเป็น ‘พ่อแม่วัยใส’
จากประเด็นข่าวทอล์ก ออฟเดอะ ทาวน์ “ครอบครัวหัวร้อน” มีเรื่องวิวาทกับตำรวจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เรื่อง ชุติมา สุวรรณเพิ่ม
จากประเด็นข่าวทอล์ก ออฟเดอะ ทาวน์ “ครอบครัวหัวร้อน” มีเรื่องวิวาทกับตำรวจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื้อหาข่าวพ่ออายุ 32 ปี แม่ 34 ปี และลูก 19 ปีทำให้เกิดประเด็นตามมาว่า “คนเริ่มมีลูกในวัยใส” หรือมีลูกในวัยรุ่น จะสามารถสร้างสรรค์ครอบครัวคุณภาพสู่สังคมได้หรือไม่?
คำตอบซึ่งแฝงมากับครอบครัวเป็นข่าว สะท้อนปัญหาสังคมในเรื่องคุณภาพของพ่อแม่ จะผลิตลูกหลานคุณภาพเดียวกันออกสู่สังคม และเป็นประเด็นคำถามที่ว่า การตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุน้อยๆ จะอบรมลูกได้มีคุณภาพอย่างไร?!!!
มีข้อมูลเรื่อง “แม่วัยใส ความท้าทายการตั้งครรรภ์ในวัยรุ่น” จากหนังสือรายงานประชากรประเทศไทย ปี 2556 ระบุว่าในแต่ละปีที่ผ่านมาเด็กผู้หญิงและวัยรุ่นจํานวนเกือบ 1.25 แสนคน ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ให้กําเนิดบุตร โดยมีการประเมินว่านี่เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของจํานวนเด็กผู้หญิงและวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ในกลุ่มอายุนี้เท่านั้น
ดังนั้น อาจมีเด็กวัยรุ่นอีก 1.25 แสนคนหรือมากกว่าที่ตั้งครรภ์ แล้วจบลงด้วยการทําแท้งในแต่ละปี เด็กกลุ่มนี้มีสัดส่วนมากกว่า 10% ของเด็กหญิงวัยรุ่นทั้งหมดที่ตั้งครรภ์หรือคลอด ซึ่งได้เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสำหรับประเทศไทย ที่คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงเวชภัณฑ์คุมกําเนิดได้อย่างง่ายดาย
อ่านข้อมูลนี้แล้วดูตันๆ ไม่มีทางออก แต่ทุกๆ การไขปัญหามาฟังคำตอบกัน มีประตูแห่งการสร้างสรรค์คนคุณภาพเปิดรออยู่เสมอ
‘เด็กเลี้ยงเด็ก’ อะไรจะเกิดขึ้น?!!
ข้อความจากเพจดัง “Drama-Addict” หยิบยกเอกสารอ้างอิงงานวิจัยจาก UNFPA สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบต่อสังคม กับการตั้งครรภ์ในขณะที่พ่อแม่วัยรุ่นยังไม่มีความพร้อม พ่อแม่ที่อยู่ในช่วงวัยใส มีโอกาสที่ลูกสาวในรุ่นถัดไปจะมีโอกาสเป็นแม่วัยใสเหมือนรุ่นแม่ สูงกว่ากลุ่มประชากรอื่น ถึง 33% และลูกชายที่เกิดจากแม่วัยใส ก็มีโอกาสที่จะมีประวัติทางอาชญากรรมสูงกว่า ลูกชายที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีลูกเมื่อพร้อม ถึง 2 เท่าตัว
แน่นอนว่า พ่อแม่วัยใสที่ดีมีคุณภาพ เมื่อมีลูกแล้วก็สามารถประคองชีวิตครอบครัวกันไปได้ดี มีอนาคตนั้นมีอยู่จริง เป็นพ่อแม่ที่ให้การเลี้ยงดูสนับสนุนลูกดี เช่นเดียวกับข้อเท็จจริงที่ว่า การมีลูกในวัยเด็กทั้งที่ยังไม่พร้อม นั้นเป็นปัญหาสังคมที่ควรได้รับการแก้ไขโดยด่วนเหมือนกัน
นพ.จิตริน ใจดี จิตแพทย์ศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ระบุว่าคุณภาพของเด็กย่อมมาจากการเลี้ยงดู ซึ่งตามหลักจิตแพทย์ เด็กไม่ได้เรียนรู้จากคำพูดที่สั่งสอนลูกของพ่อแม่เท่านั้น แต่การสร้างนิสัยมาจากพฤติกรรมเลียนแบบ หรือ Imitation Behavior in Children ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเลียนแบบในสิ่งที่ดีงาม ก็ต้องประพฤติตัวให้เห็นชัดเจน
“หมอยกตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณแม่สอนเด็กให้ประหยัด มัธยัสถ์ โดยบอกลูกว่าอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะคะลูก แต่เพียงไม่ถึง 2 นาที คุณแม่หันไปช็อปปิ้งเครื่องสำอางกระหน่ำแล้ว ลูกก็จะไม่ศรัทธาคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ เด็กก็รับรู้นะครับว่า นี่คือการพูดไม่จริง และสร้างนิสัยเด็กเลือกที่จะโกหกได้จากพฤติกรรมเหล่านี้ พ่อแม่คือคนที่เป็นแบบอย่างที่ลูกเลียนแบบได้ชัดเจนที่สุด”
พ่อแม่ที่อยู่ในช่วงวัยใส มีโอกาสที่ลูกสาวในรุ่นถัดไปเป็นคุณแม่วัยใสตามมาเช่นกัน สาเหตุหลักๆ ก็จะมาจากลูกทำในแบบพ่อแม่ทำ นพ.จิตริน กล่าวว่า การเป็นพ่อแม่ตั้งแต่อายุยังน้อย คือมีลูกตอนยังไม่พร้อมแน่ๆ แต่การมีวุฒิภาวะ ที่ตัดสินการเป็นผู้ใหญ่ตรึกตรองได้รอบคอบแล้ว ก็ไม่ได้ระบุว่าวัยใดได้ชัดเจน
“วัยผู้ใหญ่หรือ Adulthood คือวัยไตร่ตรองโดยใช้เหตุผล โดยคำนึงถึงประโยชน์ของตัวเอง และบุคคลรอบข้างเป็นหลัก แต่วัยรุ่นจะเป็นวัยที่คิดถึงตัวเองมากกว่าบุคคลรอบข้าง ความผิดพลาดก็อาจเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะการยึดตัวเองเป็นหลัก การเติบโตในวุฒิภาวะ มีศัพท์ทางจิตแพทย์มีคำว่า Sense of Mastery ซึ่งเป็นการเรียนรู้ของคนที่มาจากภายใน และการเรียนรู้จากภายนอก พ่อแม่ ครู ปู่ย่า ตายาย ญาติผู้ใหญ่บุคคลรอบข้าง คือผู้สั่งสอนเด็กในทางภายนอก การปลูกฝังทั้งสองทางนี้ทำให้เด็กเติบโตได้สมบูรณ์แบบ”
คุณแม่วัยใสเปรียบได้กับ “เด็กเลี้ยงเด็ก”คุณหมอกล่าวว่า เริ่มตั้งแต่ผลกระทบต่อตัวพ่อแม่ ที่ต้องสูญเสียโอกาสทางการศึกษา สูญเสียโอกาสที่จะมีหน้าที่การงานที่ดี ไปจนถึงวุฒิภาวะในการประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง รวมถึงการเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดีของสังคมเพราะมีข้อจำกัดหลายๆ อย่างในชีวิต การป้องกันเรื่องนี้จึงควรเป็นการให้การอบรมสั่งสอน ให้ข้อมูลรอบด้านแก่ลูก
“การสอนเรื่องเพศเป็นหน้าที่ที่พ่อแม่ต้องสอนลูก แต่ควรสอนกลางๆ หมอก็เข้าใจนะว่าเราเติบโตมาในหลักสูตรการเรียนที่มีการสอนเรื่องเพศที่ค่อนข้างน่ากลัว(หัวเราะ) คือสอนเรื่องอวัยวะต่างๆ กันเลยแต่วิธีที่จะสอนกันได้ผล คือการบอกสอนกันสบายๆ ง่ายๆ เช่น วัยเด็กประถมฯ แม่สอนลูกว่านี่คือร่างกายของเราที่จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องตัวได้ง่ายๆ แล้วก็เป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่งอีกด้วย นี่คือการสั่งสอนภายนอกของพ่อแม่ โดยต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆ นะครับ แล้วเด็กจะค่อยๆ เรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากภายในได้ด้วยตัวเอง
ลูกวัยรุ่นพ่อแม่ยิ่งต้องพูดคุยกัน เจรจากันเยอะๆ ถ้าลูกมีแฟนก็ไม่ควรสั่งห้ามทันทีสอนวัยรุ่นไม่ใช่การบอกว่าถูกหรือผิด หรือหันซ้ายขวาเท่านั้น เพราะเขาไม่ฟัง คนเป็นพ่อแม่ต้องทำหน้าที่รับฟังลูกก่อน เขาจึงจะกล้าบอกไม่ปิดบัง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทัศนคติการอบรมเลี้ยงลูก” นพ.จิตรินแนะนำในทางจิตวิทยาอีกหนทางที่ปิดประตูพ่อแม่วัยใสได้
เลี้ยงลูกวัยใส (แม่) เริ่มจะไม่สดใส
เชื่อว่าบ้านไหนมีลูกเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชาย ทุกครอบครัวล้วนแล้วแต่มีความวิตกกังวลทั้งสิ้น ศศิธร กนิษฐ์โรจน์ คุณแม่ที่มีลูกสาววัยรุ่นวัย 19 ปี กำลังศึกษาระดับมหาวิทยาลัยคุณแม่ของวัยรุ่นยุค 4.0 ให้มุมมองที่เชื่อว่าลูกวัยนี้ แม่ๆ ทุกคนย่อมกังวลว่า ลูกจะก้าวผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นได้อย่างงดงามตามวัยที่ควรเป็น
ด้วยเพราะสิ่งเร้าในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งกระตุ้น และปรุงจินตนาการให้ลูกๆ ได้เพริศเตลิดไปกับสิ่งเร้านั้นโดยง่าย คุณแม่ศศิธร มีมุมมองว่ายุคที่พระเอกละคร นักร้องคนโปรด สวมบทบาทหนังรักวัยว้าวุ่น โลดแล่นอยู่ในชุดนักเรียน นักศึกษา ความรักของพระเอกนางเอกสะท้อนผ่านละครวัยรุ่นเรื่องแล้วเรื่องเล่า สร้างความคุ้นชินให้กับเด็ก จนพฤติกรรมการมีเพื่อนสนิท ที่เด็กยุคใหม่ให้คำจำกัดความคนที่เราจับจองว่า คนนื้คือ “แฟน” จึงเป็นเรื่องที่ธรรมดาของสังคม
“สอนลูกสาวเป็นเด็กรู้คิด และรู้จักการวางตัว ลูกก็ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ค่ะ ลูกเป็นเด็กยิ้มแย้ม มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ก็จะได้รับความสนใจจากหนุ่มๆ เข้ามาแสดงตัวบ้าง ตัวลูกไม่สนใจอะไร แต่ตัวแม่ต้องสนค่ะว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้
ดิฉันเลี้ยงลูกคุยกันทุกๆ เรื่อง การคุยกันคือการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เลี้ยงลูกคุยกันทุกปัญหาอย่างเปิดใจและชัดเจน แม่บ้านนี้ก็เลือกบอกลูกตรงๆ ว่า มีแฟนได้ แต่ห้ามฟูมฟาย คืออย่าเอาความรักเป็นที่ตั้ง เพราะการมีแฟนในวัยนี้มันต้องมีเลิกรากันไม่ช้าก็เร็วถ้าคิดว่าต้องมีแฟน เพราะพึงพอใจกันหรืออยากมีเพราะอยากเหมือนเพื่อน ก็ต้องมีจิตที่สตรองแข็งแกร่งพอ
แม่ปลูกฝังสอนลูกสาวถ้าทำแบบนี้ไม่ได้ลูกไม่ควรมีแฟน ข้อสอง แม่ทำความรู้จักเพื่อนลูก และพ่อแม่เพื่อนลูกให้มากที่สุดจะทำให้เรามีเครือข่ายที่จะได้รับรู้รับทราบ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของลูก แต่เมื่อเรารู้ข้อมูลอะไรที่ไม่เคยรู้ (หัวเราะ) ต้องไม่ตีโพยตีพาย แต่ให้สังเกตการณ์อย่างสงบ ค่อยๆ แก้ไข ซึ่งถ้าเราสนิทสนมกับเพื่อนลูกครอบครัวของเพื่อนลูก ความใกล้ชิดกันมันเหมือนญาติ สุดท้ายเด็กก็จะไม่ชอบกันไปเอง เพราะมันไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น”
คุณแม่ศศิธร เผยถึงการเลี้ยงลูก แม่คือพี่เลี้ยง ที่ต้องบอกย้ำกันบ่อยๆ ว่า การเติบโตเป็นระยะทางที่ยาวมาก
“ก็คุยกันบ่อยๆ ค่ะ แม่ก็บอกลูก ความสัมพันธ์ของเด็กสมัยนี้ ล่อแหลม แล้วความรักก็มักจบแบบไม่สวย เป็นรักที่ขัดใจพ่อแม่ ก็จะมาจากเด็กลักลอบเป็นแฟนกันโดยที่พ่อแม่ไม่รับรู้ เพราะการมีความลับกับผู้ปกครอง มันสนุก และเร้าใจวัยรุ่นดังนั้นเราต้องตัดตอนเรื่องนี้ออกไปให้ได้
ช่วงวัยอันตราย คือพรีทีน อายุ 12-13 ปี ประมาณชั้น ม.1-ม.2 เป็นช่วงฮอร์โมนวัยพลุ่งพล่านที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ไม่ต้องรับมือกับการเตรียมสอบเข้า หรือย้ายโรงเรียน จึงเป็นช่วงที่เด็กๆ จะจับจองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันมากที่สุด พอถึง ม.3 ประมาณอายุ 14 ปี เพื่อเตรียมการเข้าเรียนระดับชั้น ม.ปลาย จะต้องเลือกแผนการเรียนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย การเรียน ม.ปลาย จึงเป็นระดับชั้นที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เด็กวัยนี้จะกลับมารับผิดชอบชีวิตกันอีกครั้ง เข้ารูปเข้ารอยกันอีกครั้ง
ถ้าลูกไม่สามารถผ่านช่วง ม.1-ม.2 ได้ปัญหาก็จะต่อเนื่องมาถึง ม.3 และต่อไปได้อีกยาวๆ เลยค่ะ ส่วนการเลือกโรงเรียนสำหรับลูกสาว ดิฉันเลือกให้เรียนในโรงเรียนสหรวมหญิงชายในระยะเริ่มแรก เพื่อให้มีเพื่อนหลากหลาย มีการปรับตัวในการเข้าสังคมกับเพื่อนต่างเพศ
แล้วเมื่ออยู่ในช่วงชั้นที่โตขึ้น บ้านนี้เลือกให้เรียนโรงเรียนหญิงล้วน จะเหมาะกว่าเพราะการเรียนการสอนสมัยนี้ จะเน้นการเรียนการสอนแบบใหม่ที่เน้นกิจกรรมนอกห้องเรียนร่วมกันเยอะ การเรียนโรงเรียนหญิงล้วน การดูแลลูกสาวก็จะง่ายกว่าแน่นอนค่ะ ลดทอนปัญหาเรื่องรักในวัยเรียนไปได้ไม่น้อย”
ศศิธร บอกว่า ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นเคร่งเครียดแต่อย่างใด แต่การเรียนในระดับมัธยมนั้น ยังเป็นช่วงชั้นที่ต้องโฟกัสในเรื่องการเรียนให้มากที่สุด เพราะมันเป็นการเรียนเพื่อนำไปใช้ต่อในการเลือกคณะ มหาวิทยาลัย และกำหนดเป้าหมายอนาคตต่อไป
เน้นการดูแลอย่างใส่ใจกันทุกขั้นตอนตั้งแต่เล็กจนโตค่ะ ลูกเอาพ่อแม่มาใส่ไว้ในใจ และพ่อแม่เอาความรู้สึกนึกคิดของลูกมาใส่ไว้ในใจ ลูกสาวของทุกๆ ครอบครัวก็จะเป็นลูกวัยใส แทนคุณแม่วัยใสอย่างแน่นอนค่ะ” ศศิธร เผยเทคนิคเลี้ยงลูกสาวในยุคนี้ ในแบบง่ายๆ สบายๆ แต่เน้นคุณภาพ


