posttoday

ระวัง! โรคติดเชื้อ หลังปลูกถ่ายอวัยวะ

05 พฤษภาคม 2561

การปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

โดย โสภิตา สว่างเลิศกุล [email protected] ภาพ : เอเอฟพี

การปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันสามารถทำการปลูกถ่ายอวัยวะได้หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หัวใจ ปอด ตับ ไต เป็นต้น

ศาสตร์ของการปลูกถ่ายอวัยวะถือว่าเป็นความสำเร็จสำคัญทางการแพทย์ที่ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้ยาวขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่พบภายหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ คือภาวะติดเชื้อ ซึ่งถือได้ว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้

สำหรับในประเทศไทย ไต (Kidney)เป็นอวัยวะที่มีการปลูกถ่ายมากที่สุด ไตเป็นอวัยวะหนึ่งในระบบปัสสาวะ และเป็นอวัยวะสำคัญไม่แพ้สมองและหัวใจ

ไต เปรียบเสมือนเครื่องกรองสุดพิเศษ ทำหน้าที่กรองน้ำ เกลือแร่ รักษาระดับน้ำ และสารเกลือแร่ในร่างกายรวมถึงคัดสารเคมีส่วนเกิน สารคัดหลั่ง ของเสียต่างๆ ออกจากร่างกาย โดยขับออกมาในรูปของน้ำปัสสาวะ

ปกติแล้วคนเราจะมีไตอยู่สองข้างซ้ายขวา ทว่าไตเพียงข้างเดียวก็เพียงพอในการทำหน้าที่ได้เช่นกัน แต่หากไตทำหน้าที่ผิดปกติไป จนเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง ทางออกหนึ่งนอกจากการฟอกเลือดก็คือ การเปลี่ยนไต

ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ชื่อ “เรื่องใหม่ควรรู้... โรคติดเชื้อภายหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะ” โดย รศ.พญ.สิริอร วัชรานานันท์ อายุรแพทย์ที่ปรึกษาด้านโรคติดเชื้อภายหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลพระรามเก้า ชี้ว่า จากรายงานของสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย พบว่าปัญหาการติดเชื้อถือว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง ภายหลังจากการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ซึ่งไม่แตกต่างจากรายงานทางการแพทย์ของประเทศอื่น

ศาสตร์ทางด้านการติดเชื้อภายหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหม่ทางการแพทย์ ที่มีรายละเอียดในการดูแล แตกต่างจากภาวะติดเชื้อในคนไข้ทั่วๆ ไป พบว่าการติดเชื้อในผู้ป่วยคนไทย แตกต่างจากผู้ป่วยทางตะวันตก ด้วยภูมิประเทศ ภูมิอากาศ อุบัติการณ์ของโรคติดเชื้อในพื้นที่ ความเชื่อ การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน

“ก่อนการปลูกถ่ายอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นไตหรืออวัยวะอื่นๆ ควรจะมีการวางแผนในทีม เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยควรจะมีการประเมินผู้ป่วยเป็นรายๆ ไป ตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนอวัยวะ

เมื่อคนไข้เข้ามาพบแพทย์สิ่งแรกต้องมีการสกรีนและการทำความเข้าใจกับคนไข้ ทั้งในเรื่องการผ่าตัด และการรักษาภายหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยแพทย์โรคติดเชื้อ สามารถมีบทบาทในการช่วยประเมินความเสี่ยงและวางแผนในการป้องกันและรักษาโรคร่วมไปกับแพทย์ในทีม

เบื้องต้นต้องมีการซักประวัติหรือตรวจสอบประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจเลือดของผู้รับบริจาค (ขึ้นกับว่าผู้บริจาคมีชีวิตหรือเสียชีวิต) และรับบริจาค

กรณีมีความผิดปกติจากการตรวจเบื้องต้นที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แพทย์โรคติดเชื้อควรมีบทบาทในการช่วยวางแนวทางรักษาหรือตัดสินใจในการปลูกถ่ายอวัยวะด้วย

ด้านการทำงานคัดกรองผู้ป่วยและอวัยวะว่ามีความพร้อมต่อการปลูกถ่ายหรือไม่นั้น พยาบาลผู้ประสานงานโครงการปลูกถ่ายอวัยวะต้องทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมง โดยการทำงานเป็นทีมร่วมกับทางทีมแพทย์ และได้รับความร่วมมือจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลผู้ให้บริจาค ในการประสานงานและให้ข้อมูลของผู้ป่วยที่เป็นประโยชน์ในการต้องเตรียมความพร้อมในทีมอย่างตลอดเวลา”

โดยทั่วไป รศ.พญ.สิริอร กล่าวว่า การติดเชื้อในช่วง 6-12 เดือนแรกภายหลังการปลูกถ่ายอวัยวะนั้น อาจจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นช่วงที่ร่างกายมีภูมิต้านทางต่ำกว่าช่วงอื่นๆ จากขนาดของยากดภูมิต้านทานที่สูงกว่าช่วงอื่นๆ เพื่อป้องกันการต่อต้านอวัยวะใหม่ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ง่ายและอาจจะมีความรุนแรงของการติดเชื้อที่สูงขึ้น

“เนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ต่ำลง จะทำให้เชื้อโรคแบ่งตัวได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยที่อาการนำในช่วงแรกของผู้ป่วยอาจจะน้อยมาก แต่ในทางตรงกันข้าม การดำเนินโรคอาจจะรวดเร็วจนถึงชีวิตได้”

ทั้งนี้สาเหตุโรคติดเชื้อที่พบได้ รศ.พญ.สิริอร ขยายภาพว่า อาจจะไม่ใช่เพียงแค่เชื้อแบคทีเรียเหมือนที่พบได้บ่อยในคนปกติ แต่กลับมีความเสี่ยงต่อเชื้ออื่นๆ ได้แก่ เชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อไมโคแบคทีเรียม เชื้อหนอนพยาธิ เชื้อโปรโตซัว หรืออาจจะเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะหลายชนิด เป็นต้น ซึ่งระดับความรุนแรงของเชื้อแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกันออกไป

“การป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสำคัญ ไม่ว่าจะด้วยการให้ยาป้องกัน การเจาะเลือดตรวจติดตามปริมาณเชื้อไวรัส และการวินิจฉัยโรคติดเชื้อเหล่านี้จึงจำเป็นต้องอาศัยผู้ชำนาญและห้องปฏิบัติการที่มีศักยภาพในการตรวจวิเคราะห์เชื้อได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด

นอกจากนี้ การให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยแต่ละรายก็เป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยหลายรายที่บ้านทำสวน หรือมีอาชีพทางการเกษตร ก็ต้องแนะนำการปฏิบัติตัว ว่าจะทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น สวมถุงมือยางและใช้ผ้าปิดปาก จมูก เพื่อป้องกันการติดเชื้อรา จากดิน ปุ๋ย หรือมูลสัตว์ปีก

หรือคำแนะนำเรื่องการรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย และอาหารที่ปรุงสุกสะอาด ไม่ควรรับประทานผักดิบ ไข่ดิบ เพราะอาจมีเชื้อที่ติดมาและทำความสะอาดไม่หมด และการรับประทานยาอย่างเหมาะสมภายหลังจากการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ

ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานยาหลายชนิด โดยเฉพาะยาที่มีฤทธิ์ในการกดภูมิต้านทานของร่างกาย เพื่อป้องกันมิให้ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านไตใหม่ที่ได้รับ ดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของยา รวมถึงวิธีรับประทานยาที่ถูกต้องรวมถึงผลข้างเคียงของยา

ผู้ป่วยไม่ควรขาดยา โดยเฉพาะยากดภูมิคุ้มกัน และที่สำคัญเวลาไม่สบายไม่ควรไปซื้อยามารับประทานเอง หรือปรับขนาดของยารับประทานโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่ง รวมถึงควรงดการกินอาหารเสริมบางอย่างที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจจะมีผลเปลี่ยนแปลงระดับของยากดภูมิคุ้มกัน”

ข่าวล่าสุด

ไทยยันถกGBCกัมพูชาจันทบุรีย้ำแก้ปัญหาทวิภาคีไม่ไปมาเลเซีย