posttoday

ความหนาวในหน้าร้อน ‘ดอยสวนยาหลวง’

10 มีนาคม 2561

อดีตไร่ฝิ่นถูกเปลี่ยนเป็นถิ่นปลูกกาแฟ อดีตภูเขาอันแห้งแล้งถูกเปลี่ยนเป็นป่าอันหนาวเย็น โดยภาพทั้งสองล้วนเกิดขึ้นหลังชาวบ้านเผ่าอิ้วเมี่ยน “บ้านสันเจริญ”

โดย /ภาพ : กาญจน์ อายุ

อดีตไร่ฝิ่นถูกเปลี่ยนเป็นถิ่นปลูกกาแฟ อดีตภูเขาอันแห้งแล้งถูกเปลี่ยนเป็นป่าอันหนาวเย็น โดยภาพทั้งสองล้วนเกิดขึ้นหลังชาวบ้านเผ่าอิ้วเมี่ยน “บ้านสันเจริญ” ต.ผาทอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน เปลี่ยนวิถีจากปลูกฝิ่นและพืชเชิงเดี่ยวมาปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ใหญ่ จึงฟื้นฟูสภาพเขาหัวโล้นให้กลายเป็นป่าใหญ่ และพลิกฟื้นคุณภาพชีวิตที่ดีให้ชุมชน

 “น้าป่า” ไกด์ท้องถิ่นเล่าว่า ในยุคพ่อของน้าป่าชาวบ้านที่นี่ปลูกฝิ่น แต่หลังจากฝิ่นผิดกฎหมาย คนรุ่นต่อมาได้เปลี่ยนมาปลูกฝ้ายและข้าวโพด จนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ชาวบ้านสันเจริญได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับการรู้จัก “กาแฟ”

 “สมัยของผมไม่ทันการปลูกฝิ่นแล้ว แต่พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า การปลูกฝิ่นต้องใช้พื้นที่กว้าง ภูเขาทุกลูกเป็นเขาหัวโล้น พอเลิกฝิ่น ป่าไม้ก็ขึ้นมาเอง และการปลูกกาแฟก็ทำให้ป่ากลับคืนมา พื้นที่ไหนที่ไม่ได้ปลูกก็ปล่อยให้ป่าขึ้น และแบ่งเขตพื้นที่ให้เป็นป่าไม้ใช้สอยของชุมชน

 เราเริ่มเปลี่ยนมาปลูกกาแฟสายพันธุ์อราบิกาเมื่อปี 2535 รับพันธุ์มาจากพะเยา ตอนแรกเริ่มปลูกกันแค่จาก 3 บ้านและค่อยๆ ขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ พอมีคนเริ่มรู้จักก็เริ่มมีหน่วยงานเข้ามาหาทำให้มีความต้องการมากขึ้น พอคนในชุมชนเห็นก็เริ่มเปลี่ยนจากการปลูกฝ้ายมาปลูกกาแฟ จากนั้นก็เปลี่ยนจากไร่ข้าวโพดเป็นไร่กาแฟ ทำให้ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านปลูกกาแฟเป็นหลัก มีพื้นที่ปลูกประมาณ 5,000 ไร่”

ความหนาวในหน้าร้อน ‘ดอยสวนยาหลวง’ 00 จิบกาแฟชมพระอาทิตย์ขึ้นบนดอยสวนยาหลวง

 

 ชาวสันเจริญเป็นชนเผ่าอิ้วเมี่ยนที่ยึดอาชีพปลูกกาแฟสายพันธุ์อราบิกาเป็นหลัก บนความสูง 1,100-1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ “ยอดดอยสวนยาหลวง” คำว่า ยา หมายถึง ฝิ่น จึงหมายถึง ดอยสวนฝิ่นที่กว้างใหญ่ แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยต้นกาแฟใบเขียวเข้มแซมด้วยต้นลิ้นจี่และลำไยเก็บผลผลิตเป็นรายได้เสริม

 นอกจากวิถีเกษตรแต่ดั้งเดิม เมื่อไม่นานมานี้บ้านสันเจริญยังเปิดการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยมีคนรุ่นใหม่อย่าง “กริช” ภูวนาท เจริญรัตนนุกุล ชาวอิ้วเมี่ยนวัย 32 ปี เป็นตัวตั้งตัวตีร่วมมือกับชาวบ้าน พานักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตและธรรมชาติบนยอดดอย

 “ผมโตมาเจอสภาพแวดล้อมแบบนี้ทุกวัน พอไปเรียนหนังสือทำให้รู้ว่าการท่องเที่ยวสามารถพัฒนาบ้านเราได้ ตอนเรียนปริญญาตรีผมเลยเลือกเรียนคณะการท่องเที่ยว และตัดสินใจกลับบ้านหลังทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศได้สักพัก พอกลับมาก็มาทำวิสาหกิจชุมชนกับคนในชุมชน เพราะตอนนั้นในกลุ่มมีสิ่งที่ต้องแก้ มีสิ่งที่ต้องพัฒนาและมีสิ่งที่ต้องทำต่อในเรื่องของคุณภาพกาแฟ

 ถึงปี 2556-2557 คำว่า กาแฟสเปเชียลตี้เริ่มเข้ามา ผมก็เริ่มทำกาแฟสูตรพิเศษ ทำโรงคั่ว จนปี 2558 ผมทำแบรนด์ของตัวเองชื่อ ลาเปี้ยน คอฟฟี่ เน้นกาแฟสเปเชียลตี้ และเน้นความเป็นครอบครัวเพื่อให้คนดื่มรู้สึกว่าได้ดื่มกาแฟจากครอบครัวของเรา และด้วยความบังเอิญคือ มีคนมาเที่ยวแล้วเห็นว่าในโรงคั่วมีเครื่องทำกาแฟอยู่ มันเลยกลายเป็นร้านกาแฟไปโดยปริยาย

ความหนาวในหน้าร้อน ‘ดอยสวนยาหลวง’ 01 ดริปกาแฟยามเช้า

 

 ตอนนี้ผมรับซื้อกาแฟจากชาวบ้านกิโลกรัมละ 18 บาท แล้วนำมาแปรรูปเป็นกาแฟสเปเชียลตี้ ซึ่งหากชาวบ้านสามารถแปรรูปเองได้คุณภาพมันจะมา เพราะพอเก็บเมล็ดก็สามารถผ่านกระบวนการได้เลย ไม่ต้องเก็บค้างไว้ โดยตอนนี้วิสาหกิจชุมชนยังเป็นหลักใหญ่ในการรับซื้อกาแฟจากชาวบ้าน จึงไม่มีปัญหาราคากาแฟตกต่ำหรือผลผลิตล้นตลาด เพราะมีตลาดคอยรับซื้อนำไปแปรรูปเป็นแบรนด์ของตัวเอง

 ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ตอนแรกผมทำท่องเที่ยวแค่หน้าฝน เพราะวิวสวย มีทุ่งหญ้าสีเขียว มีทะเลหมอก มีดาว จากนั้นเมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักคนก็ติดต่อมาเที่ยวหน้าหนาว เพราะอยากสัมผัสอากาศหนาว ส่วนหน้าร้อนเพิ่งเปิดท่องเที่ยวในเดือนนี้ (มี.ค.)”

 กริชอธิบายว่า ฤดูฝน นักท่องเที่ยวจะได้รับความเฉอะแฉะและลุยกว่าฤดูอื่น เพราะเส้นทางขึ้นไปยังยอดดอยสวนยาหลวงจะเละเป็นโคลน ต้องพันโซ่ที่ล้อรถโฟร์วีล และใช้ความชำนาญอย่างยิ่งในการขับรถ โดยรถจะไปถึงแค่จุดค้างแรม (บ้านกลางไร่กาแฟของครอบครัวกริช) แล้วนักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าขึ้นไปยอดดอยเองอีก 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง

 “สวมรองเท้าสตั๊ดดอย เริ่มเดินตั้งแต่ตี 4 จะไปถึงองค์พระตอน 6 โมงเช้า องค์พระเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร หันหน้าไปทางทิศตะวันออกประทานพรให้ชุมชนพอดี ผมรับประกันว่าหน้าฝนทุกคนจะได้เห็นมหาสมุทรหมอก และพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นถ้าไม่กลัวเปียกฝนก็สามารถนอนเต็นท์บนยอดดอยเพื่อรอถ่ายทางช้างเผือกตอนกลางคืนได้เลย” กริชกล่าว

ความหนาวในหน้าร้อน ‘ดอยสวนยาหลวง’ 03 สันเขาสีเหลืองทองของดอยสวนยาหลวง

 

 ส่วนฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอากาศหนาวจัด รถโฟร์วีลขึ้นไปถึงยอดดอย ชมทะเลหมอก และระหว่างทางจะเห็นชาวบ้านขึ้นมาเก็บกาแฟ ส่วนฤดูร้อนนักท่องเที่ยวจะไม่เห็นทะเลหมอก แต่ยังได้สัมผัสความหนาวเย็นในหน้าร้อน ได้เห็นดอกกาแฟสีขาว สูดกลิ่นความหอมไปทั้งดอย และยังเห็นดาวเต็มฟ้าในคืนข้างแรม

 “ทุกทริปจะได้จิบกาแฟดริปบนยอดดอย” หนุ่มอิ้วเมี่ยนจะเตรียมอุปกรณ์ขึ้นไปดริปกาแฟให้ดื่มคลายความหนาว พลางชมพระอาทิตย์ขึ้น ให้กลายเป็นวันใหม่ที่น่าจดจำ

 นอกจากนี้ ในชุมชนสันเจริญยังมีวิถีชีวิตอย่างการปักผ้า ตีมีด และจักสานทำกระบุงเก็บกาแฟ ซึ่งกริชจะพาเดินไปชมตามบ้าน พูดคุยกับลุงป้าน้าอา และปิดท้ายด้วยการเติมพลังข้าวต้มจากข้าวไร่ที่ชาวบ้านปลูกเองเป็นอาหารเช้า

 12 กิโลเมตรจากชุมชนถึงยอดดอยสวนยาหลวงเป็นเส้นทางดินขรุขระ ต้องอาศัยรถโฟร์วีลเป็นพาหนะและคนขับในพื้นที่เท่านั้นถึงจะรอด โดยในหน้าร้อนเช่นนี้เส้นทางไม่ลื่นแต่ฟุ้งไปด้วยฝุ่น ใช้เวลาเดินทางถึงยอดดอยประมาณ 45 นาที คนนั่งหลังกระบะต้องเตรียมตัวยึดให้ดี เพราะจะโยก กระโดด กระแทก ท้าทายความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และความยืดหยุ่นของร่างกายเป็นอย่างดี

ความหนาวในหน้าร้อน ‘ดอยสวนยาหลวง’ 04 พระอาทิตย์ขึ้นบนดอยสวนยาหลวง

 

 ระหว่างทางจะเห็นสวนลิ้นจี่ สวนลำไย และเมื่อไต่ระดับความสูงไปจนถึงจุดที่ปลูกกาแฟได้ ก็จะเห็นต้นกาแฟปลูกเป็นแถวใต้ต้นไม้ใหญ่สุดลูกหูลูกตา โดยช่วงนี้เป็นเดือนสุดท้ายของการเก็บผลผลิต ก่อนที่ผลเชอร์รี่ (ผลกาแฟสีแดง) จะงอมสุกเป็นสีดำคาต้นจนเรียกพวกตัวมอดมาโจมตี ทำให้ระหว่างทางต้องจอดหลบหลีกให้รถกระบะบรรทุกกระสอบกาแฟผ่านเป็นระยะ

 เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยสวนยาหลวงจะได้ไปเยือนถึงสองจังหวัด เพราะบนนั้นเป็นจุดแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติของสองจังหวัด โดยพระอาทิตย์จะขึ้นฝั่งน่านและตกฝั่งพะเยา แต่เส้นทางขึ้นเขาจากพะเยาลำบากกว่าน่าน (เส้นทางจากน่านก็ว่ายากแล้ว) จึงไม่แปลกที่คนพะเยาจะยังไม่ทราบว่ายังมียอดดอยที่อากาศดีและสวยงามอยู่ด้วย

 ถามน้าป่าว่า หลังจากกาแฟเข้ามา คุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือไม่ น้าป่าตอบว่า ดีขึ้นกว่าปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพราะชาวบ้านไม่มีหนี้ ไม่ต้องกังวลว่ามื้อนี้จะกินอะไร แต่ที่ดีกว่าคุณภาพชีวิตคือ คุณภาพของป่าไม้ที่ตอนนี้มองไปทางไหนก็เป็นสีเขียว มีต้นไม้ใหญ่ และมีกาแฟที่สร้างรายได้ให้ครอบครัว

 สายลุยและคอกาแฟที่ต้องการปลีกวิเวก อยากให้ไปลองนอนกลางไร่กาแฟที่ไม่มีไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์ ไปสัมผัสชีวิตคนปลูกกาแฟที่ใช้ชีวิตทั้งหมดกับมัน และไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่ไม่สนใจว่าข้างล่างจะร้อนแค่ไหน เพราะเมื่อมีป่าก็มีความหนาวเย็นตราบนานเท่านั้น เป็นของขวัญที่คนรู้จักอยู่กับป่าอย่างสมดุลและยั่งยืน

...........ล้อมกรอบ...........

 ค่าใช้จ่าย 2 วัน 1 คืน คนละ 1,000 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ (เย็นและเช้า เมนูอาหารขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในแต่ละวัน) ไกด์ท้องถิ่น กาแฟดริปยามเช้า และรถขับเคลื่อนสี่ล้อไป-กลับ โดยจำกัดคันละไม่เกิน 10 คน หากมา 2 คนจะคิดราคาเหมา 4,500 บาท

 ติดต่อ “กริช” เจ้าของร้านกาแฟ ลาเปี้ยน คอฟฟี่ โทร. 08-6390-7737 และเพจเฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ

...........ใต้ภาพ............

00(รูปเปิด) จิบกาแฟชมพระอาทิตย์ขึ้นบนดอยสวนยาหลวง

01 ดริปกาแฟยามเช้า

02 นักท่องเที่ยวนั่งดื่มกาแฟกลาอากาศหนาวบนยอดดอย

03 สันเขาสีเหลืองทองของดอยสวนยาหลวง

04 พระอาทิตย์ขึ้นบนดอยสวนยาหลวง

05 ชาวบ้านห่อตัวด้วยผ้าห่มคลายความหนาวในหน้าร้อน

06 กริชจิบกาแฟดริปกลางแดดอุ่น

07 ดริปเปอร์จากไผ่สาน ฝีมือชาวบ้านสันเจริญ

08 อ้าแขนรับพลังธรรมชาติ

09 เงานักท่องเที่ยวเคียงคู่พระพุทธรูปปางประทานพร

10 ผ้าโบกสะบัดตามกระแสลมแรง

11 นักท่องเที่ยวกระโดดเป็นแบบให้ตากล้อง

12 ชาวบ้านขึ้นมาเก็บกาแฟผลเชอร์รี่ก่อนจะสุกจนเน่าเสีย

13 สตรอเบอร์รี่สดจากไร่ของชาวบ้าน

14 อาหารถิ่นอิ้วเมี่ยนเสิร์ฟบนใบตองเป็นอาหารเย็นของนักท่องเที่ยว

15 ครัวเตาฟืนในบ้านพัก

16 กาแฟผลเชอร์รี่ ผลผลิตหลักของชาวบ้านสันเจริญ

17 ชาวบ้านรูดเก็บผลกาแฟในช่วงสุดท้ายก่อนสุกงอม

18 คุณยายแต่งชุดอิ้วเมี่ยนนั่งปักผ้าเข็มต่อเข็ม

19 ชุดแต่งงานของเจ้าสาวชาวอิ้วเมี่ยน

20 น้ำตกออกรู

21 ร้านกาแฟลาเปี้ยนคอฟฟี่

ข่าวล่าสุด

ราชกิจจาฯ ออกกฎใหม่ ปรับเพดานค่าจ้าง ม.33 สูงสุด 23,000 บาท