เวลาที่หายไป
เวลาบนโลกนี้หมุนไปด้วยจังหวะที่เท่าๆกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่เรามองเห็นเวลาที่กำลังหมุนผ่านไปหรือไม่.....
เวลาบนโลกนี้หมุนไปด้วยจังหวะที่เท่าๆกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่เรามองเห็นเวลาที่กำลังหมุนผ่านไปหรือไม่.....
เมื่อมีงานมากองอยู่ตรงหน้า ใครบางคนมักมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า “งานมากขนาดนี้ แล้วจะทำเสร็จไหม” ด้วยเงื่อนเวลาที่มีจำกัด จึงทำให้ใครคนนั้นวิตกว่า เขาจะทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำ
ความสั้น-ยาวของเวลามักถูกนำมาอ้างเสมอเมื่อต้องลงมือทำบางสิ่งบางอย่างที่ถูกขีดวันเสร็จสิ้นเอาไว้ล่วงหน้า หลายคนมักเอ่ยขึ้นก่อนตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือทำว่า “ให้เวลาน้อยอย่างนี้ ฉันทำไม่เสร็จหรอก”
แม้การงานกับเวลาจะสัมพันธ์กับความสามารถของแต่ละบุคคล ด้วยในเวลาที่เท่ากัน ใครบางคนอาจทำอะไรได้หลายอย่าง ขณะที่ใครอีกคนอาจทำอะไรได้ไม่กี่อย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจอยู่ที่ว่า เราได้มองเห็นเวลาที่กำลังเดินไปข้างหน้าหรือไม่
เมื่อมีหน้าที่ที่ต้องทำ บางคนอาจลงมือทำในทันที เพราะรู้ตัวว่าด้วยความสามารถที่มีอยู่ กับเส้นตายที่งานต้องเสร็จนั้น หากจะทำให้ได้ดีก็ต้องลงมือทำเสียแต่บัดนี้
ขณะที่อีกคนอาจรู้สึกเฉยๆ เมื่อมีงานที่ต้องทำ เขาอาจคิดว่ายังเหลือเวลาอีกเหลือเฟือในการทำ แล้วใครคนนั้นก็หันไปทำสิ่งตามที่ใจต้องการ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ควรทำนั้นยังไม่ได้ทำ
สุดท้ายงานที่ควรทำก่อน ก็ถูกนำมาทำทีหลังในช่วงที่ใกล้กับกำหนดส่งงาน คุณภาพที่ได้ก็แปรผันไปตามเวลาที่เหลืออยู่
ใครบางคนเตือนชายหนุ่มว่า อย่าเคยชินกับคำว่า “เอาไว้ก่อน” หรือ “เดี๋ยวค่อยทำ” เป็นอันขาด เพราะหากเคยชินกับคำพูดเหล่านี้แล้ว สิ่งที่อยากจะทำ จะไม่มีวันได้ทำ
คำกล่าวของใครคนนั้นทำให้ชายหนุ่มคิดถึงเพื่อนบางคน...
ระหว่างการสนทนาเรื่องสัพเพเหระทั่วๆ ไป เพื่อนก็เอ่ยขึ้นว่า อยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถในการทำงาน และหวังว่าความสามารถนี้จะช่วยให้หน้าที่การงานก้าวหน้ายิ่งขึ้น ชายหนุ่มพบว่าระหว่างที่คุยเรื่องนี้กันนั้น เพื่อนดูกระตือรือร้นที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้
แต่เมื่อถามว่าแล้วทำไมไม่ไปสมัครเรียนเสียที ก็ได้รับคำตอบว่า “ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปสมัครก็ได้”
1 ปีผ่านไป เพื่อนคนนั้นของชายหนุ่มก็ยังไม่เคยย่างกรายเข้าไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อผัดวันประกันพรุ่งจนเคยชิน เราอาจลืมไปว่า เวลากำลังเดินไปข้างหน้าอยู่เสมอ และในขณะเดียวกันเราก็หมดเวลาที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจลงไปเช่นกัน
ซ้ำร้ายกว่านั้น บางคนกลับคิดว่าเวลานั้น “เหลือเฟือ” จนต้องหากิจกรรมบางประการมา “ฆ่าเวลา” ให้หมดสิ้นไป
เวลาเพียง 1 วินาที อาจแสนสั้นในความรู้สึกคนเรา และเรียกได้ไม่เพียงพอที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาได้ แต่แท้จริง 1 วินาที มันสั้นจริงหรือ?
นักฟิสิกส์ระดับอนุภาค หรือ “ควอนตัม ฟิสิกส์” ค้นพบว่า ในระยะเวลา 1 วินาที หรือน้อยกว่านั้น สามารถเกิดหลายสิ่งหลายอย่างขึ้นได้มากมาย
เสี้ยววินาที คือระยะเวลาที่ อนุภาคแสง หรือโฟรตอน วิ่งข้ามนิวเคลียสของอะตอม
ในการศึกษาบิ๊กแบง ที่เป็นต้นกำเนิดของจักรวาล พบว่า ในเศษหนึ่งส่วนล้านวินาทีนั้น จักรวาลได้วิวัฒนาไปไกลโข
ในห้วงเวลาที่คนเราเคยชินระยะเวลาเพียงไม่กี่วันอาจสั้นในความรู้สึก แต่สำหรับเพื่อนร่วมโลกอย่างแมลงแล้ว กลับเป็นเวลาที่ทำอะไรได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
ปลวกใช้เวลาราว 1-2 ปี ซึ่งเป็นเวลาตลอดช่วงชีวิตของมัน ในการทำงานสร้างรัง หาอาหารเลี้ยงตัวอ่อนที่เกิดใหม่ และกำลังเติบโตและทิ้งผลงานจอมปลวกชิ้นโตเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
ขณะที่ มด ขยันค้นหาอาหารและสร้างรังตลอดช่วงชีวิต 45-60 วัน โดยไม่มีหยุด
ผึ้งใช้เวลา 28-65 วัน ตลอดอายุขัยในการสร้างรวงผึ้งขนาดใหญ่และมีน้ำหวานอยู่เต็มเปี่ยม
เมื่อลองเทียบสัดส่วนระหว่างแมลงกับมนุษย์แล้ว เรากลับพบบางสิ่งที่น่าตกใจว่า ในช่วงระยะเวลาเพียง 1 นาที เท่าๆ กัน มดปลวกทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายกว่าคนหลายเท่าตัวนัก และหากจะเปรียบเทียบตลอดช่วงชีวิตที่มีเพียงไม่กี่วันของมัน ก็อาจทำให้เราพบว่า มดปลวกทำอะไรต่อมิอะไรได้มากกว่า ใครบางคนจะทำได้ตลอดช่วงชีวิตของตัวเองเสียอีก
ขณะที่เวลา 1 วินาทีของมนุษย์แสนสั้นจนไม่สามารถทำอะไรได้ นั่นยิ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราจำเป็นต้องใช้ทุกๆ วินาทีผ่านพ้นไปให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แทนที่จะปล่อยให้เวลาเหล่านั้นหมดเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์
บางคนใช้เวลาไปอย่างเปล่าเปลืองด้วยสารพัดกิจกรรมเพียงเพราะต้องการ “ฆ่าเวลา” ในขณะที่สิ่งที่ควรทำกลับยังไม่ทำ เพียงเพราะว่าสิ่งเหล่านั้น “ยังไม่ถึงเวลา” ที่จะทำ
ทว่าในความเป็นจริงทุกวินาทีที่หมุนผ่านไปนั้น ต่างเดินหน้าไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ฉะนั้น แทนที่จะคิดถึงแต่การ “ฆ่าเวลา” เราอาจต้องหันมาตระหนักถึงคำว่า “ค่าเวลา” ให้มากขึ้น
เวลาบนโลกนี้หมุนไปด้วยจังหวะที่เท่าๆ กัน ไม่ว่าจะแมลงหรือมนุษย์ก็ล้วนได้รับ 1 วินาทีที่ผ่านเลยไปเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่เรามองเห็นเวลาที่กำลังหมุนผ่านไปหรือไม่
หากคำตอบคือ “ไม่” นั่นอาจทำให้เราตกอยู่ในความประมาท เพราะวันหนึ่งเมื่อคิดจะลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ “เวลา” ที่เคยคิดว่ามีอย่างเหลือเฟืออาจเหลือเพียงน้อยนิด หรือไม่ก็หมดไปอย่างมิอาจทวงคืนได้


