หลอดเลือดแดงใหญ่
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ “โรคหลอดเลือดแดงใหญ่” กันนะครับ บางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง บางคนก็อาจจะรู้สึกคุ้นๆ จากสื่อต่างๆ
โดย นพ.ชนาพงษ์ กิตยารักษ์ สาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ “โรคหลอดเลือดแดงใหญ่” กันนะครับ บางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง บางคนก็อาจจะรู้สึกคุ้นๆ จากสื่อต่างๆ
หลอดเลือดแดงใหญ่มีชื่อทางการแพทย์ว่า เอออร์ตา (Aorta) มีหน้าที่รับเลือดแรงดันสูงออกจากหัวใจไปเลี้ยงอวัยวะทั่วร่างกาย ตั้งแต่สมอง แขนขา ลำไส้ ตับ และไต ปกติแล้วจะมีขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร
โรคที่เราพบได้บ่อยกับหลอดเลือดนี้ ได้แก่ หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Aneurysm) คือการที่หลอดเลือดนี้มีขนาดโตกว่าปกติ เพราะฉะนั้นผนังของหลอดเลือดจึงบางลงเช่นเดียวกับลูกโป่งที่ยิ่งขยายตัวมากก็จะยิ่งบางลงและแตกง่าย หลอดเลือดที่ค่อยๆ โตจะค่อยๆ ก่อให้เกิดอาการปวดตามตำแหน่งของหลอดเลือด เช่น ในช่องอก หรือในช่องท้อง
ความน่ากลัวของโรคนี้คือ ผู้ที่เป็นโรคนี้บางส่วนไม่มีอาการใดๆ เลย แปลว่ามันก็คือมหันตภัยเงียบที่รอวันแตกนั่นเอง อีกโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยคือ หลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกเซาะ (Aortic Dissection) เกิดจากความอ่อนแอของผนังหลอดเลือด ร่วมกับความดันโลหิตที่สูงผิดปกติฉีกเซาะผนังด้านในหลอดเลือด สร้างทางเดินใหม่ที่ผิดธรรมชาติ
ทั้งนี้ ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอเฉียบพลันและยังฉีกเซาะแขนงเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญต่างๆ ผู้ป่วยจึงมีอาการปวดมากทันทีทันใด ปวดมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลักษณะฉีกขาดของอวัยวะในช่วงอก หรือแผ่นหลังและอาจจะมีอาการร่วม เช่น อัมพาตครึ่งซีกซ้ายขวา หรืออัมพาตท่อนล่างของร่างกาย ไตวาย ขาขาดเลือดเฉียบพลัน เกิดจากการฉีกเซาะของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเหล่านั้น
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกเซาะนี้ ถ้าเกิดใกล้ขั้วหัวใจอัตราการเสียชีวิตจะสูงมาก ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดอย่างทันท่วงที และเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การปริแตก (Ruptured Aortic Aneurysm/ Dissection) อัตราการเสียชีวิตจะสูงมากขึ้นไปอีก
ลองนึกภาพท่อประปาขนาด 1 นิ้วแตก แล้วมีน้ำพุ่งออกมาตลอดเวลา กับปริมาณเลือดทั้งตัวที่มีประมาณ 5 ลิตร ผู้ป่วยสามารถ เสียชีวิตจากการเสียเลือดได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แต่ท่านผู้อ่านบทความนี้ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไปนัก ถึงแม้จะเป็นโรคที่น่ากลัว แต่ก็เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก
แล้วใครบ้างที่จะเป็นผู้มีความเสี่ยงในการพบโรคนี้ เรามักพบในผู้ป่วยชายสูงอายุ คนสูบบุหรี่ โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ไม่ดี หรือมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว
แต่ในบางครั้งก็สามารถพบได้ในผู้ป่วยอายุน้อยที่มีความผิดปกติทางด้านพันธุกรรม ซึ่งทำให้เนื้อเยื่ออ่อนแอผิดปกติ ที่เราพบบ่อยๆ เช่น Marfan’s Syndrome ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีลักษณะสูงผิดปกติ แขนขาและนิ้วยาวเก้งก้าง มีความผิดปกติทางสายตา
ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง สงสัย หรือมีความกังวลเกี่ยวกับโรค สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองเบื้องต้น เช่น การทำเอกซเรย์ อัลตราซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ตามความเหมาะสม
การรักษาโรคนี้ในปัจจุบันจะรักษาเมื่อมีอาการปวดที่ไม่ขึ้นหลังควบคุมความดัน หรืออาการที่เกิดจากการกดเบียดของเส้นเลือดที่โป่งพอง เช่น กดหลอดลมจนหายใจลำบาก กดหลอดอาหารจนกลืนลำบาก หรือกดกระเพาะลำไส้จนทานอาหารไม่ได้ หรือก้อนมีขนาดใหญ่ ขนาดของเส้นเลือดโป่งพองที่เป็นข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดในปัจจุบันคือ 5-6 เซนติเมตร
การรักษาแบ่งเป็น 2 วิธีใหญ่ๆ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันคือ การผ่าตัดเปิดแบบมาตรฐาน และการใส่ขดลวดค้ำยันผ่านทางเส้นเลือดแดงบริเวณขาหนีบ (Aortic Endovascular Treatment)
การผ่าตัดแบบเปิดถึงแม้แผลผ่าตัดจะใหญ่กว่าและการพักฟื้นนานกว่า แต่ก็จะสามารถรักษาได้ในทุกพยาธิสภาพ และถือว่าหายขาดในช่วงของเส้นเลือดที่ได้รับการผ่าตัด จึงมักจะเลือกวิธีการรักษานี้ในผู้ป่วยที่แข็งแรงและมีอายุน้อย
ส่วนการรักษาด้วยการใส่ขดลวดค้ำยันนั้นแผลผ่าตัดจะเล็กกว่ามาก การฟื้นตัวของผู้ป่วยก็รวดเร็ว สามารถกลับบ้านภายใน 2-3 วัน แต่ไม่สามารถให้การรักษาได้ในทุกพยาธิสภาพ และจำเป็นจะต้องได้รับการดูแลติดตามอาการต่อเนื่องตลอดอายุขัย เนื่องจากขดลวดมีโอกาสเลื่อน รั่ว ตีบและตันได้
วิวัฒนาการของขดลวดในปัจจุบันดีขึ้น จึงทำให้อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวลดลงมาก จึงพิจารณาใช้วิธีการรักษานี้ในผู้ป่วยที่อายุมาก มีโรคร่วมหลายโรค ร่างกายไม่แข็งแรง และต้องมีพยาธิสภาพของหลอดเลือดที่เหมาะสมกับการใส่ขดลวด
การรักษาทั้งสองแบบต่างก็มีความเสี่ยง ผู้ที่เป็นโรคนี้ควรที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การปริแตก การรักษา ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ในภาวะฉุกเฉินไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็มีอัตราการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนที่สูงมาก
นอกจากนี้โรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการดูแลภาวะนี้ในประทศไทยมีจำนวนจำกัด สำหรับผู้ที่คิดว่ามีความเสี่ยง มีความกังวลเกี่ยวกับโรคนี้ สิ่งที่สามารถทำได้เลย คือ เลิกสูบบุหรี่ และตั้งใจควบคุมความดันให้ดี และอย่าลืมไปพบแพทย์นะครับ


