posttoday

สุริวิภา กุลตังวัฒนา ถอดประสบการณ์ สร้างพิธีกรรุ่นใหม่

24 สิงหาคม 2560

หากไม่ใช่ตัวจริง ทำงานไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นที่ยอมรับ ตัวเลข 32 ปี ซึ่งบ่งบอกระยะเวลายาวนานของการทำหน้าที่พิธีกรรายการโทรทัศน์ คงจะไม่ปรากฏชื่อ หนูแหม่ม-สุริวิภา กุลตังวัฒนา

โดย...มัลลิกา นามสง่า ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

หากไม่ใช่ตัวจริง ทำงานไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นที่ยอมรับ ตัวเลข 32 ปี ซึ่งบ่งบอกระยะเวลายาวนานของการทำหน้าที่พิธีกรรายการโทรทัศน์ คงจะไม่ปรากฏชื่อ หนูแหม่ม-สุริวิภา กุลตังวัฒนา

ไม่ว่าจะรายการแนวไหน วาไรตี้ขายเสียงหัวเราะ ทอล์กโชว์ดราม่าเข้มข้น เกมโชว์ที่ต้องควบคุมผู้แข่งขันสุดชุลมุน จะคุยให้ฮาหรือเอาสาระเธอก็ทำหน้าที่พิธีกรได้หมด เยี่ยงนี้ชื่อชั้นของหนูแหม่ม หรือ สุริวิภา เมื่อเอ่ยถึงบทบาทที่เธอทำ จึงเป็นที่ยอมรับ

ขายความสามารถ ขายประสบการณ์ไม่ได้ขายชีวิต

ชื่อเสียงที่ได้มา ไม่ได้มาอย่างสายฟ้าแลบ แต่เพาะบ่มจากการทำงานมาหลายปี จนขึ้นชั้นเป็นพิธีกรหญิงแถวหน้าของเมืองไทย ทว่าสิ่งที่ยากกว่าการเป็นที่ยอมรับ ก็คือการรักษามาตรฐานการทำงาน และพัฒนาให้ดีขึ้น มิเช่นนั้น ชื่อเสียงที่ได้มาก็อันตรธานได้เช่นกัน

อยู่มานานขนาดนี้ ไม่ใช่ยุคที่จะมาน้ำขึ้นให้รีบตัก การมีงานทำอย่างสม่ำเสมอ และทำให้ดีที่สุดในแต่ละงานนั้น สำคัญยิ่งกว่าจำนวนรายการ

ปัจจุบันหนูแหม่ม ทำหน้าที่พิธีกร รายการ ศึก 12 ราศี ทอล์คทะลุดาว ตลาดสดพระราม 4 แหม่มบ๊อบจ๊อบแจ๊บ อบจ.มหาสนุก และ WeKid Thailand เด็กร้องก้องโลก

“จันทร์ถึงศุกร์ช่วงเช้า 1 ชั่วโมง เป็นเวลาของรายการสดแหม่มบ๊อบจ๊อบแจ๊บ หลังจากนั้นก็เป็นรายการต่างๆ ให้วันหยุดตัวเอง 2 วัน เสาร์-อาทิตย์ แต่ทุกๆ วันมีเวลาให้ออกกำลังกาย นอนต้อง 8 ชั่วโมง หนูแหม่มมีปัญหาน้ำในหูไม่เท่ากัน ต้องกินยา และมีปัญหากับการนอน มีเสียง มีแสง นอนไม่ได้เลย นอน 7 ชั่วโมง ตื่นมายังเบลอ

ตอนนี้สตริกต์กับเวลามาก เมื่อก่อนไม่จัดสรรเวลาเลย อะไรพาไปก็ขึ้นกับเนื้องาน พอถึงจุดหนึ่ง อันไหนที่น่าเลือกให้ตัวเอง เมื่อก่อนเลือกไม่ได้ ตอนนี้งานเราแพลนไว้หมดแล้ว อันนี้ทำกี่ชั่วโมง มันจะเลต 2-3 ชั่วโมงได้ ไม่เป็นปัญหา แต่อย่าเลตเยอะ

เหมือนเราแพลนมีงานเช้า แล้วอีกงานหนึ่งเลิกดึก อีกงานที่รอเราอยู่ไม่ได้ผิดอะไร เขาทำไมต้องมาเจอเราหน้าเหี่ยว สมองเบลอ เขาอยากได้เราแบบเต็มศักยภาพเหมือนกัน ตอนนี้พยายามรับงานเดียวต่อวัน จะได้ทำเต็มที่ ไม่ใช่หนูแหม่มไม่มีศักยภาพในการจำ แต่ไม่จำเป็นต้องมาจำอะไรอินุงตุงนังไปหมด ทำให้ดีเป็นอย่างๆ

อย่างงานอีเวนต์หนูแหม่มก็ไม่ค่อยรับ เพราะค่าตัวยังคิดเรตเดียวกับรายการทีวี ซึ่งมันแพง ตอนนี้มีเด็กรุ่นใหม่เยอะ หลายคนอาจค่าตัวแซงเรา หรือคนที่ค่าตัวถูกก็มี ดังนั้นคนจ้างก็มีตัวเลือกเยอะ หนูแหม่มก็เลือกในงานที่เหมาะกับเราไม่ได้รับทุกอย่าง”

สุริวิภา กุลตังวัฒนา ถอดประสบการณ์ สร้างพิธีกรรุ่นใหม่

ไม่ต้องการหนูแหม่ม(คนที่)สอง

หลายครั้งที่เดินบนเส้นทางพิธีกร เจอเด็กรุ่นใหม่หลายคนมักเข้ามาทักว่า “อยากเก่งแบบพี่หนูแหม่ม” “อยากเป็นพิธีกรได้อย่างพี่หนูแหม่ม” “พี่หนูแหม่มทำยังไงถึงพูด ถามได้คล่อง” หลายคำถามประเดประดังเข้ามา ทั้งจากผู้ที่ยังไร้ประสบการณ์ และพิธีกรป้ายแดง

ทุกอย่างที่แนะนำกันก็เหมือนพี่สอนน้องทั่วๆ ไป แต่แค่คำบอกซึ่งเสมือนให้กำลังใจ เคล็ดลับเด็ด คำคมอะไร ก็คงไม่ได้มีส่วนช่วยให้คนตั้งคำถามสมดั่งความตั้งใจได้ เพราะสิ่งที่หนูแหม่มเป็นอย่างในวันนี้ ก็ใช้เวลาสร้างสมมา

สิ่งหนึ่งที่เธออยากจะบอก คือ “ไม่ได้อยากให้ใครเป็นหนูแหม่มสอง หนูแหม่มเคยเห็นพิธีกรหลายคนที่ก๊อบปี้คนนี้มาเลย ทำงานมีสไตล์เหมือนกัน หรือถูกคนนี้สอนออกมาก็ทำงานแบบเดียวกัน ซึ่งมันดูออกว่าคนนี้มีคาแรกเตอร์ของใครสวมอยู่ หนูแหม่มคิดว่า ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ และเป็นได้ดีกว่าด้วย ทุกคนมีเส้นทางตัวเองแต่ต้องหามันให้เจอ”

จากคำถามมากมาย ประจวบกับได้มีช่วงเวลาคิดทบทวนบทบาทชีวิตที่ผ่านมา หนูแหม่มจึงเกิดประกายความคิด อยากสอนคนที่สนใจเป็นพิธีกร

“ทำพิธีกรมาหลายรายการ มานั่งคิดมันสุดทางพิธีกรเราแล้วหรือเปล่า เพราะผ่านมา 30 กว่าปี ทำมาหมดแล้ว ก็คิดว่า เด็กรุ่นใหม่มีมาเรื่อยๆ แล้วเราจะยืนจุดนี้ได้นานแค่ไหน ความคิด คำพูดเราอาจไม่ทันสมัย เหมือนหนังสือที่ล้มหายตายจาก คนไม่ค่อยสนใจ หลังจากนี้เราจะทำอะไร เรามีอะไรในตัวที่พอจะทำอย่างอื่นอีกได้

ก็ได้สังเกตคนรุ่นใหม่เริ่มเข้ามาในวงการเรื่อยๆ ทั้งน้องๆ ที่โตตามเรามา และที่มาแบบ จู่ๆ ก็พุ่งเข้ามาเลย บางคนเก่ง พูดได้หลายภาษา เราเสียอีกพูดได้ภาษาเดียว เวลาสัมภาษณ์แขกรับเชิญต่างชาตินั่งหดเลย สู้น้องๆ ไม่ได้ แต่ทำไมน้องเขาอายุงานสั้น ทำไมทำแป๊บเดียวเลิก เสียดายความสามารถ บางคนอาจรักงานพิธีกรแต่ทำไม่ถูกทาง เกิดจากอะไร

จึงคิดได้ว่า สิ่งที่หนูแหม่มมีคือ ประสบการณ์เป็นพิธีกร ถ้าเมื่อก่อนคงถ่ายทอดเป็นหนังสือ แต่ตอนนี้คนไม่นิยมอ่านหนังสือ ก็ดูว่าเดี๋ยวนี้คนเขาทำอะไรกัน มีไลฟ์โค้ชเยอะแยะไปหมด หนูแหม่มก็หาสะเปะสะปะไป

หนูแหม่มอยากสอนคนให้เป็นพิธีกร เอาประสบการณ์ของเรามาสอน และไม่เคยมองตัวเองเป็นโค้ช แค่อยากสอนแบบของตัวเอง แต่ยังไม่รู้จะใช้หลักการไหนสอน กลัวว่าเราจะเอาภาพเราไปยัดให้คนเป็นหนูแหม่มสอง แล้วน้องๆ ก็ออกมาเป็นบล็อกเดียวกัน”

หนูแหม่มใช้เวลาอยู่นาน เหมือนคนมีของแต่ไม่รู้จะปล่อยของวิธีไหน ที่จะให้ผู้รับได้ประโยชน์สูงสุด เธอได้ไปพบโค้ชหลายคน อ่านหนังสือหลายเล่มเพื่อเป็นแนวความคิด จนในที่สุดก็ได้พบกับครูอลิสา โลหิตนาวี

“หาหนทางหลายแนวมาก แต่อะไรที่แนวมหัศจรรย์มากหนูแหม่มรู้สึกไกลตัว อย่างหนังสือเดอะพาวเวอร์ อ่านแล้วมาปรับใช้กับตัวเราให้เกิดประโยชน์ได้ แต่ไม่ใช่เอามาย่อยมาสอน หนูแหม่มไปหาอาจารย์บางคนเก่งมากแต่ไม่ใช่ทางของเรา จนเจอครูอลิสา

เริ่มจากหลาย 10 ปีที่แล้วครูสอนอิมเมจ แล้วสอนอีกหลายเรื่อง เป็นผู้หญิงที่โคตรเก่งในเมืองไทย สามารถสอนจับโกหกได้ แล้วครูมีคอร์ส ชื่อ Diploma สอนการเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่ใช้คำพูด หนูแหม่มก็สนใจ

แล้วคอร์สนี้ไม่ใช่มีเงินก็เรียนได้นะคะ ครูต้องเลือกเราด้วย ครูสัมภาษณ์ รู้จักครูได้ไง อยากเรียนไปทำอะไร เรียนไปสอนออนไลน์หรือเปล่า โชคดีที่หนูแหม่มไม่มีภาพสอนออนไลน์ในหัว ก็เลยเล่าให้ครูฟังว่า หนูแหม่มมีของไม่รู้จะถ่ายทอดให้คนอื่นได้ยังไง ซึ่งครูก็โอเค คือถ้าหนูแหม่มตอบสอนออนไลน์ครูจะเอาเงินคืน ซึ่งค่าเรียน 3.5 แสนบาท เรียน 10 วัน”

สุริวิภา กุลตังวัฒนา ถอดประสบการณ์ สร้างพิธีกรรุ่นใหม่

ส่งต่อสิ่งที่รัก และทำมาครึ่งชีวิต

“ทั้งหมด 32 ปี กำลังถูกย่อยออกมา” หนูแหม่มเอ่ยด้วยความดีใจ เมื่อได้ผ่านการเรียนหลักสูตร Diploma

ถึงแม้ว่าครึ่งแรกของเวลาเรียนเธอจะรู้สึกว่า มาเรียนทำไม ที่ครูสอนก็รู้ๆ หมดแล้ว ทำมาหมดแล้ว แต่เมื่อตั้งใจเรียนจนจบหลักสูตร เธอก็รู้สึกหัวใจพองโต ดวงตาลุกวาวเปล่งประกาย มองเห็นหนทางที่จะถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานพิธีกรมาตลอด 32 ปี ส่งต่อให้คนที่สนใจ โดยไม่ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกอย่างเธอในสมัยยังเป็นพิธีกรแบเบาะ

“เราเรียนมาถูกทางแล้ว เข้าใจว่าจะสื่อสารออกมายังไง ประสบการณ์ที่เรามีจะย่อยให้คนอื่นยังไง หนูแหม่มเรียนรู้งานพิธีกรมา 32 ปี เรียนจากสิ่งที่รัก การเรียนเกิดจากหน้างานตลอด เป็นการสะสม กว่าจะถึงวันนี้

เดี๋ยวนี้น้องๆ ไม่รอนาน เขาคิดว่า ทำมาตั้งเดือนยังไม่ดัง คนไม่ชอบ คนไม่รัก ซึ่งจริงๆ ถ้าไม่ได้เรียนจากครูอลิสา หนูแหม่มก็ไม่สามารถบอกน้องๆ ได้ว่าทำไมทำงานพิธีกรแล้วคนไม่รัก

ที่หนูแหม่มเรียนรู้มาตลอด 10 วันคือ การเคลื่อนไหวร่างกายมันบอกทุกอย่างของคนนั้น บอกว่าเขาเติบโตมาอย่างไร บอกว่าเขามีวิธีรับมือกับทุกสถานการณ์ รับมือกับคนรอบข้างและตัวเองอย่างไร

เวลาพูดเราจะทำหน้าอย่างไรก็ได้ คำพูดจะปั้นให้สวยหรูแค่ไหนก็ได้ แต่ร่างกายเราจะแสดงออกมาเองว่าสอดคล้องหรือขัดแย้งกับสิ่งที่เราพูด ซึ่งพอหนูแหม่มเรียนตรงนี้ก็รู้จักสังเกต ก็บอกได้ว่า ทำไมน้องถึงอยู่ในอาชีพพิธีกรไม่ได้

บางทีน้องเขาไม่เข้าใจเนื้องานของเขาจริงๆ แต่อย่างหนูแหม่มมีความอึดมากพอที่จะทำซ้ำๆ จนเราอ่านออกทำไมคนชอบ ถึงรักเรา ซึ่งมันใช้เวลานาน เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มาตลอดในการทำงาน

จริงๆ งานหลักของพิธีกร คือ ต้องฟัง ถ้าเราไม่ฟังจะถามต่อได้เหรอ เราไม่ฟังจะย่อยสรุปได้ไหม กว่าจะฟังเป็น พูดได้ ระหว่างทางการเรียนรู้เกิดขึ้นตลอด แต่น้องๆ เขาไม่ใช้เวลา ไม่มีเวลาพิสูจน์ตัวเอง และคนใหม่ๆ ก็เข้ามากันเรื่อยๆ ตอนนี้ทุกอย่างวงจรมันสั้น เราก็จะสอนตรงนี้ให้เขาได้เข้าใกล้ความเป็นพิธีกรเร็วขึ้น”

สุริวิภา กุลตังวัฒนา ถอดประสบการณ์ สร้างพิธีกรรุ่นใหม่

ไม่เพียงคนที่สนใจเป็นพิธีกรเท่านั้น แต่ผู้บริหาร หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการความมั่นใจในการพูด ก็สามารถเรียนได้

“วันแรกครูให้แนะนำตัว นึกในใจสบายมาก เราเจ๋งมาก เราโฮลด์คนมาเป็นพันแล้ว แนะนำตัว 3 นาที แถมให้เป็น 4 นาทีเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ครูบอกว่า หนูแหม่มยืนเหมือนโดนตะปูตอกยึดไว้กับพื้น มือไม้ก็ไปท่าเดียว ซึ่งหนูแหม่มกลับไปดูเทปเก่าๆ ย้อนหลัง เราทำแบบนี้มาตลอด

ทำไมครูเห็น แต่คนดูไม่รู้สึกเพราะภาพทีวีมันตัดไปตัดมา หนูแหม่มเลยได้เรียน 2 ศาสตร์ ศาสตร์ที่ต้องยืนอยู่บนเวที และศาสตร์ในการเป็นวิทยากร ได้เรียนรู้ว่าความสบายเกิดขึ้นจากความเคลื่อนไหว ถ้าเรายืนนิ่งๆ คนดูหันไปเล่นโทรศัพท์หันกลับมาอ้าวอีนี่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขาก็ไม่เกิดความสนใจ ซึ่งศาสตร์การเคลื่อนไหวที่ครูสอน ผู้นำประเทศอย่าง บารัก โอบามา ยังเรียน หรืออย่างพระเอกบางคนเล่นละครดูดีมาก แต่มาเป็นพิธีกรไม่มีเสน่ห์ เขาก็ต้องหาทางแก้ไข”

วางเป้าหมายไว้ปี 2561 จะเปิดสอนอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ลองวิชาด้วยการสอนคนใกล้ตัวไปก่อน “ช่วงนี้คนมองภาพของโค้ชชิ่งเป็นลบเยอะ แม้แต่เราเอง แต่มีดีมานด์ก็มีซัพพลาย ซึ่งบางคนจะเรียกหนูแหม่มว่าครู ว่าโค้ช เราก็หวาดเสียวมาก ไม่กล้าใช้

แต่อันดับแรกที่หนูแหม่มต้องการ คือ Personality ที่คนรู้จักหนูแหม่ม คนคงรู้สึกอยากเป็น อยากทำได้แบบนี้ เพราะหนูแหม่มผ่านการพูดคุยกับคนมาหลายระดับ หลายวัย คนเห็นเรานานพอ มั่นใจพอที่จะให้เราสอนการเป็นพิธีกร

ตอนนี้ก็สอนคนที่อยากเรียนจริงๆ คนใกล้ตัว ไม่ได้คิดเงิน ถึงจะเปิดสอนจริงก็คิดเงินไม่แพง และสอนไม่เยอะ สอนเยอะคนที่ได้คือคนสอนได้เงินเยอะ แต่คนเรียนจะไม่ได้อะไร ตั้งใจไม่เกิด 8 คน/คลาส เพราะเราจะได้แก้ปัญหาของแต่ละคนได้ถูกจุด”

งานนี้หนูแหม่มคาดหวัง จะให้เป็นภาพใหม่ของ “สุริวิภา กุลตั้งวัฒนา” ที่จะถ่ายทอดอาชีพพิธีกร ผ่านประสบการณ์ที่เธอเคี่ยวกรำในการเป็นพิธีกรมาตลอด 30 กว่าปี

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”