ชมศิลปะเรียลลิสม์ สไตล์อังกฤษแท้
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ผลงานศิลปะแบบเรียลลิสม์ ในสไตล์อังกฤษแท้ ได้รับการจัดแสดงในประเทศสกอตแลนด์
โดย...อฐิณป ลภณวุษ
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ผลงานศิลปะแบบเรียลลิสม์ ในสไตล์อังกฤษแท้ ได้รับการจัดแสดงในประเทศสกอตแลนด์ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Gallery of Modern Art) ในเมืองเอดินบะระ รวบรวมผลงานอันโดดเด่นของจิตรกรชาวอังกฤษจากยุคทศวรรษที่ 1920-1930 ซึ่งอาจจะไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนัก ค่าที่ผลงานเหล่านี้ส่วนใหญ่ตกเป็นสมบัติส่วนตัวของนักสะสม ไม่ก็ซ่อนหูซ่อนตาอยู่ในห้องเก็บของของแกลเลอรี่เล็กๆ ในอังกฤษ จึงไม่ค่อยได้มีโอกาสเผยโฉมให้ได้ชมกันสักเท่าไร
True to Life เป็นนิทรรศการแรกที่ปัดฝุ่นศิลปะอังกฤษจากยุคที่ถูกลืม ซึ่งล้วนแต่เป็นงานมาสเตอร์พีซแห่งเรียลลิสม์ทั้งสิ้น โดยรวบรวมศิลปินกว่า 60 ท่าน กับผลงานนับ 90 ชิ้น ผู้ที่เข้าชมจะได้ตระหนักถึงช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน จากยุคสมัยที่กำลังจะก้าวไปสู่ยุคโมเดิร์นทางศิลปะในหลากหลายรูปแบบ
สำหรับการทำงานของศิลปะเรียลลิสม์ คือการมองโลกที่เกิดรอบๆ ตัวอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ ซึ่งจิตรกรบางรายก็ลงรายละเอียดยิบย่อยให้เหมือนจริงทุกประการ โดยเฉพาะบรรดาศิลปินที่รวบรวมมาในนิทรรศการ True to Life ต่างก็ยึดมั่นในบรรทัดฐานของความเป็นเรียลลิสม์อย่างเหนียวแน่น ก่อนที่จะถูกความเป็นโมเดิร์นนิสม์ถาโถมเข้ามาจนต้องตกยุคไปอย่างรวดเร็ว จนมีหลายรายที่แม้กระทั่งนักประวัติศาสตร์ศิลป์ยังไม่เคยรู้จักก็มี
จิตรกรครีมๆ เนื้อๆ เน้นๆ ในนิทรรศการ True to Life อย่างเช่น เจอรัลด์ เลสลี บร็อกเฮิร์สต์, เมอเรดิท แฟรมตัน และเจมส์ คาววี ที่มาในสายงานสุดเนี้ยบ นิยมใช้เทคนิคการเคลือบภาพแบบเก่า พวกเขามีความชำนาญทางด้านการใช้ฝีแปรงสูงมาก โดยเฉพาะการวาดภาพเหมือนบุคคลที่เหมือนอย่างไร้ที่ติ ออกมาดูงามสง่า
เจอรัลด์ เลสลี บร็อกเฮิร์สต์ เป็นนักวาดภาพเหมือนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นางแบบชื่อดังที่ปรากฏบนผ้าใบของเขาบ่อยๆ ได้แก่ นักแสดง-นักร้อง มาร์ลีน ดีทริกซ์ และเมิร์ล โอเบอรอน รวมไปถึง วอลลิส ซิมป์สัน (ดัชเชสแห่งวินเซอร์) ย้อนไปในยุคนั้นใครๆ ต่างก็รู้ถึงชื่อเสียงในความละเมียดละไมของเขา ทำให้แต่ละชิ้นงานต้องอาศัยเวลานานมากกว่าจะสำเร็จ ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้เวลา 2 ปี ในการวาดภาพพอร์เทรตแฟนสาวของตัวเอง โดเร็ตต์ และเมื่อนำภาพออกมาจัดแสดงจนขายได้แล้ว เขายังอยากนำภาพนั้นมาแก้ไขให้ดีกว่าเดิมอีก
จิตรกรที่มีผลงานแสดงในนิทรรศการ True to Life นี้ ส่วนใหญ่จะเกิดในทศวรรษที่ 1880 ยุคก่อนที่จะมีรถยนต์ เครื่องบิน หรือโทรศัพท์ เกิดขึ้นในโลกนี้ พวกเขาได้เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และมีชีวิตอยู่กระทั่งประสบกับสงครามโลกอีกครั้ง ชีวิตได้คาบเกี่ยวกับศิลปินดังแห่งยุคโมเดิร์นอย่าง แจ็กสัน พอลล็อก และแอนดี วอร์ฮอล
พวกเขาอยู่ในสมัยที่เรียกได้ว่า กลียุค ทางสังคมและวัฒนธรรม ทำให้ล้วนมองหาแรงบันดาลใจจากศิลปะที่มีความสละสลวยสวยงาม ดีต่อใจ อย่างยุคเริ่มต้นของเรอเนสซองซ์ในอิตาลี รวมทั้งสมัยรุ่งเรืองของศิลปะดัตช์ เช่น แยน เฟอร์เมียร์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ศิลปินทั่วโลกต่างพร้อมใจกันหวนคืนสู่ความสวยงามที่รื่นรมย์ ที่เห็นได้ชัดในศิลปะอังกฤษ ก็คือ การหันมาหารูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ใส่รายละเอียดที่ไม่จำเป็น เน้นสีสันโทนเย็นตา โดยจะเห็นได้ในผลงานของ เมอเรดิท แฟรมตัน, จอห์น ลุค และด็อด พร็อกเตอร์
เห็นพวกเขายึดมั่นในรูปแบบเรียลลิสม์ที่ออกจะดูโบราณ แต่ใช่ว่าชาวเรียลลิสม์เมืองผู้ดีจะคร่ำครึ แต่ละคนได้นำเอาเทคนิคฝีแปรงสไตล์โมเดิร์นนิสม์มาใช้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังชื่นชอบการทดลองสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิค สีสัน สไตล์ รวมทั้งวัฒนธรรมป๊อปที่เริ่มจะคืบคลานเข้ามาในชีวิตคน และแวดวงศิลปะ เพียงแต่พวกเขาเลือกที่จะถ่ายทอดออกมาตามอุดมการณ์การวาดภาพให้เสมือนจริงเท่านั้นเอง
ผลงานโดดเด่นใน True to Life มีตั้งแต่ Hiking (1936) ของเจมส์ วอล์กเกอร์ ทักเคอร์, The Family (1932) โดย เบอร์นาร์ด ฟลีทวูด-วอล์กเกอร์, ภาพของฮาโรลด์ วิลเลียมสัน ชื่อว่า Picnic (1938) และ Spray (1939) แล้วก็ยังมี The Cruise (1934) ผลงานของ แมรี แอดสเฮด
สำหรับภาพ The Young Rower (1932) โดย แลนสลอต มายเลส กลาสสัน แสดงให้เห็นยุคสมัยที่เริ่มเปลี่ยน ในภาพเป็นสตรีก้าวหน้าที่หันมาเล่นกีฬาพายเรือ ซึ่งในยุคก่อนหน้านี้สงวนเอาไว้ให้ผู้ชายเล่นเท่านั้น ส่วน Restaurant Car (1935) ของ เลียวนาร์ด แคมป์เบล เทย์เลอร์ นั้นก็เป็นภาพที่โด่งดัง ในอดีตใช้ในโฆษณาของบริษัทรถไฟแอลเอ็มเอส ซึ่งเป็นภาพที่มีมูลค่าสูงสุดๆ ในยุคนั้น
ขณะที่ผลงานจากจิตรกรเรียลลิสม์ชาวอังกฤษ กลุ่มที่เริ่มจะก้าวเข้าสู่เซอร์เรียลลิสม์ ก็นำมาจัดแสดงเอาไว้ในนิทรรศการเดียวกันให้ครบถ้วนกระบวนความ อย่าง Birth of Venus (1934) โดยเอดเวิร์ด เบียร์ด ที่นำแรงบันดาลใจจากภาพชื่อเดียวกันของ ซานโดร บอตติเชลลิ มาวาดในสไตล์ของเขา ส่วน Le Havre de Grace (1939) ที่ ทริสทรัม ฮิลเลียร์วาดภาพเมืองท่า เลอ อาฟร์ ของฝรั่งเศส ก็นับเป็นก้าวแรกของเขาที่จะก้าวข้ามไปยังความเป็นเซอร์เรียลลิสม์ในไม่ช้า เช่นเดียวกับผลงานของ เอดเวิร์ก แว็ดเวิร์ท และอลัน บีตัน
ไซมอน กรูม ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติสกอตแลนด์ บอกว่า เรียลลิสม์ถือเป็นยุคสมัยอันรุ่งเรืองมากของศิลปะในอังกฤษ “จิตรกรแต่ละท่านล้วนเชี่ยวชาญ และมีเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่ธรรมดา นับเป็นนิทรรศการในช่วงฤดูร้อนของเอดินบะระที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง”
True to Life จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติสกอตแลนด์ ในเมืองเอดินบะระ ตั้งแต่วันนี้-29 ต.ค.ศกนี้


