posttoday

ลูกนก-สุภาพร โชติธนพิทูร กว่าจะได้มาเป็น ‘คุณลำไย’

21 พฤษภาคม 2560

ยังจำไม่เคยลืมเลือน คอยเตือนตัวเองเอาไว้ ที่เธอเรียกฉันลำไย ฉันเก็บเอาไว้ในใจเรื่อยมา ชื่อดีก็มีถมไป มาเรียกลำไย

โดย...ภาดนุ ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

“ยังจำไม่เคยลืมเลือน คอยเตือนตัวเองเอาไว้ ที่เธอเรียกฉันลำไย ฉันเก็บเอาไว้ในใจเรื่อยมา ชื่อดีก็มีถมไป มาเรียกลำไย ทำไมเล่าหนา หรือเห็นฉันเป็นคนบ้านนอกคอกนา ไม่รักฉันก็ไม่ว่า แต่อย่ามาเรียก คุณลำไย”

ถ้าย้อนกลับไป 10 กว่าปีก่อน ในยุคนั้นไม่มีคอเพลงลูกทุ่งคนไหนที่ไม่รู้จักเพลง “คุณลำไย” ซึ่งขับร้องโดย ลูกนก-สุภาพร หรือ สุภาพร โชติธนพิทูร (วัย 44 ปี) ที่วันนี้เธอกลับมาอีกครั้งพร้อมซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดชื่อว่า “ไปที่ชอบ ที่ชอบ” จากค่ายสไมล์ เมโลดี้ ซึ่งตอนนี้แฟนเพลงคงได้ฟังกันบ้างแล้วทางยูทูบ ท่ามกลางกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ว่าเธอคือนักร้องลูกทุ่งผู้ตกอับ ชีวิตกำลังลำบาก เมื่อข่าวแรงซะขนาดนี้ เราจึงตามไปเปิดใจเรื่องราวในชีวิตของเธอซะเลย

“ตัวตนที่แท้จริงของ ลูกนก-สุภาพร เกิดที่ จ.กำแพงเพชร มีพ่อแม่เป็นชาวนา จำได้ว่าแค่ 4-5 ขวบนกก็หัดหุงข้าวแล้ว นอกจากทำนาแล้วแม่ยังเลี้ยงหมูด้วย นกจึงมีหน้าที่ไปตัดต้นกล้วยมาหั่นเพื่อผสมกับรำข้าวเลี้ยงหมู แล้วต้องใช้ปี๊บหาบน้ำในคลองมาเติมโอ่งมังกรให้เต็ม 3 โอ่งทุกวัน เวลาไปโรงเรียนรองเท้าก็ไม่มีจะใส่ นกเลยต้องเดินเท้าเปล่าไปกลับระหว่างบ้านและโรงเรียน 8-9 กม. ทุกวัน สมัยนั้นจักรยานก็ไม่มีจะขี่ เพราะพ่อแม่เราจนไง

นกเรียนหนังสือไปด้วย ช่วยพ่อแม่ทำงานไปด้วย และยังช่วยเลี้ยงน้องชายอีก เมื่อเรียนจบ ป.6 ตอนอายุ 12 ปี นกก็ไม่ได้เรียนต่อชั้นมัธยมเพราะไม่มีเงิน พอดีช่วงนั้นมีศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนมาสอนการตัดเย็บเสื้อผ้า เรียนไปได้แค่ 1 เดือน น้าก็พานั่งรถเข้ากรุงเทพฯ มาเป็นสาวโรงงานเย็บผ้าได้เงินเดือน 600 บาท ตอนนั้นกับข้าวถุงละ 5 บาทเอง ก็เลยพออยู่ได้ นกเป็นสาวโรงงานอยู่หลายปีก็มีช่วงที่พลิกผันต้องกลับไปอยู่บ้านที่กำแพงเพชร ในใจก็คิดว่าคงไม่ได้กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ อีกแล้วล่ะ”

ลูกนก-สุภาพร โชติธนพิทูร กว่าจะได้มาเป็น ‘คุณลำไย’

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเหตุบังเอิญที่ว่า ป้าของเธอได้ชวนลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งให้ไปเป็นคนใช้ทำงานในบ้านคนรวยในกรุงเทพฯ แต่พอถึงเวลาจริง ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดันไม่ยอมไป ป้าก็เลยต้องมาชักชวนให้เธอไปเป็นคนใช้แทน

“นกมาเป็นคนใช้ได้พักใหญ่ๆ พอใกล้เทศกาลสงกรานต์ แม่ก็โทรมาที่เบอร์บ้านซึ่งนกทำงานให้เขา เผอิญว่าคุณผู้ชายเจ้าของบ้านเป็นคนรับสาย พอคุณผู้หญิงถามว่าโทรศัพท์ใคร คุณผู้ชายก็ตอบว่า ‘อ๋อ โทรศัพท์คนใช้’ รู้มั้ยคำคำนี้มันทำให้ชีวิตนกพลิก ตั้งแต่วินาทีนั้นนกคิดในใจเลยว่า ถ้าฉันไม่รวย ไม่มีรถขับ ฉันก็จะไม่กลับบ้าน จากนั้นนกก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นคนใช้ แล้วไปสมัครเป็นคนงานเย็บผ้าตามโรงงานแบบกินอยู่พร้อมแทน

ชีวิตนกเริ่มพลิกผันอีกทีตอนที่คิดจะไปสมัครร้องเพลงในห้องอาหาร เพราะผู้หญิงที่อยู่ห้องเช่าข้างๆ มาบอกว่า เขาจะไปร้องเพลงที่คาเฟ่นะ ได้มาลัยคืนละ 3,000 บาทแน่ะ เท่านั้นล่ะนกตาโตเลย เพราะก็เคยร้องเพลงตอนเรียนประถมมาเหมือนกัน พอผู้หญิงคนนั้นชวนไปเรียนร้องเพลงด้วยกันแถวอุรุพงษ์ โดยเสียค่าเรียน 1,500 บาท นกจึงรีบเขียนจดหมายไปขอเงินแม่ เพราะเงินที่ทำงานเย็บผ้าในโรงงานได้วันละ 100 บาท (ทำงาน 8 โมงเช้าถึงตี 5) ก็ส่งให้แม่หมดเลย นกจึงไม่มีเงินเก็บ” 

พอเรียนร้องเพลงได้แค่วันเดียว ลูกนกก็ถูกชักชวนให้ไปร้องที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง แต่คืนแรกก็เจอดีเลยโดนแขกที่มาเที่ยวคาเฟ่ขอจูบปาก สาวซื่อใสอายุน้อยอย่างเธอไม่เคยเจอสังคมกลางคืน ก็ถึงกับอึ้งปล่อยโฮน้ำตาไหล ตอนนั้นเธอจึงเลิกคิดถึงมาลัยคล้องคอไปเลย

ลูกนก-สุภาพร โชติธนพิทูร กว่าจะได้มาเป็น ‘คุณลำไย’

“เชื่อมั้ยว่านกร้องไห้ตั้งแต่คาเฟ่ยันบ้านเช่าเลย คิดในใจว่านี่ชีวิตเราตกต่ำขนาดนี้เลยเหรอ จากนั้นนกก็กลับไปทำงานโรงงานเย็บผ้าเหมือนเดิม ว่างๆ ก็ไปช่วยเพื่อนปิ้งลูกชิ้นขาย เพื่อนก็พูดประโยคหนึ่งกับนกว่า ‘ฉันไม่เห็นแกทำอะไรจริงจังสักอย่างเลย’ บวกกับประโยคบาดใจที่ได้ยินเจ้าของโรงงานพูดว่า ‘คอยดูนะ เดี๋ยวมันก็ใจแตก ไม่นานก็มีผัว’ ทั้งสองประโยคนี้เป็นแรงผลักดันให้นกมีแรงฮึดที่จะร้องเพลงอีกครั้ง

โชคดีว่าตอนร้องเพลงอยู่คาเฟ่ แขกไม่ค่อยมารุ่มร่ามกับนกนัก คือนกจะเป็นคนเฉยๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยคุยกับแขกมากนัก แล้วสมัยนั้นส่วนใหญ่แขกคาเฟ่จะมากันเป็นครอบครัว พอนกร้องเพลง ผ่องศรี วรนุช บรรดาภรรยาของแขกที่มาด้วยโต๊ะนู้นคล้องมาลัยให้ 200 บ้าง โต๊ะนั้น 200 คืนหนึ่งได้มาลัย 1,000 บาท นกก็ว่าโอเคแล้ว เชื่อมั้ยว่าแค่ค่ามาลัยนกเก็บเงินได้ถึง 5 หมื่น สมัยนั้นก็ถือว่าเยอะนะ เรียกว่าสามารถใช้หนี้เงินกู้ที่แม่ไปกู้มาทำไร่ทำนาได้หมดเลย แถมยังเก็บเงินซื้อมอเตอร์ไซค์คันแรกได้อีกด้วย”

ลูกนกเล่าว่า หลังจากร้องเพลงในคาเฟ่มาหลายปี วันหนึ่งโชคชะตาก็นำพาให้เธอมีโอกาสได้ไปร้องเพลงที่คาเฟ่ดังย่านรัชดาฯ ซึ่งนักร้องที่นั่นหน้าตาสวยๆ ทั้งนั้น ทำให้คนไม่สวยอย่างเธอจึงไม่ค่อยได้มาลัยมากนัก 

“ตอนนั้น พี่พล พันลาว มาเล่นตลกประจำที่คาเฟ่นั้นพอดี เพื่อนนักร้องของนกก็ไปบอกกับพี่พลว่า ‘พี่ๆ นกมันร้องเพลงเสียงดีมากเลยนะ’ วันต่อมาพี่พลก็พาเพื่อนอีก 2 คนซึ่งมีวงดนตรีมาหานกที่คาเฟ่ แล้วบอกว่ากำลังหานักร้องแนวสนุกอยู่ ตอนนั้น พี่ไมค์ ภิรมย์พร ก็มาด้วย พอคุยเสร็จเขาก็นัดให้นกไปเทสต์เสียงกับอาจารย์สมปอง เปรมปรีดิ์ เพื่อทำอัลบั้ม ‘ฉิ่งฉาบทัวร์’ ซึ่งมี พี่ปอนด์-รุ่งรัตน์ ดวงขวัญ พี่
ชูศรี เชิญยิ้ม เป็น 2 ใน 9 ของนักร้องในอัลบั้มนี้ นกก็ได้ไปเป็นคอรัส

ลูกนก-สุภาพร โชติธนพิทูร กว่าจะได้มาเป็น ‘คุณลำไย’

เมื่ออัลบั้ม ‘ฉิ่งฉาบทัวร์’ ประสบความสำเร็จ เขาก็บอกจะให้นกร้องเดี่ยวใน ‘ฉิ่งฉาบทัวร์ ชุดที่ 2’ ทีนี้อาจารย์สมปองก็มีความเห็นว่า ถ้าจะให้เด็กคนนี้มันเกิด ก็ต้องตั้งชื่อให้มันว่า ‘ลำไย’ พอรู้นกก็งอนเลยสิ อ้าว! ชื่อมีตั้งเยอะแยะ ทำไมมาให้เราชื่อลำไย ทั้งที่นกก็สามารถร้องเพลงหวานๆ แบบพี่ผึ้ง-พุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้นะ คือตอนนั้นนกทำไฮไลต์ที่เส้นผม แล้วยังนุ่งกางเกงยีนส์ลีวายส์พอดีไง หลายคนก็บอก ‘เออ แล้วทำไมต้องเรียกมันว่าลำไยล่ะ’ นั่นแหละอาจารย์ก็เลยนำสิ่งที่ได้ยินไปเรียบเรียงเป็นเนื้อเพลง ‘คุณลำไย’ พอเพลงออกมาในปี 2542 บริษัทก็นำไปแจกตามคลื่นวิทยุทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด”

จากนั้นเพลง “คุณลำไย” ก็ถูกเปิดไปทั่วบ้านทั่วเมืองและเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นลูกนกยังไม่ได้ออกสื่อ วันหนึ่งเมื่อไปเดินห้างที่ขอนแก่นก็มีคนจำเธอได้จากงานร้องเพลงช่วยดีเจที่ต่างจังหวัด

“พอนกกลับมากรุงเทพฯ เพลงคุณลำไยก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แต่บริษัทก็ยังไม่ทำอัลบั้มสักที จนอาจารย์บอกว่า ต้องทำมิวสิควิดีโอแล้วนะ ดังนั้นเอ็มวีทั้งสองเวอร์ชั่นคือ ตัวนกใส่ชุดแดง และที่พี่จอย ชวนชื่น แสดงเป็นคุณลำไยจึงออกมา ต่อมานกก็ได้รับเชิญให้ไปออกรายการ ‘ที่นี่ประเทศไทย’ ต่อด้วยรายการ ‘เจาะใจ’ คนก็เลยเริ่มรู้จักว่า ลูกนก-สุภาพร (วัย 27 ปีตอนนั้น) คือคนที่ร้องเพลงคุณลำไยนี่เอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินความคาดหวังของนกมากๆ  

นกดังอยู่ 2-3 ปีก็ไม่ได้ทำเพลงกับบริษัทต่อ ช่วงนั้นบังเอิญมีละครเรื่อง ‘รวมพลคนใช้’ มาติดต่อให้ไปเล่น นกจึงได้ร้องเพลง ‘ถ้าฉันรวยจะสวยให้ดู’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบละคร บริษัทจึงได้ทำอัลบั้มให้อีก 1 ชุด ต่อด้วยอัลบั้ม ‘ลูกนกเริงระบำ’ อีก 1 ชุด หลังจากนั้นก็ไม่มีอัลบั้มออกมาอีกเลย นกติดสัญญากับบริษัทอยู่ 6 ปี แต่ก็ยังเล่นคอนเสิร์ตทั่วประเทศได้อยู่ นกมาออกสื่ออีกทีก็ตอนที่นกมีครอบครัว ตอนนั้นกะว่าจะทำเพลงชุดใหม่ แต่ก็ตั้งท้องลูกสาว ‘น้องณิชา’ ซะก่อน ก็เลยต้องห่างหายไปทำหน้าที่คุณแม่ เพราะอยากทุ่มเทเวลาดูแลลูกให้ดีที่สุด”

เมื่อลูกสาวอายุ 7 ขวบ ลูกนกก็ได้รับการหยิบยื่นโอกาสจากค่ายเพลงสไมล์ เมโลดี้ ให้ออกซิงเกิ้ลอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องดีๆ ในชีวิตที่เธอจะไม่ลืมเลยละ

ลูกนก-สุภาพร โชติธนพิทูร กว่าจะได้มาเป็น ‘คุณลำไย’

“ตอนที่นกได้คุยกับเจ้าของค่ายเพลง แกก็ทราบประวัติว่านกสู้ชีวิตมาเหมือนแกซึ่งก็เคยเป็นเด็กวัดมาก่อน ก็เลยให้โอกาสนกได้ทำซิงเกิ้ล ‘ไปที่ชอบ ที่ชอบ’ ซึ่งได้พี่เหน่ง-จิรวัตร ปานพุ่ม และทีมงานช่วยกันคิดคอนเซ็ปต์เพลงออกมา ตอนนี้ก็ปล่อยทางยูทูบไปบ้างแล้ว ต้องบอกก่อนว่าค่ายสไมล์ เมโลดี้ มีจุดประสงค์หลักในการดึงนักร้องที่เคยดัง แต่ปัจจุบันไม่มีสังกัดมาทำเพลงอีกครั้ง จากนั้นก็จะจัดเวทีคอนเสิร์ตให้แสดงด้วย ซึ่งในอนาคตน่าจะได้เห็นศิลปินอีกหลายคนค่ะ”

แต่จากกระแสดราม่าที่มีรายการทีวีช่องหนึ่งเชิญลูกนกไปออกรายการ แล้วจั่วหัวแรงๆ ว่า “ลูกทุ่งสาว ลูกนก-สุภาพร ตกอับ” ก็ทำให้เธอตกเป็นข่าวในโซเชียลมีเดียอยู่พักใหญ่ เรื่องนี้เธอขอชี้แจง

“ที่จริงแล้วนกไม่ได้ตกอับหรือลำบากอย่างที่เป็นข่าวเลยนะ แต่ตอนนั้นโปรดิวเซอร์ของรายการซึ่งรู้จักกัน เขาบอกว่าจะทำเพลงให้ แต่ขอให้นกมาออกรายการให้หน่อย โดยเขาจะพาดหัวให้แรงๆ ไปเลย บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นนกก็ไม่ได้ลำบากอะไร ก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก มีสามีซึ่งเป็นนักข่าวช่อง 7 คอยดูแลครอบครัวอยู่แล้ว นกก็อยู่แบบสมถะมานานจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ระหว่างนั้นก็มีงานจ้างไปร้องเพลงเรื่อยๆ จนตั้งท้องได้ 7 เดือนเลยละ

ตอนท้องนกก็รู้สึกผิดกับแฟนเพลงเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้บอกใคร แต่การที่เราท้อง 7 เดือน ท้องมันก็โตไง ใส่ชุดแล้วคนก็เริ่มสังเกตเห็นได้ แฟนเพลงก็เดินมาถามว่า ‘ท้องหรือเปล่า’ เราจะพูดว่า ‘ใช่ค่ะ หนูท้อง ก็ยังไม่สะดวก’ ก็เลยตอบไปว่า หนูอ้วนค่ะ ยังไงนกก็ต้องขอโทษแฟนเพลงด้วยค่ะ

ย้อนกลับมาตอนที่ไปออกรายการ พอนกรู้ว่าเขาจะพาดหัวแรงขนาดนี้ นกก็บอกกับเขาแล้วว่า ไม่ดีมั้ง เพราะนกก็มีงานอีกด้านที่ช่วยพี่สาวบุญธรรมดูแลรีสอร์ทที่ต่างจังหวัด ทั้งยังรับผลิตกาแฟสำเร็จรูปด้วย นกเลยมีความรู้สึกว่า เอ๊ย เราไม่ได้ตกอับขนาดนั้น ถ้าให้พูดแบบนั้นคงไม่ได้

ที่สำคัญกว่านกจะได้คำว่า ‘คุณลำไย’ มาอยู่ในชีวิต มาสร้างชื่อเสียง มาเชิดชูวงศ์ตระกูล มันยากมาก ต้องฝ่าฟันความลำบากมาเยอะ ถ้าไปพาดหัวแค่ชั่วพริบตาเดียว ทุกอย่างมันก็จะเสียหมด คือคุยกันแล้วว่าจะไม่พาดหัวแบบนี้ แต่สรุปพอนกไปออกรายการจริงๆ เขาก็พาดหัวแรงๆ จนได้ เราก็เสียใจกับตัวเองว่า ไม่น่าไปออกรายการเลย คือนกไม่โกรธนะ เข้าใจในเรื่องธุรกิจของเขา แต่เราแค่รู้สึกเสียใจว่าไม่น่าเลย เพราะข่าวนี้มันจะติดตัวนกไปตลอด คนก็จะจำแบบผิดๆ ไปตลอด”

ลูกนกทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันนี้ชีวิตเธอกับครอบครัวก็สุขสบายดี แม้ไม่ได้ร่ำรวย มีเงินทองมากมาย แต่ก็มีบ้านที่อบอุ่น มีสามีและลูกที่ตัวเองรัก ไม่ต้องมีรถราคาแพง ไม่ต้องมีกระเป๋าแบรนด์เนม ทุกวันนี้ก็อยู่ได้ บ้านก็ไม่ต้องผ่อน รถก็ไม่ต้องผ่อน คือมีชีวิตดีๆ ในแบบของตัวเอง

“สิ่งที่นกจะไม่ลืมเลยก็คือ การที่ชีวิตนี้ได้เจอแต่คนดีๆ ที่คอยช่วยเหลือให้เรารอดพ้นความยากลำบากมาโดยตลอด รู้มั้ยว่าตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่นกจะได้เป็นคุณลำไย มีชื่อเสียงจนมีคนรู้จัก ช่วงนั้นชีวิตนกลำบากมาก ไม่มีเงินจะกินข้าว ไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน น้ำประปา-ไฟฟ้า ก็ถูกตัด โชคดีที่ว่ามีผู้ใหญ่ที่นับถือท่านหนึ่งคือ คุณอาประลองพล น้อมทางธรรม (เสียชีวิตไปแล้ว) ซึ่งรักนกเหมือนลูก แกก็จะคอยให้ความช่วยเหลือในเวลาที่นกไม่มีข้าวจะกิน หรือเวลาที่นกไม่สบาย บุญคุณที่แกมีต่อนก มีส่วนทำให้เรากลายเป็น ลูกนก-สุภาพร มาจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งผู้ชักนำเข้าสู่วงการเพลงทุกๆ ท่าน ซึ่งชีวิตนี้นกจะไม่มีวันลืมพระคุณเลยล่ะค่ะ”

ข่าวล่าสุด

หลีกหนีความวุ่นวาย ฉลองปีใหม่สุดหรูบนเกาะส่วนตัวที่ นาคา ไอแลนด์