สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ
การเวียนมาบรรจบอีกครั้งในช่วงฤดูร้อนของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ
โดย...พรเทพ เฮง [email protected]
การเวียนมาบรรจบอีกครั้งในช่วงฤดูร้อนของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ที่จัดขึ้นทุกปีช่วงคาบเกี่ยวปลายเดือน มี.ค.-เม.ย. ซึ่งตรงกับฤดูปิดเทอมของเด็กๆ
ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา หลังจากที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติได้ปรับโฉมใหม่ เปลี่ยนสถานที่จัดงานเป็นศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสะดวกต่อการเดินทางไปมาด้วยขนส่งมวลชนสาธารณะ รถไฟฟ้าใต้ดินหรือเอ็มอาร์ทีที่โผล่ขึ้นมาแล้วเดินเข้างานได้ทันที รองรับวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น จึงเห็นนักอ่านรุ่นใหม่ที่มาร่วมงานและเลือกซื้อหนังสือกันคับคั่ง
ทำให้งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติกลายเป็นอีเวนต์สำคัญประจำปี และสร้างยอดขายมหาศาลให้แก่วงการหนังสือ โดยที่สำนักพิมพ์และสายส่ง รวมถึงร้านหนังสือต่างๆ ที่มาเปิดบูธขายหนังสือได้รับเงินสดเข้าสู่กิจการอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงเป็นการเปิดตัวหนังสือใหม่ จัดนักเขียนพบแฟนนักอ่านโดยตรงกันอย่างคึกคัก
นับเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ดูเชยและล้าหลังในร่มเงาการจัดงานแบบราชการมาสู่ความหวือหวาในความต้องการของคนอ่านรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมามากยิ่งขึ้น
เมื่อมาดูการเริ่มต้นของการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งแรกเมื่อปี 2515 โดยกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ร่วมกันจัดขึ้นที่บริเวณโรงละครแห่งชาติ จากนั้นมีการย้ายสถานที่จัดงานไปหลายแห่ง ได้แก่สวนลุมพินี โรงเรียนหอวัง ท้องสนามหลวง คุรุสภา และถนนลูกหลวง ข้างกระทรวงศึกษาธิการ
ต่อมาสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นผู้จัดงาน ปี 2546 เพิ่มการจัดงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ (Bangkok International Book Fair) ไปพร้อมกันด้วย รวมทั้งย้ายสถานที่จัดงานไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สัปดาห์หนังสือแห่งชาติยุคใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับคนอ่านยุคหลังฟองสบู่แตก ปี 2540 ได้ช่วยสร้างให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างมาก การเปลี่ยนผ่านและขยายตัวแบบก้าวกระโดดของร้านหนังสือเชนสโตร์ ที่มีสาขามากมายตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญในจุดนี้
คนอ่านหนังสือที่มีมากมายหลากหลายรสนิยม และตลาดคนอ่านที่ซอยยิบย่อยมากขึ้น ทำให้มีสำนักพิมพ์เล็กๆ เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่ประกอบการแบบครบวงจรตั้งแต่ผลิตหนังสือ เป็นสายส่งและผู้จัดจำหน่าย รวมถึงมีร้านหนังสือเชนสโตร์แบรนด์ของตัวเอง ก็กลายเป็นดาวรุ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่ห้อยท้ายด้วยคำว่า มหาชน นับได้ว่าเป็นยุคทองที่มาถึงในช่วงระยะเวลาหนึ่งอีกครั้งของวงการหนังสือ
และแล้วแรงท้าทายที่สำคัญก็เข้ามาสู่อุตสาหกรรมหนังสือ ด้วยการเติบโตของเทคโนโลยีออนไลน์ และการมาถึงของอุปกรณ์สื่อสารประเภทแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วเพียงชั่วปลายนิ้วสัมผัส การเติบโตขยายเครือข่ายประชาสังคมออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย และการนำหนังสือสู่ลักษณะของไฟล์ดิจิทัลหรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า อีบุ๊ก
บวกกับเศรษฐกิจโลกที่หดและทรุดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบถึงวงการหนังสือเมืองไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อวงการสื่อสิ่งพิมพ์ที่เหมือนเป็นพี่น้องกันอย่าง นิตยสาร แต่ละหัวต่างทยอยปิดตัวลง และกำลังลามเลียมาสู่วงการหนังสือ ซึ่งยอดคนอ่านและยอดขาย รวมถึงยอดผู้มาร่วมงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเริ่มชะลอตัว หลังจากที่เติบโตอย่างน่าตื่นใจทุกปี
การรับมือกับยุคดิจิทัล และภูมิทัศน์ของการอ่านที่เปลี่ยนไป วงการหนังสือเมืองไทยพร้อมรับมืออย่างไร? สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 45 และสัดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2560 น่าจะมีคำตอบไม่มากก็น้อย...


