posttoday

ไม้ใกล้ (ไกล) ฝั่ง

11 มกราคม 2560

คงไม่มีใครอยากถูกเรียกด้วยคำคำนี้เพราะฟังแล้วชวนให้หดหู่นึกไปถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

โดย...มิกกี้ เม้าส์

คงไม่มีใครอยากถูกเรียกด้วยคำคำนี้เพราะฟังแล้วชวนให้หดหู่นึกไปถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ความจริงก็คือความจริงทุกชีวิตล้วนมีฝั่งของตัวเองที่ต้องเดินทางไปจนถึงด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น สิ่งที่ควรคำนึงมากกว่าคือระยะทางไปถึงฝั่งของตนว่าอยู่ห่างออกไปไกลแค่ไหน และวันนี้ผมมีวิธียืดระยะนี้มาบอกครับ เป็นวิธีที่ผมประยุกต์มาจากคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่มีแก่พระอานนท์ในวันปลงอายุสังขารอันมีความโดยย่อว่า

“อานนท์ ถ้าบุคคลใดเจริญอิทธิบาท 4 (ฉันทะ-วิริยะ-จิตตะ-วิมังสา) ปรารถนาจะดำรงอยู่ประมาณกัปหนึ่งหรือมากกว่านั้นก็สามารถจะอยู่ได้” ซึ่งนี่ย่อมเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนถึงอานิสงส์ของอิทธิบาท 4 ที่มีต่ออายุหรือความห่างจากฝั่งที่เรากำลังสนใจ ดังนั้น หากใครอยากมีอายุยืนก็เพียงนำหลักนี้มาใช้ แม้ในบางตำราจะมีการขยายความถึงการเจริญอิทธิบาท 4 เพื่อให้อายุขัยยืนยาวไปได้ถึงกัปนั้นว่าต้องทำสมาธิให้ได้ชนิดแนบแน่นมีกำลัง แต่กับผู้ที่ไม่ได้ฝึกสมาธิมาอย่างจริงจังก็ใช่ว่าจะนำหลักนี้มาใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตามเหตุและผลของกลไกแห่งชีวิตแล้ว อย่างไรเสียการใช้หลักนี้อย่างถูกต้องย่อมส่งผลให้อายุยืนขึ้นกว่าการไม่ใช้อย่างแน่นอน ซึ่งการประยุกต์นั้นทำได้ดังนี้

เริ่มจากองค์ประกอบข้อแรกของอิทธิบาทคือ “ฉันทะ” ซึ่งโดยความหมายทั่วไปจะหมายถึงความพอใจในกิจการงานที่ทำ แต่ในการนำมาประยุกต์ใช้เพื่อยืดระยะห่างจากฝั่งนี้จะมุ่งหมายไปที่ “ความพอในที่จะได้มีชีวิตอยู่” ลองคิดง่ายๆ ว่าหากใครไม่อยากอยู่ เขาก็จะใช้ชีวิตอย่างซังกะตายไปวันๆ หรืออาจถึงขั้นแอบคิดว่าเมื่อไหร่จะตายๆ ไปเสียที ซึ่งก็แน่นอนว่าหากมีใจที่หดหู่เช่นนี้ย่อมส่งผลให้สุขภาพกายย่ำแย่จนทำให้ตายเร็วเป็นแน่

แต่ขณะเดียวกันความพอใจที่จะมีชีวิตอยู่นี้ก็ไม่ใช่การอยากอยู่ไปเรื่อยๆ อย่างคนรักตัวกลัวตาย หรือการอยากอยู่ไปนานๆ หาความสุขให้ตนเอง ความอยากอยู่เช่นนี้ไม่มีกำลังพอจะยืดระยะฝั่งได้ ฉันทะนี้ต้องเป็นความพอใจที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมี “คุณค่า” ถึงจะมีพลังพอจะส่งให้ชีวิตเดินทางต่อระยะไปได้จริง เสมือนเป็นแบตเตอรี่ก้อนโตที่บรรจุแรงขับเคลื่อนที่เป็นพลังสะอาดบริสุทธิ์ ทั้งเป็นเชื้อเพลิงที่ชีวิตสามารถนำไปใช้ได้จริง

ดังนั้น ผู้ที่อยากมีอายุยืนจึงต้องตั้งเป้าหมายของตนเป็นการมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคม หรือประเทศชาติ โดยให้ระลึกว่ายิ่งประโยชน์ใหญ่พลังก็ยิ่งมากและเมื่อเริ่มถูกแล้วก็ให้ทำอิทธิบาทข้อต่อไปคือ “วิริยะ” หรือความพากเพียรทำงาน เราต้องมีความขยันขันแข็ง ทำงานอย่างเต็มกำลัง ใช้เป้าหมายที่ดีและใหญ่นั้นช่วยดึงศักยภาพของเราออกมาใช้ให้เต็มที่ ซึ่งผลจากความขยันทำงานอย่างเต็มกำลังนี้ก็จะส่งผลดีต่อเรื่องสุขภาพกายไปในตัวด้วย ตรงข้ามกับการอยู่เพื่อตัวเองที่พอเหนื่อยก็จะหยุด พอท้อก็จะเลิก ทำให้ชีวิตมีแต่ความเหี่ยวเฉาลงทุกวัน

จากนั้นก็มาถึง “จิตตะ” หรือความทุ่มเท มุ่งมั่น ความใส่ใจ เราต้องแน่วแน่กับการกระทำดีนั้น ไม่โลเล ไม่หวั่นไหวไปกับเสียงรอบข้างที่ชวนให้เสียกำลังใจในการทำดี ซึ่งพลังจากความมุ่งมั่นนี้จะทะลุทะลวงอุปสรรคทำให้งานสำเร็จได้ ที่สำคัญการจดจ่ออยู่กับงานดีๆ มีคุณค่าที่ได้กระทำต่อผู้อื่นยังเท่ากับเป็นการฝึกจิตใจของเราให้มีสมาธิอยู่แต่กับเรื่องดีๆ อันนำมาซึ่งความสุขใจส่งต่อไปยังความสุขกายด้วย

สุดท้ายคือ “วิมังสา” ต้องหมั่นพิจารณาตรวจทาน ประเมินผลสิ่งที่ได้กระทำลงไป เพื่อนำไปพัฒนางานนั้นให้ดียิ่งๆ ขึ้น ซึ่งผลดีนี้จะย้อนกลับไปเพิ่มแรงบันดาลใจ หรือฉันทะที่จะกระทำงานนั้นให้มากยิ่งขึ้น ส่งต่อให้ความขยัน และความมุ่งมั่นเพิ่มตามด้วย กลายเป็นวงกลมวงรอบที่ส่งต่อการเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน จนสุดท้ายงานที่ว่ายาก งานที่ว่าใหญ่ก็จะสำเร็จได้ไม่เกินความสามารถของเรา และเมื่องานนั้นสำเร็จสิ่งที่ตามมาก็คือความภาคภูมิใจในตนเอง เกิดความตระหนักรู้คุณค่าในตน อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีด้วยรู้ว่าชีวิตนี้ดำรงอยู่อย่างมีประโยชน์ต่อผู้อื่น หรือก็คือมีความพอใจในการมีชีวิตอยู่ด้วย เพราะประจักษ์ชัดจากผลของงานแล้วว่าลมหายใจของเราได้ก่อเกิดคุณค่าใหญ่ปานใด

ดั่งคำอันคุ้นชินที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เมื่อจิตพอใจจะอยู่เพื่อสร้างคุณค่ามหาศาลแก่ผู้อื่นเช่นนี้ก็จะนำกายให้ดำรงอยู่ได้ต่อไปจนถึงกาลสิ้นแห่งสภาพของกายเขาจริงๆ สรุปคือเพียงเราใช้ชีวิตมุ่งมั่นสร้างสิ่งดีๆ แก่ผู้อื่น พร้อมนำหลักอิทธิบาททั้ง 4 ข้อนี้มาใช้ ชีวิตเราก็จะยืนยาวสมปรารถนาครับ

แม้ชีวิตต่างจากเรือตรงชีวิตไม่สามารถหักหางเสือย้อนเวลา หันหัวกลับได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนฝั่งที่เราต้องเดินทางไปถึงได้ เลือกฝั่งที่มีแต่ตัวเรา ฝั่งก็จะใกล้ ชีวิตก็จะสั้น เลือกฝั่งที่มีผู้อื่น ฝั่งนั้นจะไกล ชีวิตเราย่อมจะยืนยาวออกไปครับ

เกี่ยวกับผู้เขียน

ดร.วีรณัฐ โรจนประภา นักวิชาการด้านสังคม สูงวัย ผู้ก่อตั้งและนายกสมาคมบ้านปันรัก และประธานกรรมการมูลนิธิบ้านอารีย์ มาพูดคุยและแลกเปลี่ยนมุมมองดีๆ แบบนี้ได้ที่ Line@ : @dr.veeranut

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้