posttoday

กษัตริย์จิกมี ต้นแบบชาวภูฏาน

30 ตุลาคม 2559

พวกเราชาวไทยชื่นชมสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งแห่งภูฏาน

โดย...ส.คนจริง

พวกเราชาวไทยชื่นชมสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งแห่งภูฏาน เนื่องเพราะพระราชจริยวัตรที่งดงาม ถูกตาต้องใจคนไทย (และทั่วโลก) โดยเฉพาะความอ่อนน้อมถ่อมตน (มัททวะ) ความจริงใจ (อาชวะ) และเชื่อว่าทรงวางพระองค์ตรงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า สังคหวัตถุ 4 คือธรรมที่เป็นที่ตั้งแห่งการสงเคราะห์กัน หรือธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน ได้แก่

1.ทาน การให้ การเสียสละ แบ่งปันเพื่อประโยชน์แก่คนอื่น ช่วยปลูกฝังให้เป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว

2.ปิยวาจา เจรจาไพเราะ จริงใจ  พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เหมาะกับกาลเทศะ 

3.อัตถจริยา ช่วยเหลือกัน หรือทำตนให้เป็นประโยชน์

4.สมานัตตตา การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ วางตนเสมอต้นเสมอปลาย วางตัวดี หรือเป็นกันเอง

ผู้เขียนเชื่อว่าหลักธรรมเหล่านี้ เป็นหลักธรรมประจำพระองค์ มิเช่นนั้นคงไม่สามารถผูกใจใครต่อใครไปทั่วโลก และยืนยันได้ เมื่อได้อ่านพระราชดำรัสของพระราชาธิบดี จิกมี ที่มีต่อประชาชนชาวภูฏาน เมื่อครั้งบรมราชาภิเษก ในเดือน พ.ค. 2009 (จากหนังสือ 2009 Bhutan) จะเห็นได้ชัดเจนว่า ทำไมพระองค์จึงทรงเป็นที่รักของประชาชน ส่วนราชอาณาจักรเล็กๆ ในเทือกเขาหิมาลัยที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ที่วัดความเจริญของประเทศด้วยความผาสุกของประชาชน (Gross National Happiness) มิใช่วัดความเจริญจากตัวเลข (GDP) กลายเป็นประเทศต้นแบบที่องค์การสหประชาชาติต้องศึกษา

พระราชาธิบดี จิกมี มีพระราชดำรัสต่อประชาชนของพระองค์ในการเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาธิบดี ลำดับที่ 5 ว่า ตลอดรัชสมัยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ปกครองในฐานะพระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้าจะปกป้องท่านเหมือนบิดามารดา (ปกครองบุตร) เอาใจใส่ท่านเหมือนพี่น้อง รับใช้ท่านเหมือนลูก ข้าพเจ้าจะให้ทุกสิ่งทุกอย่าง และจะไม่เก็บอะไรไว้ ข้าพเจ้าจะดำรงชีพเหมือนมนุษย์ที่ปฏิบัติดีคนหนึ่ง ซึ่งท่านจะพบว่ามีคุณค่าพอที่จะยกเป็นตัวอย่างสำหรับลูกๆ ของท่านได้ ข้าพเจ้าไม่มีเป้าหมายส่วนตัว มากกว่าจะช่วยให้ท่านสมหวัง และมีแรงบันดาลใจ ข้าพเจ้าจะรับใช้ท่าน ทั้งกลางวันและกลางคืน ในจิตวิญญาณของความเมตตากรุณา ความยุติธรรม และความเสมอภาค

(“Throughout my reign I will never rule you as a King , I will protect you as a parent,  care for you as a brother and serve you as a son. I shall give you everything and keep nothing, I shall live such a life as a good human being that you may find it worthy to serve as an example for your children; I have no personal goals other than to fulfill your hopes and aspirations. I shall always serve you, day and night, in the spirit of kindness, justice and equality” )

พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2549 และในวันที่ 6 พ.ย. 2551 ได้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการ ณ พระราชวังในกรุงทิมพู

เสด็จฯ เมืองไทย เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ต.ค. 2559 เพื่อทรงร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเสด็จฯ กลับในวันจันทร์ที่ 17 ต.ค. 2559

ข่าวล่าสุด

เปิดภาพคุมตัว "น.ส.ลัก" สอบเข้ม ปมบังคับลูกสาววัย 12 ค้ากามญี่ปุ่น