ทราย เดอะเฟซ ขอเที่ยวซื้อประสบการณ์

โดย...รอนแรม ภาพ... ทราย จิตติมา

นางแบบเซ็กซี่แห่ง เดอะ เฟซ ซีซั่น 1 ทราย-จิตติมา วิสุทธิปราณี ได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์จากสาวเปรี้ยวเป็นสาวเท่ในบทตำรวจหญิง เรื่องดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน ที่หลายคนมองว่าบทบาทตรงข้ามกับภาพลักษณ์ แต่เธอกลับมองว่าตรงกับชีวิตจริงที่มีมุมลุยบ้าง โดยเฉพาะในโหมดท่องเที่ยว

โหมดงาน

ทรายชอบประกวดเดินแบบ และมีความฝันอยากเป็นนางแบบตั้งแต่เด็ก โชคดีที่เธอสูง 171 ซม. แถมยังกินเก่งแต่ไม่อ้วน จึงลองเข้าประกวด เดอะ เฟซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 1 ซึ่งเธอได้เข้ารอบ 4 คนสุดท้าย

 

“ทรายเปิดทีวีแล้วเห็นคนเดินแบบแล้วรู้สึกว่าเขาสวยสง่า ก็เลยไปเปิดยูทูบดูแล้วเดินตาม พอมีเวลาประกวดก็ลองไปดูตั้งแต่อายุ 16 ปี” เธอกล่าว

ปัจจุบันทรายอายุ 26 ปี ยังคงอยู่ในวงการนางแบบและวงการบันเทิง ทว่าความฝันที่อยากเป็นนางแบบเริ่มจางลงตั้งแต่ได้สัมผัสของจริง เธอเล่าว่า ยังสูงน้อยไป (นางแบบส่วนใหญ่สูง 173 ซม.ขึ้นไป) และมีรูปร่างเล็กเกินไปทำให้สู้นางแบบคนอื่นไม่ได้ แม้ว่าเธอจะผ่านการแข่งขันนางแบบมา แต่เมื่อรายการจบไปก็ไม่มีงานเดินแบบต่อ ประจวบกับทางกันตนาทาบทามไปเป็นนักแสดง เพราะเห็นแววจาก เดอะ เฟซ

 

“ทรายได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดง 6 ปี” ละครเรื่องแรกของเธอคือ ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงินรับบทเป็น พอฤดี ตำรวจหญิงหนึ่งเดียวในแก๊งซึ่งเป็นอีกความสามารถหนึ่งที่เธอเพิ่งรู้ตัวเอง “จากความฝันที่อยากเป็นนางแบบ แต่ตอนนี้ได้เป็นนักแสดงก็ยังรู้สึกว่าได้อยู่ในวงการใกล้ๆ กันอยู่ ซึ่งการแสดงเป็นสิ่งใหม่ที่พอได้เรียนรู้แล้วสนุก แล้วพอได้สวมบทเป็นนักแสดงคนนั้นก็ยิ่งสนุกกว่า เพราะเหมือนกับว่าเราได้เปลี่ยนเป็นคนอื่นชั่วคราว ไม่ต้องเป็นเราสักวันหนึ่งก็ดีเหมือนกัน”

เธอต้องเข้าคอร์สต่อยมวย คิวบู๊ ยิงปืน เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ “เรื่องแรกยาก ยากตั้งแต่มีคิวบู๊” เธอเผย “เพราะทรายไม่ใช่คนออกกำลังกาย แล้วคิดว่าต้องเจ็บตัวแน่ๆ เลยกลัว แต่พอไปเรียนไปแสดงจริงๆ กลับรู้สึกสนุก ไม่มีปัญหา”

เธอยังกล่าวด้วยว่า ความที่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ทำให้รู้ว่าจะยึดติดความฝันอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องอยู่ในความเป็นจริง ตอนไหนมีโอกาสก็คว้าไว้ แล้วทำมันให้เต็มที่ อย่างการเป็นนักแสดงก็ทำให้สมบทบาท หรือการเป็นนักศึกษาก็กลับไปเรียนให้เต็มที่

 

โหมดท่องเที่ยว

ทรายทำงานหาเงินมาตั้งแต่อายุ 15 ปี และเก็บเงินส่งตัวเองเรียนมาตั้งแต่ตอนนั้น จึงไม่แปลกที่เธอจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งสิ้นเปลือง แต่นั่นไม่ใช่กับเรื่องเที่ยว ทรายเก็บเงินเพื่อจะได้ไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ เพราะเธอคิดว่าการเดินทางเป็นแรงบันดาลใจชิ้นโตที่ทำให้เธอมีพลังชีวิต

“ทรายชอบไปทะเล ชอบไปภูเขา ชอบไปกินอาหารท้องถิ่น ไปต่างประเทศบ้างใกล้ๆ ที่ไม่แพงมาก เช่น ฮ่องกง เกาหลี เมียนมา แต่ส่วนใหญ่ชอบเที่ยวในประเทศไทย ถ้าไปพักผ่อนจะไปชายทะเลใกล้ๆ ถ้าทริปกินจะเลือกไปเชียงใหม่ ไปเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะทรายโตมาในกรุงเทพฯ ทำงานในกรุงเทพฯ เป็นคนเมืองเต็มตัวทุกวันก็เห็นแต่ตึก รถยนต์ ความแออัดวุ่นวาย การออกไปเจอธรรมชาติบ้างน่าจะเป็นการบำบัดที่ดีที่สุด”

 

ทรายเล่าต่อว่า พอได้ไปต่างประเทศแล้วมันอยากรู้อยากเห็นไปหมด “จริงๆ แต่ก่อนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้ไปเที่ยวเมืองนอก ไม่คิดเลยว่าเราจะทำงานเก็บเงินแล้วเหลือพอให้ไปเที่ยว แต่พอได้ไปครั้งหนึ่งแล้วอยากไปอีกอยากไปทุกปี เพราะมีอะไรให้ดูเยอะมาก บ้านเมืองอากาศ ต้นไม้ วิถีชีวิต โดยเฉพาะอาหาร” อย่างที่บอกว่าเธอกินเก่งแต่ไม่อ้วน

“ทรายได้ไปเกาหลีมา 2 ครั้ง และมีความคิดจะไปอีก เพราะที่นั่นอาหารอร่อยมาก และอยากไปซ้ำอีกจนเห็นเมืองครบ เหมือนเมืองไทยที่เที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ แม้ว่าจะไปที่เดิมๆ ก็ไม่เบื่อเพราะเพื่อนเที่ยวเปลี่ยนไป สถานที่ท่องเที่ยวเปลี่ยนไป อารมณ์ในตอนนั้นเปลี่ยนไป ทำให้เที่ยวยังไงก็ไม่มีเบื่อ” สำหรับทริปต่อไปเธอวางแผนไว้ว่าจะไปญี่ปุ่น แต่ขอหยอดกระปุกก่อนสักครึ่งปีแล้วค่อยออกเดินทางปีหน้า ซึ่งน่าจะใกล้ๆ กับช่วงเรียนจบปริญญาตรีที่ผัดมาหลายปีก่อนจะสำเร็จ

 

โลกของทราย

ถามว่าการเดินทางคืออะไร เธอตอบว่าการเดินทางคือ ชีวิต ทั้งการเรียนรู้ชีวิตตัวเองและผู้อื่น ได้รับมุมมองด้านใหม่ ยอมรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ออกเดินทางไปให้รู้ว่าโลกใบนี้กว้างแค่ไหนให้รู้ว่ามนุษย์ตัวเล็กแค่ไหน และให้รู้ว่ายังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากมายให้ออกไปค้นหา

ถามเธอต่อว่า ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบอยากให้โลกใบนั้นเป็นอย่างไร ทรายตอบทันทีเหมือนเตรียมมาอย่างดีว่า “อยากให้โลกใบนั้นมีสีเขียว” เพราะเธออยู่ในเมืองทุกวันมักจะไม่เห็นสีเขียว เธออยากให้มีต้นไม้มากๆ อากาศที่ดี ไม่มีเสียงดัง และอยากให้ทุกคนมีความสุขเสมอกันน่าจะเป็นโลกที่น่าอยู่และมีความสุขดี