กลัวแมว สุดขีด
โดย...ชลญ่า
โดย...ชลญ่า
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักและอยู่คู่มนุษย์มานาน แต่เชื่อไหมมีบางคนกลัวแมวมาก แมวเดินเข้ามาใกล้แบบไม่รู้ตัวพอผลุนผลันหันขวางรีบหนีทันที บางทีเห็นแมวมาแต่ไกลต้องหาทางหนีทีไล่กันไว้เลย หรือบางทีแมวมาถูกตัวโดยไม่รู้ตัวแทบกรี๊ด มีใครกลัวแมวขนาดนี้บ้าง ว่าแต่ถ้ากลัวขนาดนี้มีวิธีรับมือและทำให้หายกลัวได้
นพ.สุรชัย เกื้อศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคแพนิค โรคซึมเศร้า และปัญหาการนอนหลับ-ตื่น กล่าวว่า อาการของคนกลัวแมวจัดอยู่ในโรคกลัวเฉพาะอย่าง ซึ่งบุคคลนั้นจะมีความกลัวที่ท่วมท้นและไม่สมเหตุสมผล ทั้งที่รู้ว่าสิ่งนั้น เช่น แมว ไม่น่ากลัว แต่คุมความกลัวไว้ไม่ได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งหรือเหตุการณ์ที่กลัว และมีปฏิกิริยาตอบสนองทางระบบประสาทอัตโนมัติอย่างรุนแรง เช่น ใจเต้นเร็ว เหงื่อแตก หายใจติด ตัวสั่น ปั่นป่วนในท้อง ม่านตาขยาย เป็นลม และมีท่าทางหวาดหวั่นจนถึงพยายามหลีกหนีออกไปจากการเผชิญหน้านั้น นอกจากกลัวแมวแล้วยังกลัวสัตว์หรือแมลงชนิดต่างๆ เช่น กลัวแมงมุม กลัวผึ้ง บางคนกลัวธรรมชาติแวดล้อม เช่น กลัวความสูง ลมพายุ บางคนกลัวเหตุการณ์ หรือสิ่งที่อยู่รอบตัว อุโมงค์ เข็มฉีดยา
“อาการกลัวสัตว์หรือแมลงและธรรมชาติมักเกิดขึ้นตั้งแต่เด็ก อาการอาจหายไปได้เมื่อตอนโต แต่บางคนอาการกลัวมากขึ้นจนรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้ที่เกิดอาการกลัวดังกล่าวมักมีประวัติกลัวสุดขีดกับเหตุการณ์หรือสิ่งนั้นในวัยเด็ก หรือเคยเห็นบุคคลใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ตกใจหรือหวาดกลัวกับสิ่งนั้นมาก่อน ทำให้เกิดความทรงจำ หรือฝังใจในด้านลบกับสิ่งที่กลัวและอาจทำให้สูญเสียการควบคุมอารมณ์บางแห่งในสมอง เช่น อมิกดาลาทำงานไวกว่าปกติ”
นพ.สุรชัย กล่าวว่า ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์สิ่งที่กลัวเป็นเพียงสัญลักษณ์หรือตัวแทนที่แสดงออกมาให้รับรู้และอาจช่วยให้สืบค้นสาเหตุไปถึงสิ่งที่ผู้ป่วยกลัวอย่างแท้จริงในจิตใต้สำนึกที่ผู้ป่วยไม่ตระหนัก เช่น คนที่กลัวม้า ม้าอาจเป็นสัญลักษณ์ถึงบุคคลที่มีอำนาจในชีวิตของเขาคือ บิดาก็เป็นได้
“การรักษาโรคกลัวที่เฉพาะเจาะจงกับบางสิ่งบางอย่างเช่นนี้ คือการทำพฤติกรรมบำบัด ที่นิยมคือแบบการเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว ก่อนการเผชิญหน้าผู้ป่วยควรได้รับการฝึกหรือเรียนรู้เทคนิคทางการผ่อนคลายตนเองเพื่อควบคุมอารมณ์และการตื่นตัวของประสาทอัตโนมัติ การเผชิญหน้าอาจเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปจากสิ่งที่กลัวน้อยสุดไปหามากที่สุด หรือเริ่มจากการจินตนาการก่อนไปถึงสัมผัสของจริง แต่ก็มีเทคนิคอีกหลายแบบที่ผู้รักษาสามารถเลือกให้เหมาะสมกับผู้ป่วย”


