พระเครื่องในดวงใจมือสืบสวน ‘พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ’
เรียกว่าเป็นนายตำรวจที่ชื่นชอบสะสมพระเครื่อง “พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
โดย...เอกชัย จั่นทอง
เรียกว่าเป็นนายตำรวจที่ชื่นชอบสะสมพระเครื่อง “พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในแวดวงสีกากีหรือสื่อมวลชน เรียกว่า “รองอิท” จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 36 มีเพื่อนร่วมรุ่นชื่อดัง อย่างเช่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.น. ฯลฯ
นอกจากเป็นนายตำรวจนักสืบ ที่ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการทำงาน ตามล่าคนร้ายมาดำเนินคดีมาตั้งแต่ครั้งเรียนจบใหม่ และยังชื่นชอบสะสมพระเครื่องวัตถุมงคลด้วย ยามว่างมักหยิบกล้องส่องพระคู่ใจ แม้จะไม่เชี่ยวชาญระดับเซียน แต่ความเลื่อมใสศรัทธากับวัตถุมงคลที่พกติดตัวไม่อาจประเมินค่าได้
พล.ต.ต.อิทธิพล มีผลงานที่ครบเครื่อง ผ่านเลือด ควันปืนมาอย่างโชกโชน พิชิตคดีสำคัญสร้างผลงานชิ้นโบแดง ไว้ในฐานะ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สารพัดคดี หากจะหยิบยกมาการันตีคงไม่พอหน้ากระดาษ แต่ “รองอิท” เล่าย้อนอดีต สมัยครองยศ สารวัตรสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ จับคนร้ายฉายา “โจรเรียกค่าไถ่” หรือ เอียด เส้งเอียด อดีตจอมโจร
ผู้เลื่องชื่อ ปัจจุบันกลับใจเป็นคนดี สร้างความสุขให้ประชาชนได้ปลอดภัย เพราะอดีตจอมโจร รายนี้คือภาพความหวาดกลัว
อาชีพตำรวจเหมือนแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย โดยเฉพาะงานสืบสวนปราบปราม การยิงปะทะจับกุม สุ่มเสี่ยงทุกเสี้ยววินาที เครื่องรางของขลังย่อมคู่กายติดตัวนายตำรวจแทบทุกนาย ไม่ต่างกับ พล.ต.ต.อิทธิพล ก็มีของรักของหวง ที่แขวนใส่พระคู่กายเป็นประจำตัวทุกครั้ง คือ “สมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่” ในแวดวงผู้นิยมพระ ล้วนยกย่องกันว่า “จักรพรรดิ” แห่งพระเครื่อง และเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อน สมณศักดิ์ เจ้าตัวยอมรับว่า สวมใส่มานานหลายสิบปีแล้ว ก่อนออกจากบ้านอาราธนาทุกครั้งไป
บทสนทนาพาย้อนเหตุการณ์จับคนร้ายรายสำคัญในอดีต ที่เขาเชื่อว่าเกิดปาฏิหาริย์จากพระกริ่ง ชัยวัฒน์ ปี 82 วัดสุทัศน์ฯ ระหว่างไปจับคนร้ายก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต ย่านสมุทรปราการ จนรู้ว่าคนร้ายกบดาน ใน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี จึงแฝงตัวในพื้นที่หลายสิบวัน พักอยู่บ้าน สจ.ชื่อดัง กระทั่งมั่นใจทราบพิกัดคนร้าย กระจายกำลังเข้าจับกุม ภายในกระท่อม ล้อมรอบด้วยบ่อเลี้ยงปลา ระหว่างเข้าจับกุม
“หมาดันเห่า เลยนึกถึงพระที่แขวนติดตัวไปขอให้ท่านช่วยคุ้มครองลูกน้องให้ปลอดภัย และจับคนร้ายให้ได้ด้วยเถิด จึงตัดสินใจลุยเข้าจับตัวไว้ได้” รองอิท เล่าวินาทีจับคนร้าย
นายตำรวจใหญ่คนเดิม ยังเล่าต่อไปว่า ส่วนใหญ่แขวนพระมาตั้งแต่เด็ก เพราะย่อมมีสิ่งไม่ดีพัดผ่านมาในชีวิต บางครั้งก็ต้องมีสิ่งคุ้มครองทางใจ เมื่อเป็นตำรวจคงหนีไม่พ้นเรื่องความเชื่อมั่นให้กับตัวเองในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนใหญ่เป็นพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระเครื่อง เพราะเราเป็นชาวพุทธ และเชื่อว่าพระที่เราแขวนเป็นประจำจะคุ้มครองให้รอดปลอดภัย ทำงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี ห้อยพระมาหลายสิบปีแล้ว
ยิ่งสมัยโดดร่มครั้งแรก ตอนฝึก ตำรวจทุกคนไปดูได้เลยถ้าไม่นับถือศาสนาอื่น นอกจากศาสนาพุทธ ก็แขวนพระทุกคน หรือไม่ถ้าไม่ได้แขวนก็จะอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เพราะการทำหน้าที่ปราบปรามโจรผู้ร้าย บางครั้งเสี่ยงอันตราย เราก็คงต้องนึกถึงพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราห้อยหรือแขวนติดตัว
นอกจากเรื่องพระเครื่องคู่กายแล้ว แนวทางการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กัน พล.ต.ต.อิทธิพล บอกเล่าการทำงานว่า หลังจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ตั้งปณิธานไว้ตลอดว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” เมื่อเป็นตำรวจต้องซื่อสัตย์สุจริต เพราะบางครั้งมีหลายอย่างล่อตาล่อใจ จนเกิดคำพูดเฉพาะ ขึ้นว่า “กินตามน้ำ ทวนน้ำ” ขอให้นึกไว้ว่าใครจะให้โดยเสน่หาหรือสิ่งใดก็แล้วแต่ ถือว่าทุจริตหมด
“ถ้าเราไม่ใช่ตำรวจหรือมีตำแหน่งในอาชีพ คนเหล่านี้ก็คงไม่นำเงินทองหรือสิ่งของมาให้เราอย่างแน่นอน เมื่อเราเริ่มต้นแบบนี้แล้วทุกอย่างจะไม่มีและไม่เกิดปัญหา ต้องสุจริตก่อนเสมอ ไม่อย่างนั้นผมรวยไปแล้ว ไม่มาอยู่สภาพแบบนี้” พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวทิ้งท้ายให้คิด


