posttoday

ไลน์ระบาย

13 กรกฎาคม 2559

โดย...ว.แหวน

โดย...ว.แหวน

ใครบ้างไม่รู้จัก “LINE” ใครบ้างไม่เล่น “LINE” ยุคนี้สมัยนี้ใครไม่รู้จัก ใครไม่เล่น เขาก็คงหาว่าเชย ไปอยู่ที่ไหนมา เพราะแม้แต่นักเรียนอนุบาลยันผู้ใหญ่วัยเกษียณ สังคมไลน์...กลายเป็นสังคมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตส่วนตัวตั้งแต่ตื่นนอนยันก่อนนอน ลืมสวดมนต์ได้แต่ไม่ลืมเปิดไลน์ทิ้งท้ายราตรีสวัสดิ์ ตื่นนอนหยิบแว่นตาก็ต้องคว้ามือถือเช็กไลน์ บางคนเหมือนถูกใครแต่งตั้งให้เกิดมามีหน้าที่ส่งความปรารถนาดีให้เพื่อน ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่สังคมด้วยการส่งไลน์ราตรีสวัสดิ์และไลน์อรุณสวัสดิ์ กลายเป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนการแปรงฟัน

แต่ไปๆ มาๆ ทุกวันนี้ ฉันกลับได้รับรู้ทั้งผลดีและผลเสียอันเกิดจากไลน์ จุดเริ่มต้นอาจเกิดจากความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร ส่งข้อความหากันไม่ต้องผ่านสื่อกลาง จะพูดจะคุยอะไร ไม่ต้องเหนียมอายที่จะเอ่ยปากบอกคอลเซ็นเตอร์เหมือนในยุคก่อนๆ ที่สำคัญ! แค่มีสัญญาณไว-ไฟ 3จี 4จี เราก็ติดต่อสื่อสารกันได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเงิน (เพราะเราเหมาจ่ายความสะดวกสบายไปล่วงหน้าแล้ว) แต่กลับกลายเป็นว่ามีหลายโอกาสที่เรามักจะได้ยินคนรอบ
ข้างบ่นๆ ว่า “ไม่น่าเล่นไลน์เลย” “ถ้ามันเปิดดูก็รู้ว่ากูอ่านแล้ว” “มันใช่เวลาไหมที่ต้องมาตามกันตอนนี้” “ถามมาไม่อยากตอบทำยังไงดี? เดี๋ยวก็หาว่าเราไม่มีมารยาทอีก” “มีไลน์ไว้ทำไม พอกูนัดแล้วไม่อ่าน” “เรื่องสำคัญทำไมมันไม่โทร” “กูไม่น่าเข้ากลุ่มนี้เลย ไลน์เล่นกันทั้งวันจนกูไม่ต้องทำอะไรกันพอดี” “ไม่ไหวว่ะ วันละเป็นร้อยข้อความ จนกูต้องปิดเสียงเตือน”

เรากำลังเดือดร้อนเพราะ “ไลน์” หรือจริงๆ แล้ว เรากำลังใช้ “ไลน์” กันเละเทะ?

- ไลน์จากเจ้านาย เจ้านายสั่งงานลูกน้องมาในวันหยุดทางไลน์ ง่ายกว่าการโทรมาสั่งให้มันทำ เพราะสามารถข้ามคำว่าเกรงใจได้ หรือต่อให้ไม่เกรงใจ โทรมามันก็ไม่รับหรอก (แล้วมันใช่เวลาทำงานไหม? อันนี้ลูกจ้างถาม) ส่งทางไลน์ยังไงมันก็ต้องอ่าน หึหึ! มันจะอ้างอะไร ถ้าไม่อ่าน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่ามันไม่ให้ความสำคัญกับองค์กร มีผลต่อการประเมินแน่ หึหึ! (อีกครั้ง) วันหยุดก็ขอประชุมทางไลน์ ไหว้วานทางไลน์ และมักไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคคำสั่ง

กรณีนี้ ไลน์เป็นประโยชน์ต่อองค์กร ต่อผู้บังคับบัญชา แต่เป็นฝันร้ายของลูกจ้าง

- เพื่อนเก่า เพื่อนร่วมห้องสมัยเรียน ลากเข้ามาอยู่ในไลน์กลุ่ม ยิ่งเยอะยิ่งดี ไปๆ มาๆ คุยกันสองคนก็มาคุยในไลน์กลุ่ม คุยกันไม่แคร์เวลา ใครนอนนอนไป กูจะคุย ไม่อยากอ่านก็ปิดเสียง คุยคนเดียวกูก็คุยได้ ส่งสติ๊กเกอร์รัวๆ ไป แก้เซ็งดี โดยไม่ต้องรอยอดไลค์จากใคร

ในคำว่าเพื่อนเก่า มิใช่ว่าเราทุกคนจะมีไลฟ์สไตล์เดียวกัน รสนิยมเดียวกัน สนใจเรื่องเดียวกัน เรื่องบางเรื่องเราไม่ชอบ แต่เพื่อนชอบ เพื่อนแชร์ เรามองบน! เผลอๆ ก็ต้องมาถกเถียงกัน จนทะเลาะกันก็มี แค่เรื่องที่เอามาแชร์กัน นินทา แสดงความคิดเห็น พอเห็นไม่ตรงกัน ก็ทะเลาะกันทางไลน์ พาลออกจากกลุ่ม หลายคนเบื่อหน่าย ออกตามไปด้วย บางคนเข้ามาเพราะเพื่อนเชิญ ออกไปตอนไหนเพื่อนก็ยังไม่รู้ เพราะไม่มีบทบาทใดๆ เลยในกลุ่ม

- ไลน์กลุ่มเฉพาะกิจ เช่น กลุ่มผู้ปกครองโรงเรียน กลุ่มองค์กรใดองค์กรหนึ่ง กลุ่มครอบครัว กลุ่มชมรมผู้สูงอายุ (ไลน์กลุ่มนี้น่าจะสนุกที่สุด เพราะคงมีทั้งความหลากหลาย สับสน สะเปะสะปะ และพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก) ทุกข้อเรียกร้อง ปัญหา คำถาม เรื่องจุกจิกหยุมหยิม เรื่องที่ปกติถ้าไม่มีไลน์ ก็คงข้ามมันไป เพราะคิดแล้วไม่ได้คุยเลย เลยลืมเลย...อะไรคิดได้ ก็ใส่มาเลย อยากบ่น อยากเสนอ เรียกร้อง ชื่นชม อวดของ แสดงศักยภาพ มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง หรือเล่นไร้สาระไปแก้ว่าง เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้เวลาไม่ทำการ ไม่เว้นวันหยุดราชการ ไม่เว้น...วรรค พร้อมที่จะแสดงออกมาทันทีที่คิดได้ คิดแล้วได้ทำเลยซะด้วย (ถ้าไว-ไฟดีโปรเน็ตพร้อม)

ถามว่าเรื่องเหล่านี้ดีกับใคร?

จริงๆ แล้วมันก็ดีกับองค์กร กับกลุ่มนั้นๆ หากก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดประโยชน์ เกิดการต่อยอดความคิด และมีบทบาทในการขับเคลื่อน พัฒนา หรือมีผลต่อการสร้างความรู้สึกดีงาม ประทับใจ แต่ในขณะเดียวกัน...บางครั้งเราก็เผลอลืม “จังหวะเวลา” เผลอลืม “ประโยชน์ส่วนรวม” (ถกกันอยู่สองสามคนในไลน์กลุ่มคนเกือบร้อย ด้วยเรื่องที่คนอื่นไม่รู้ไม่เห็น) เผลอลืมไปว่า “ไม่มีการแก้ไขปรับปรุงใดเกิดขึ้นเร็วกว่าการส่งไลน์” นั่นหมายถึงว่า การสั่งการบางอย่าง ปัญหาที่กำลังรอแก้ไข หรือการรอคอยการเปลี่ยนแปลงของเรื่องบางเรื่อง เราทำไม่ได้เลยเหมือนการพิมพ์คำแล้วกดส่ง เพราะฉะนั้น เราอาจต้องรู้จักคำว่า “รอ” รู้จักเว้นวรรค รู้ความต้องการของเราแล้ว ก็ควรให้โอกาสเขาได้แสดงผลตอบรับจากข้อความในไลน์ด้วย การแสดงผลที่ไม่ใช่คำตอบที่ว่า “รับทราบค่ะ” “กำลังดำเนินการ” หรือ “ตกลงตามนั้น” มันคือการปฏิบัติที่บางครั้งก็ต้องอาศัยเวลา

โลกยุคปัจจุบันกำลังทำให้เรากลายเป็นคนทำอะไรเร็ว เพราะแค่คิดก็คลิก อยากเห็นอะไรก็ต้องได้เห็นเลย อยากไปก็ต้องไปได้เลย “ปัญหา” ไม่ใช่แอพพลิเคชั่น ที่โหลดได้เลยภายในไม่กี่วินาที ความคิดเรากำลังวิ่งไปข้างหน้า ในขณะที่การกระทำยังคงต้องดำเนินไปตามลำดับ เรื่องเยอะก็ต้องเข้าคิว เรากลายเป็นคนใจร้อน มองหาผลสัมฤทธิ์แทบทุกวัน ลองมองในทางกลับกัน...คนหนึ่งนั่งรอดูผลทางไลน์ ในขณะที่อีกคนทำไปด้วย ไลน์ไปด้วย ความร้อนรนอยู่ที่คนรอ ความลุกลนอยู่ที่คนทำ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ใส่ใจทุกคนที่เรากำลังสื่อสาร ว่าสิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราส่งไป ดีกับเราแล้วดีกับเขาด้วยหรือไม่? ถูกใจเรา แต่หากไม่ถูกใจเขา...แต่ดี ก็ยังถือว่าดี ทุกข้อความมีผลกับความรู้สึกของคนอ่านเสมอ ฉันจึงอยากให้เราให้เวลานานขึ้นกับการคิด ให้นานกว่าการพิมพ์แล้วส่ง เพราะเมื่อส่งไปแล้ว ต่อให้เราอยากลบมันออกไปอย่างไร? มันก็เดินทางไปหาความรู้สึกของคนอ่านแล้ว

เข้าไปพูดคุยหรืออ่านมุมมองความคิดของ ว.แหวน ได้ที่ www.facebook.com/Worwaenfanpage

ข่าวล่าสุด

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน กทม. ขอความร่วมมือนครนายกงดเผา 20-25 ธ.ค.