"จอห์น กูลเลดจ์" ความสำเร็จของเด็กล้างจาน
เรื่องราวของชายหนุ่มผู้เริ่มต้นด้วยการเป็นพนักงานล้างจานในร้านพิซซ่า ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ร้านเบอร์เกอร์ในสหรัฐ
เรื่องราวของชายหนุ่มผู้เริ่มต้นด้วยการเป็นพนักงานล้างจานในร้านพิซซ่า ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ร้านเบอร์เกอร์ในสหรัฐ
"หากย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ มีอะไรที่คุณอยากแก้ไขหรือไม่ หรืออยากแก้ไขอะไร" เป็นคำถามยอดฮิตในทุกบทสนทนา ตั้งแต่ในหมู่เพื่อนฝูงล้อมวงคุยกันไปจนถึงกลางรายการทอล์คโชว์ระดับประเทศ เพื่อชวนให้ผู้คนนึกย้อนถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง
แต่สำหรับหลายคน การนึกถึงอดีตที่ผ่านมา แม้จะเคยล้มลุกคลุกคลาน ทำผิดพลาด แต่ก็เป็นช่วงเวลาแสนชื่นมื่นใจ ที่ผลักดันให้มาถึงจุดสูงสุดหรือจุดที่ดีในชีวิตได้
การตัดสินใจเมื่อราว 17 ปีก่อนของ จอห์น กูลเลดจ์ สมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นไฮสกูลคนหนึ่งในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งที่หลายคนไม่เชื่อหรือมองว่าไม่เหมาะสม ที่เขาเลือกทำงานประจำในร้านพิซซ่าแทนที่จะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่
กูลเลดจ์ เริ่มทำงานที่ร้าน Stevi B's ในฐานะพนักงานล้างจาน เขาแตกต่างจากพนักงานคนอื่นที่แสดงความมุ่งมั่นในหน้าที่เล็กๆ อย่างเต็มเปี่ยม จนเข้าตาหัวหน้างานที่เลื่อนขั้นเขาขึ้นมาทำงานครัว และไต่ขึ้นในตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายสร้างปรากฏการณ์ในหมู่พนักงานด้วยกัน ด้วยการได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านในเวลาเพียงแค่ 7 เดือน
หลายคนจึงมองว่าเขาดูมักใหญ่ หรือกระหายความสำเร็จเกินเหตุ ส่วน กูลเลดจ์ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงพนักงานหนุ่มที่กระหายและกระตือรือร้นอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่มากถึงขั้นรับชั่วโมงโอทีของพนักงานคนอื่นมาทำเอง
กระทั่งศึกษาต่อระดับวิทยาลัย พนักงานคนขยันก็ยังติดต่อกับ ริชาร์ด และ บ็อบบี้ สโตล สองพี่น้องเจ้าของ Stevi B's ซึ่งกลายเป็นอดีตนายจ้างอยู่เสมอ จนวันหนึ่งเมื่อพี่น้องคู่นี้ตัดสินใจขายธุรกิจดังกล่าว และก่อตั้งร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดปรุงสด Cheeseburger Bobby's กูลเลดจ์ เลยเป็นคนแรกที่นึกถึง
สโตล ไม่ได้ต้องการพนักงานคนขยันมารับตำแหน่งใดๆ ที่ร้าน แต่ต้องการให้เขามาเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ร้านอาหารแห่งนี้เป็นคนแรก กูลเลดจ์ เองก็รู้สึกดีใจมาก โดยนอกจากความสัมพันธ์แบบนายจ้างลูกจ้างที่ดี เจ้าตัวเชื่อว่า สโตล มองเห็นศักยภาพในตัวเขาจริงๆ ที่ผ่านมาสองพี่น้องสโตลก็เป็นเมนเทอร์ หรือครูคนสำคัญที่ถ่ายทอดความรู้ในธุรกิจอาหาร ด้วยการบริหารงานและความเป็นผู้นำที่ดี จน กูลเลดจ์ เคารพศรัทธาและตกหลุมรักทุกงานเกี่ยวกับงานนี้ไปโดยปริยาย
ตั้งแต่ปี 2008 กูลเลดจ์ จึงได้บริหารสาขาร้านอาหารแห่งนี้ในเมืองไฮแรม รัฐจอร์เจีย ดูแลพนักงาน 21 ชีวิต และทำยอดขายที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในธุรกิจที่การแข่งขันสูง เพราะความมุ่งมั่นไม่ใช่เครื่องการันตีว่าจะต้องลงเอยที่ประสบความสำเร็จเพียงอย่างเดียว โดยที่ผ่านมา เจ้าของแฟรนไชส์วัย 32 ปี จะเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่างเกี่ยวกับงาน และที่ขาดไม่ได้ คือเรียนรู้ข้อผิดพลาดและควบคุมการปรับเปลี่ยนแก้ไขให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
นอกจากตำแหน่งเจ้าของร้านอาหาร เขาจึงเป็นต้นแบบที่ดีของการพัฒนาหน้าที่การงาน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่เล็กล่างมากแค่ไหน หากมีข้อคิดใดที่ กูลเลดจ์ อยากฝากไว้กับผู้ที่คิดเดินบนเส้นทางคล้ายเขาคือ คนคนหนึ่งสามารถพิชิตสิ่งที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะดำรงชีพหาเงิน สร้างผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่ยอดเยี่ยม หรืองานการกุศลช่วยเหลือผู้คน
เพียงแค่ว่าทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่ความเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทแรงกายแรงใจ และเชื่อมั่นในตัวเองและผู้คนที่อยู่รอบข้างที่เป็นกำลังใจหรือแรงผลักดันที่พาให้เราเดินไปข้างหน้า
ที่มา www.m2fnews.com


