posttoday

เป็นโรคที่รักษาไม่หาย อย่างไรก็ต้องอยู่กับมันให้ได้

14 มิถุนายน 2559

คนเรามักจะต้องเจอเรื่องหนักๆ กระแทกใจจนซวนเซกันอยู่เสมอ อย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิตอย่างแน่นอน เหมือนว่าจะให้เราได้รับบททดสอบที่สำคัญ ด้วยการได้รับข่าวร้ายน่าสะเทือนใจ อย่างเช่นเพื่อนสาวคนหนึ่งเธอเพิ่งรับทราบข่าวว่าพี่สาววัย 50 กว่าๆ เป็นมะเร็งตับระยะ 4 ซึ่งคาดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี เธอสะเทือนใจมากเพราะมีกันอยู่สองคนพี่น้อง และคุณแม่วัย 80 ปี ก็ไม่แข็งแรงเกินกว่าที่จะมารับรู้ข่าวร้ายของลูกสาวคนโต

คนเรามักจะต้องเจอเรื่องหนักๆ กระแทกใจจนซวนเซกันอยู่เสมอ อย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิตอย่างแน่นอน เหมือนว่าจะให้เราได้รับบททดสอบที่สำคัญ ด้วยการได้รับข่าวร้ายน่าสะเทือนใจ อย่างเช่นเพื่อนสาวคนหนึ่งเธอเพิ่งรับทราบข่าวว่าพี่สาววัย 50 กว่าๆ เป็นมะเร็งตับระยะ 4 ซึ่งคาดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี เธอสะเทือนใจมากเพราะมีกันอยู่สองคนพี่น้อง และคุณแม่วัย 80 ปี ก็ไม่แข็งแรงเกินกว่าที่จะมารับรู้ข่าวร้ายของลูกสาวคนโต

แน่นอนว่าเธอนั้นตกใจช็อกมากเพราะพี่สาวไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เป็นผู้หญิงทำงาน ที่ใช้ชีวิตราบเรียบทำงานและกลับบ้าน ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบสาวใหญ่ที่รักสงบทั่วๆ ไป ในฐานะน้องสาวคนเดียวที่สนิทกับพี่มากๆ เธอทำใจไม่ได้กับข่าวร้ายนี้ เธอทุกข์ใจ เศร้า กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลดลงฮวบฮาบ หน้าตาหมองคล้ำ เพราะชีวิตมีกันสามคน แม่ พี่สาว และเธอเองเท่านั้น เธอทำอะไรไม่ถูก เสียกำลังใจอย่างรุนแรง เธอยอมลาออกจากงานประจำมาทำงานฟรีแลนซ์เพื่อจะได้มีเวลาดูแลพี่สาวให้มากที่สุดในช่วงสุดท้ายของชีวิต

เราได้แต่ให้กำลังใจเธอ ให้พยายามทำใจและทำเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด ไม่งั้นเธอจะเจ็บป่วยทรุดไปอีกคน ทีนี้แม่จะไม่เหลือใคร เธอรับฟังและเห็นด้วย แต่เธอก็ไม่สามารถทำใจได้ ทุกครั้งที่อยู่ลับหลังแม่และพี่สาว เธอจะร้องไห้ตลอดเวลา ในฐานะเพื่อนก็พาเธอไปทำบุญเข้าวัด เพื่อให้สงบจิตใจปล่อยวางลงบ้าง แต่ก็ได้ผลเพียงระยะเวลาสั้นๆ ได้แต่บอกเพื่อนว่าในเมื่อไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดแล้ว ก็ควรใช้ชีวิตอยู่กับโรคประดุจเพื่อนสนิท ดูแลร่างกายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประคับประคองอาการไปตามความเหมาะสมให้อยู่ได้นานที่สุด ใช้เวลาที่เหลือกับพี่สาวอย่างมีคุณค่า

ไม่ต้องสนใจว่าเวลาจะเหลืออยู่แค่ไหน แต่ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า อย่างมีความหมาย เปลี่ยนความคิดที่ว่าต่อสู้กับโรคร้าย มามองว่าอยู่ด้วยกันกับเพื่อนสนิท อยู่ด้วยกันอย่างเกื้อกูลต่อกัน สร้างกำลังใจให้เกิดขึ้น เพื่อทนรับกับสภาพของความป่วยไข้ เมื่อมีกำลังใจที่จะรักษาตัวเองดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ไปพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด ไม่ละเลยคำเตือนของแพทย์ อย่างนี้ร่างกายที่เจ็บป่วยแต่ได้รับการูแลรักษาอย่างดีก็จะทุเลาลง และบางทีอาจจะมีปฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยนั้น โดยปกติแพทย์ผู้ให้การรักษาจะมีข้อแนะนำให้อยู่แล้ว แต่อาจจะมีบางครั้งที่เราจำเป็นต้องฟื้นฟูปรับสภาพจิตใจของเราให้อยู่ในระดับคงที่ อย่าสวิงขึ้นสวิงลงบ่อยเกินไป รักษาใจให้สงบนิ่งมีสติให้มากที่สุด

อย่างแรกก็คือต้องพยายามยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ใช้หลักธรรมของพระพุทธศาสนามาเป็นตัวช่วย โดยนึกถึงหลักของความไม่แน่นอนของร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าร่างกายของคนเราเมื่อสูงวัยขึ้นความเจ็บไข้ได้ป่วยย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ไม่มีใครอยู่ยงคงกระพัน สุดท้ายบั้นปลายชีวิตเราก็ต้องทิ้งมันไป ดังนั้นเราต้องบอกตัวเองว่าอย่าไปยึดติดกับร่างกายนี้มากเกินไป เมื่อเราปรับความคิดจิตใจของตัวเองให้ยอมรับมันได้ ก็จะเกิดกำลังใจที่เข็มแข็ง มีความสุขสงบ ไม่ร้อนรนทุรนทุราย เมื่อจิตใจที่ดีมีสติก็จะส่งผลให้ร่างกายเข้มแข็งขึ้นตามไปด้วย อย่างที่โบราณว่าไว้ว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าใจดีมีกำลังจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงอยู่กับเราไปได้อีกนานกว่าที่คิดไว้

อันดับต่อมา ก็คือ พยายามปรับสภาพจิตใจให้มองแต่แง่บวก สร้างอารมณ์ของตนเองให้แจ่มใสอยู่เสมอ คนอารมณ์ดีจะมีความสดชื่น ลดความเครียดไปได้มาก ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังกับโรคที่เป็นอยู่มากนัก ใจที่สดใสทำให้ร่างกายแข็งแรง ชีวิตก็จะมีความสุขมากขึ้น

ลำดับสุดท้าย หมั่นสร้างเสริมความสบายใจด้วยการสร้างกุศลทำกรรมดีไว้เยอะๆ บริจาคทาน ช่วยเหลือผู้อื่น ทำจิตอาสาเท่าที่พอจะทำได้ จะช่วยทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีคุณค่า แม้ว่าเราจะเจ็บป่วยก็ตาม หลีกเลี่ยงอารมณ์ ความรู้สึก สถานที่ที่จะทำให้เรารู้สึกแย่หรือทำให้เรารู้สึกหมดคุณค่า หันมาสร้างคุณค่าคุณงามความดีให้กับตัวเอง

คิดเสียว่าอย่างน้อยเราได้ใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเองและผู้อื่น ฝากสิ่งดีๆ ไว้ให้คนได้ระลึกถึง หมดอะไรได้หมดไป แต่อย่าหมดกำลังใจให้กับตัวเองและคนที่คุณรัก

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด การท่าเรือ พบ ทรู แบงค็อก ช้าง เอฟเอ คัพ วันนี้ 21 ธ.ค.68