มนตราบางปะอิน
บางปะอินมีมนตร์ขลัง... แต่ไม่ยักจะเชื่อ จนไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ตกปากรับคำไปบางปะอินกับมิตรสหายตามโครงการ
โดย...กาญจน์ อายุ
บางปะอินมีมนตร์ขลัง... แต่ไม่ยักจะเชื่อ
จนไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ตกปากรับคำไปบางปะอินกับมิตรสหายตามโครงการวันธรรมดา Super น่าเที่ยว Only@ภาคกลาง ตั้งใจว่าจะทิ้งกรุงเทพฯ ทิ้งงาน แล้วไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์สักสองวัน ซึ่งค้นพบว่าการเที่ยววันธรรมดานี่ดีงามนัก ทั้งเรื่องการเดินทางจากกรุงเทพฯ-บางปะอินเพียงชั่วโมงกว่าซึ่งพอๆ กับอโศกไปเอกมัยในเช้าวันจันทร์ หรือเรื่องนโยบายโรงแรมที่มักจะลดราคาและให้สิทธิอัพเกรดห้องพักในวันธรรมดาโดยไม่ต้องอ้อนวอน และเรื่องสำคัญคือ บรรยากาศปลอดผู้คน ไม่ต้องต่อคิว ไม่แย่งกันเซลฟี่ ซึ่งถือเป็นอภิสิทธิ์ของคนเที่ยววันธรรมดา
บางปะอินมีหลายเส้นทางทั้งพระราชวัง วัดไทยดีไซน์โกธิก และโฮมสเตย์เกาะเกิด หลากรสทั้งประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ศาสนา และวิถีชีวิต บนพื้นที่ 229.1 ตร.กม. แผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา และยังมีความสำคัญเรื่อยมาจนถึงรัตนโกสินทร์
ชมวัง ยลวัด
อย่างแรกที่รู้สึกคือ โชคดีเหลือเกินที่เกิดยุคนี้ ยุคที่พระราชวังเปิดให้คนทั่วไปชมความงามและศึกษาสถาปัตยกรรมเคียงคู่ประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด
พระราชวังบางปะอินสร้างโดยพระเจ้าปราสาททองสมัยกรุงศรีอยุธยา ผ่านยุคที่ทรุดโทรมหลังเสียกรุงปี 2310 จนเข้าสู่ยุคฟื้นฟูต้นรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่ง เรือนแถวฝ่ายใน และพลับพลาริมน้ำขึ้นใหม่ จากนั้นสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างมากมาย กระทั่งปัจจุบันก็ยังคงใช้เป็นที่ประทับและที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะเป็นครั้งคราว
พระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) โดยเลือกได้ว่าจะเดินชมหรือเช่ารถกอล์ฟ แผนที่ระบุไว้ทั้งหมด 39 จุด ถ้าตัดอาคารบริการนักท่องเที่ยวออกไปจะเหลือ 32 จุดในเขตพระราชฐานชั้นนอกและชั้นใน
จุดแรกควรไปสักการะพระเจ้าปราสาททองตามธรรมเนียมไปลามาไหว้ที่หอเหมมณเฑียรเทวราช เป็นปรางค์ศิลาแบบขอมสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่ออุทิศถวายแด่พระเจ้าปราสาททอง ถัดออกไปคือ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ สร้างแบบปราสาทจตุรมุขโดยได้จำลองมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวังสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 และเป็นแลนด์มาร์คของพระราชวังบางปะอิน
ริมสระน้ำจะมีอาคารแบบตะวันตกสองแห่ง ฟากหนึ่งคือพระที่นั่งวโรภาษพิมาน เป็นพระที่นั่งชั้นเดียวสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ใช้เป็นที่ประทับและเสด็จออกว่าราชการภายในห้องโถง ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปและผู้หญิงทุกคนต้องใส่กระโปรงสุภาพหรือนุ่งผ้าถุงที่เตรียมไว้ให้ก่อนเข้าชม ส่วนอีกฟากเรียกว่า ประตูเทวราชครรไล เป็นประตูทางเข้าสู่พระราชฐานชั้นใน ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง
จากนั้นเดินทอดน่องเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นในจะพบกับพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เรือนไม้สองชั้นแบบชาเลต์สวิตเซอร์แลนด์ที่รัชกาลที่ 5 โปรดปรานมากที่สุด ภายในตกแต่งแบบยุโรปด้วยเครื่องเรือนแบบฝรั่งเศสสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 แต่น่าเสียดายเคยเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้จนหมดสิ้น กระทั่งปี 2537 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ตามแบบฉบับเดิม นอกจากนี้ยังมีหอวิฑูรทัศนาและพระที่นั่งเวหาศจำรูญในรูปแบบของศิลปะจีนอยู่ล้อมสระน้ำ และหมู่พระตำหนักฝ่ายในสไตล์แบบตะวันตกตั้งเรียงรายอยู่ในสวน
นอกจากส่วนต่างๆ ในพระราชวัง แผนที่นับเบอร์ 29 ยังระบุ กระเช้าข้ามวัดนิเวศธรรมประวัติ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้นั่งกระเช้าไปไหว้พระฝั่งตรงข้ามซึ่งขนานไปกับพระราชวังบางปะอินพอดิบพอดี
วัดนิเวศธรรมประวัติถูกกล่าวถึงด้านสถาปัตยกรรมแบบโกธิกเลียบแบบโบสถ์คริสต์ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน
พระอุโบสถมีโดมหอคอยปลายแหลมคล้ายวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตก ภายในโดมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้านหน้าประดับปูนปั้นตราแผ่นดิน และประดับกระจกสีสเตนกลาสเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 ส่วนด้านในประดิษฐานพระพุทธนฤมลธรรโมภาสเป็นพระประธาน เมื่อดูจากภายนอกจะไม่ทราบเลยว่าเป็นวัดซึ่งมีที่เดียวในประเทศไทยมาตั้งแต่ยุคกลางรัตนโกสินทร์
นอนโฮมสเตย์
ชุมชน ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิน กลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวโอท็อปวิลเลจเมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยการผลักดันของอดีตผู้ใหญ่บ้าน แม่ลำพูน พรรณไวย ที่ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมานาน 20 ปีจนเกษียณอายุ วันนี้แม่ลำพูนยังเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องโฮมสเตย์ในชุมชนอยู่ มีจำนวน 10 หลัง พร้อมกิจกรรมแน่นเอี๊ยด “เข้าบ้านไหนก็มีเรื่องให้ทำ” แม่ลำพูนกล่าว “แต่ละบ้านจะมีอาชีพ ทำนา ทำเกษตร ประมงจับปลา ตกกุ้ง เลี้ยงกบ เป็ด ห่าน ทำขนมไทยทุกชนิด ขนมกง หม้อแกงปิ้งโบราณ สามเกลอ ข้าวเม่าทอด และขนมต้มนี่ของเด็ดประจำตำบลเลย”
ส่วนบ้านแม่ลำพูนทำยาเม็ดลูกกลอนสมุนไพร พูดโฆษณาใหญ่ว่าทำจากสมุนไพรแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมยังให้ดูแม่เป็นตัวอย่าง แกว่า “แม่อายุ 66 แล้วยังแข็งแรงเหมือนสาว 26” เล่นทำคนฟังหัวเราะร่วนแต่ก็ต้องยอมเห็นด้วยทุกประการเพราะดูมุมไหนก็ไม่เหมือนยายแก่เลยจริงๆ
แม่ลำพูนอธิบายต่อว่า นักท่องเที่ยวมี 2 ประเภท หนึ่ง เป็นพวกมาบ่ายเย็นกลับ คือมาดูวิถีชีวิตชาวเกาะเกิดตามบ้านต่างๆ โดยมีรถรางให้บริการ อุดหนุนสินค้าโอท็อป อาจแวะกินข้าวบ้านแม่ลำพูน จากนั้นก็เดินทางกลับ และอีกกลุ่ม เป็นพวกมาเที่ยงเย็นหลับ คือตั้งใจมานอนโฮมสเตย์ กินที่บ้าน เที่ยวที่บ้าน หรือจะให้เจ้าของบ้านเป็นไกด์พาเที่ยวก็ได้
“บนเกาะเกิดมีสวนเกษตรสองพันกว่าไร่” แม่ลำพูนเล่า “ถ้าอยากไปเที่ยวพระราชวังบางปะอินก็นั่งเรือไปได้เลย ไม่ต้องไปต่อรถ แล้วเที่ยวเสร็จก็กลับมาไหว้พระที่วัดเชิงท่ากับวัดพยาญาติได้วันเดียว” ชาวเกาะเกิดมักไปสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยอยุธยาที่วัดเชิงท่า และชมต้นตะเคียนรัดต้นโพธิ์ขนาดใหญ่เกือบ 7 คนโอบ จากนั้นเหมือนเป็นธรรมเนียมว่าต้องไปสักการะ
หลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์อายุมากกว่า 300 ปีที่วัดพยาญาติ ที่อยู่ใกล้กัน
2 วัน 1 คืนริมแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้ทำอะไรมาก ไม่มีโน้ตบุ๊ก ไม่เช็กอีเมล ได้แต่อัพรูปขึ้นเฟซบุ๊กถี่ๆ ให้คนที่ออฟฟิศอิจฉา และ 2 วัน 1 คืนยังทำให้เข้าใจว่า “บางปะอินมีมนตร์ขลัง” ได้อย่างไร มันน่าจะเกิดขึ้นตอนที่สายลมพัดเข้าหน้าผ่านพวงผมแล้ววนอยู่ข้างหู ตอนนั้นรู้สึกได้ว่าบางปะอินกำลังร่ายมนตร์อย่างมีศิลปะแบบไม่ยัดเยียด ไม่บังคับขืนใจ แต่ค่อยๆ ให้เข้าใจและดื่มด่ำด้วยตัวเอง และเหมือนกับว่ามนตร์กำลังออกฤทธิ์ เพราะใจมันอยากไปใช้ชีวิตที่บางปะอิน...ตอนนี้เลย!


