เที่ยวป่าหน้าฝน ตะลุยทุ่ง ‘หม้อข้าวฯ’ นับแสนบนยอดเขานอจู้จี้
เมื่อลำแสงยามอรุณรุ่ง สาดแสงแรกลงสู่ผืนป่าเขาประ-บางคราม ไม่ช้าละอองหมอกบนยอดเขาก็เริ่มจับตัวเป็นกลุ่มก้อน
โดย...กิตติกร กิตติวงศ์พาณิช ภาพ... สุธิพัฒน์ ประภากรสกุล
เมื่อลำแสงยามอรุณรุ่ง สาดแสงแรกลงสู่ผืนป่าเขาประ-บางคราม ไม่ช้าละอองหมอกบนยอดเขาก็เริ่มจับตัวเป็นกลุ่มก้อน มวลความเย็นของทะเลหมอกก็เคลื่อนปกคลุม “ยอดเขานอจู้จี้” อย่างช้าๆ ทำให้เราสัมผัสและเข้าถึงบรรยากาศยามเช้าเคียงคู่ความงามของ “ทุ่งหม้อข้าวหม้อแกงลิง” นับแสนต้นที่ยึดอาศัยพื้นโล่งบนยอดเขาของที่นี่ คล้ายดั่งธรรมชาติบรรจงออกแบบทิ้งไว้ ได้อย่างลงตัว
“ยอดเขานอจู้จี้” เป็นยอดเขาสูงประมาณ 600 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีพื้นที่ราบบนยอดไม่ถึงครึ่งไร่ เกือบรอบด้านของยอดเขาเป็นหน้าผาสูงชัน ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม มีพื้นที่ 97,700 ไร่ ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ อ.คลองท่อม อ.บางขัน จ.กระบี่ และ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศที่ความชุ่มชื้นในดินค่อนข้างสูง เพราะผืนป่าทางภาคใต้ส่วนใหญ่มีฝนสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ทำให้ผืนป่าที่นี่มีลักษณะเป็นป่าดิบชื้นที่เต็มไปด้วยไม้นานาพรรณ ขณะที่บนยอดเขานอจู้จี้เป็นป่าดิบเขา
การเดินป่าขึ้นยังยอดเขานอจู้จี้ ไม่ลำบากมากนัก ต้องเดินเท้าขึ้นไปร่วม 5 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร จากหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำตกร้อยชั้นพันวัง ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ถือเป็นจุดเริ่มของการเดินป่ารอบนี้ ข้อดีของการเดินป่าที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่น เพราะแม้ช่วงจะเข้าสู่ฤดูฝนแต่ป่าเขานอจู้จี้กลับไร้เงาของทากดูดเลือด มากวนแข้งขาของนักเดินป่าแม้แต่น้อย ครั้นพอตัดปัญหากวนใจเหล่านี้ได้ ที่เหลือคือการเตรียมฟิตร่างกายและจิตใจให้พร้อมกับการตะลุยป่าหน้าฝนที่มีปลายทางคือ ทุ่งหม้อข้าวหม้อแกงลิง บนยอดเขานอจู้จี้ ร่วมกัน
แม้จุดหมายจะอยู่ไกลถึง “ยอดเขานอจู้จี้” แต่ธรรมชาติตลอดสองฝั่งของการเดินเท้ากลับแลดูเพลิดเพลินไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเป้าหมายแม้แต่น้อย เริ่มจากธารน้ำตกร้อยชั้นพันวังซึ่งเป็นน้ำตกหินปูน มีแอ่งเล็กแอ่งน้อยสายธารใสเป็นสีมรกต แตกแขนงเป็นชั้นเล็กๆ แทรกตัวอยู่ท่ามกลางป่าเขา ความสวยงามตามธรรมชาติที่ตาเห็นนี้กลายเป็นมนต์เสน่ห์ชวนให้เหล่านักเดินป่าหลงใหลในสิ่งรอบตัว จนบางช่วงอาจเผลอหลงลืมความเหนื่อยล้าของการเดินเท้าติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยสิ้น อีกทั้งพืชพรรณซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้ในวงศ์ยาง-ตะเคียน ทำให้เราได้เรียนรู้วงจรของการพึ่งพาอาศัยเพื่อความอยู่รอดของเหล่าพืชตามธรรมชาติ ที่มักแซมด้วยไม้ขนาดกลาง และเล็กที่อยู่รอดได้แม้จะอาศัยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ อย่างพืชตระกูลปาล์ม หวาย ไผ่ หรือเถาวัลย์หลากชนิด รวมถึงวงจรของพืชอิงอาศัยที่เกาะเกี่ยวตามลำต้น และกิ่งไม้อย่างเฟิร์น และมอสด้วย ไม่เพียงเฉพาะพันธุ์ไม้ของภูมิประเทศป่าดิบชื้นที่ชวนให้เราได้ค้นคว้าศึกษาเท่านั้น เรายังเห็นร่องรอยของสัตว์ป่าต่างๆ ทั้งหมูป่า เห่าช้าง (สัตว์เลื้อยคลานในวงศ์เหี้ย) กระรอก และนกนานาชนิด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
การเดินเท้าเราต้องลัดเลาะไปตามริมลำธาร และตัดขึ้นไหล่เขา ค่อยๆ ไต่ระดับให้สูงเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขานอ แม้จะใช้เวลาเดินเท้าราว 5 ชั่วโมง แต่ถือเป็นการเดินป่าที่ครบเครื่องทั้งการเดินเท้าบนที่ราบ เดินไต่เขาตลอดจนการปีนป่ายตามหน้าผาก่อนขึ้นสู่ยอดสูงสุดของเขานอจู้จี้ งานนี้เล่นเอาแรงย่างก้าวของเท้า และสองมือที่ต้องช่วยเกาะเกี่ยวกิ่งไม้เพื่อพยุงร่างขณะไต่ขึ้นเขาชัน ค่อยๆ แผ่วไปตามระยะทางที่เพิ่มมากขึ้น แต่พอยิ่งใกล้ถึงจุดหมายมากเท่าไรร่างกายยิ่งสัมผัสได้ถึงลมเย็นลอยเข้ามาปะทะผิวกาย ความเหนื่อยล้าก็ค่อยๆ เริ่มจางหาย ยิ่งได้แลเห็นภาพเบื้องหน้าปรากฏดั่งสรวงสวรรค์ที่ธรรมชาติบรรจงรังสรรค์ขึ้น ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตั้งแต่เช้าก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะภาพที่เห็น คือ ทุ่งหม้อข้าวหม้อแกงลิงนับแสนแทรกตัวอวดโฉมชูช่อถุงน้ำทุกอณูของผืนป่าเสม็ดแดงซึ่งเป็นพันธุ์ไม้อยู่ในสังคมป่าดิบเขา หม้อข้าวหม้อแกงลิงแต่ละต้นแข่งขันออกใบหม้อข้าวเปิดรับแมลงตัวน้อยที่พลัดหลง ก่อนกลายสภาพเป็นมื้ออาหารตามวัฏจักรห่วงโซ่เพื่อความอยู่รอด โดยมีหมู่มวลเมฆ และทิวเขาและเกาะแก่งหลายสิบลูกทั้งฝั่ง จ.กระบี่ และ จ.ตรัง ทอดยาวโอบล้อมเพื่อเป็นภาพพื้นหลังอันสวยงามและกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาแก่ยอดเขานอจู้จี้
“หม้อข้าวหม้อแกงลิง” เป็นไม้เลื้อยเกือบทุกชนิดเป็นพืชอนุรักษ์ในอนุสัญญาไซเตส (CITES ย่อมาจาก Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) หมายถึงอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันพืชชนิดนี้มีแนวโน้มอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เพราะถูกรุกรานจากมนุษย์ เนื่องจากได้รับความสนใจในตลาดไม้ประดับทำให้มีการลักลอบเก็บไปจากธรรมชาติ แต่ปัจจุบันด้วยศักยภาพความเป็นพืชเศรษฐกิจ มีการเพาะปลูกคัดเลือกสายพันธุ์เพื่อการจำหน่ายให้เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยไม่จำเป็นต้องรบกวนจากธรรมชาติอีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่พวกเราทำได้ คือ การชื่นชมความงามในทุกห้วงเวลา โดยเฉพาะยามเช้าที่แสงพระอาทิตย์ลอดผ่านกำแพงทะเลหมอกปลุกผืนป่าจากการหลับใหล เฉกเช่นทุ่งหม้อข้าวเตรียมชูใบล่อเหยื่อในยามรุ่งอรุณ พร้อมเสิร์ฟแมลงเป็นอาหารมื้อเช้า พวกเราไม่รอช้ารีบเร่งบันทึกเป็นภาพเก็บไว้เป็นเรื่องราวบอกเล่า จากนั้นก็ปล่อยให้ธรรมชาติเป็นไปตามสมดุล ให้พวกมันชูช่ออวดโฉมหม้อข้าวรอคอยนักเดินทางคนต่อๆ ไป
ไม่เพียงทุ่งหม้อข้าวหม้อแกงลิง จะเป็นไฮไลต์ของยอดเขานอจู้จี้แล้ว ทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่ สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ สามารถมองเห็นเกาะแก่งต่างๆ ของ จ.กระบี่และ จ.ตรัง เช่น เกาะกระดาน เกาะแหวน เกาะเชือก เกาะม้า เกาะรอก เกาะไห หมู่เกาะลันตา เกาะพีพี เกาะปอดะ และเกาะห้อง
ที่สำคัญป่าเขานอจู้จี้ ยังเป็นแหล่งดูนกที่มีชื่อเสียงติดอันดับของโลก มีนกหลากชนิดไม่ต่ำกว่า 307 ชนิด ไม่ว่านักดูนกคนไทยหรือชาวต่างประเทศ ต่างเป็นต้องหาโอกาสเดินทางมาดูนกที่นี่ให้ได้สักครั้งในชีวิต เพื่อหวังยลโฉม นกแซงแซวสวรรค์ นกพญาปากกว้างท้องแดง นกจับแมลงจุกดำ ที่สำคัญ “นกแต้วแล้วท้องดำ” นกเฉพาะถิ่นที่พบที่นี่ที่เดียวในโลก ถือเป็นนกสงวนใกล้สูญพันธุ์ในพื้นที่ราบต่ำเขานอจู้จี้ เหลืออยู่ในป่าธรรมชาติเพียงไม่กี่คู่ ทำให้มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่งที่นกชนิดนี้จะสูญพันธุ์ไปจากโลก จึงถูกจัดเป็นนกชนิดที่หายากชนิดหนึ่งใน 12 ชนิด หายากของโลก และนกชนิดนี้ยังเป็นสัตว์ป่าสงวนของไทย 1 ใน 15 ชนิด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2535 อีกด้วย
ปิดท้ายด้วยเคล็ดลับสำหรับเดินป่าที่เขานอจู้จี้ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ต้องขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากพวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าน้ำตกร้อยชั้นพันวัง และพี่สุนันท์ คิดรอบ นักถ่ายภาพนกตัวยงของ จ.ตรัง ทำให้เรารู้ว่านอกจากจะต้องศึกษาพื้นฐานของความเป็นป่าดิบชื้น ผสมป่าดิบเขาของที่นี่ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นไม่ต่างกับการเดินป่าในทุกๆ ที่แล้ว ป่าแห่งนี้ต้องทำความเข้าใจอีกสักนิดด้วยว่าแม้พื้นที่จะติดกับน้ำตกร้อยชั้นพันวัง แต่ระหว่างทางเดินป่ากลับไม่มีธารน้ำสายแม้แต่สายเดียว ดังนั้นนักเดินป่าจำต้องเตรียมอุปกรณ์แคมปิ้ง และปริมาณน้ำให้เพียงพอต่อนักเดินทางทั้งหมด
แม้จะเป็นความยากลำบากเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่มั่นใจเกินร้อยเลยว่า ทริปนี้จะเป็นทริปเดินป่าระยะสั้นที่ถูกใจ และถูกขานักเดินป่าป้ายแดง หรือแม้แต่มือฉมังมิใช่น้อย ด้วยความหลากหลายของผืนป่าทั้งพืชนานาพรรณ สัตว์เล็กน้อยใหญ่นานาชนิด ประกอบกับความงามของทิวทัศน์รอบตัวแบบ 360 องศา บนยอดเขา เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นความสุขล้นแสนจะเพลิดเพลินเกินคำบรรยายแก่เหล่านักเดินป่า และนักดูนกเป็นแน่แท้ แถมสิ่งที่ได้ติดไม้ติดมือมาด้วย คือ ความสุขที่ถูกเติมเต็มด้วยธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมากเป็นภาพสวยๆ ให้เราได้เห็น โดยไม่มีคำพูด หรือความจำเป็นต้องหยิบฉวยสิ่งใดออกจากธรรมชาติและผืนป่าแห่งนี้
หมายเหตุ : สอบถามรายละเอียดการเที่ยวชมน้ำตกร้อยชั้นพันวัง และการเดินป่ายอดเขานอจู้จี้ได้ที่ หน่วยพิทักษ์ป่าน้ำตกร้อยชั้นพันวัง ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง


