ภาณุพันธุ์ ธนาเศรษฐ์สกุล ‘ผมมีหน้าที่ทำให้ผู้หญิงเจิดจรัส’
เทรนด์เครื่องประดับในปีนี้ งานออกแบบต้องมีกิมมิกหรือลูกเล่นแปลกตาไปจากเดิม
โดย...ปอย
เทรนด์เครื่องประดับในปีนี้ งานออกแบบต้องมีกิมมิกหรือลูกเล่นแปลกตาไปจากเดิม ต่างหูเพชรห้อยระย้าอาจไม่ใช่เครื่องประดับชิ้นเอก Must have item ของผู้หญิงยุคใหม่ไปเสียแล้ว ทั้งด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย หรือไม่ควรลงทุนซื้อของชิ้นใหญ่ๆ ในยุคเศรษฐกิจกำลังซึมๆ แต่ด้วยมุมมองของเอ็มดีหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ภาณุพันธุ์ ธนาเศรษฐ์สกุล กลับได้เห็นช่องทางก่อตั้งเครื่องประดับแบรนด์ พรีเว่ (PRIVE) ขึ้นมาเป็นน้องใหม่ได้อย่างน่าจับตา สามารถสร้างเทรนด์เซ็ตเตอร์ได้ชัดเจนในวงการ กลายเป็นแบรนด์เครื่องประดับซึ่งเป็นที่รู้จักได้ในเวลาเพียงสองปีเท่านั้น
ไอเท็มชิ้นเด็ด “ต่างหู Seven Star” ได้รับคำชมอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา เมื่อได้ไปส่องแสงโชว์ประกายเจิดจรัสพร้อมกับสาวงามตัวแทนจากประเทศไทย แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2015 เลือกใส่ต่างหู และเครื่องประดับแบรนด์นี้อีกหลายๆ ชิ้น เช่น แหวนคลัตช์มือส่องประกายสะดุดตาเพื่อนๆ นางงามด้วยกัน จนอดไม่ได้ต้องเข้ามาเอ่ยปากชมแอกเซสซอรี่ชิ้นนี้ที่เปล่งประกายโชว์รสนิยมเก๋ไก๋ แนท อนิพรณ์ เลือกใส่เครื่องประดับดีไซน์ชิ้นแปลกตาโชว์เอกลักษณ์แบรนด์ไทยแท้ ในช่วงเดินทางไปประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สที่สหรัฐ
ภาณุพันธุ์ รับหน้าที่ผู้บริหารแบรนด์ กล่าวถึงเครื่องประดับน้องใหม่ซึ่งกำลังมาแรง และได้รับการกล่าวขวัญถึงในวงการแฟชั่น โดยเขาเป็นผู้ควบคุมการดีไซน์เครื่องประดับอย่างพิถีพิถันทุกๆ ชิ้น จากการเลือกใช้วัสดุ Sparkle Stone ที่มีประกายส่องระยิบระยับจับทุกสายตา แล้วเมื่อเปรียบเทียบราคากับเพชรแท้ ก็สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ “พรีเว่” สร้างสรรค์เครื่องประดับได้คุ้มค่าและตอบโจทย์งานดีไซน์ในแบบยูนีก กลายเป็นของคู่กายแฟชั่นนิสต้าหลายๆ คนไปแล้ว
ผู้หญิงเจิดจรัสได้ในทุกๆ วัน
การทำงานอยู่ในธุรกิจเครื่องประดับนับเป็นดีเอ็นเอส่งต่อรุ่นสู่รุ่น ภาณุพันธุ์ นักธุรกิจหนุ่มรุ่นสองของตระกูลค้าขายเครื่องประดับอัญมณีย่านจักรวรรดิ เติบโตมาพร้อมกับธุรกิจร้านค้าเพชรแท้เก่าแก่รุ่นคุณแม่ เมื่อส่งไม้ต่อมาถึงรุ่นลูกชาย ซึ่งได้เรียนรู้ทุกๆ ขั้นตอนของธุรกิจมีราคา เน้นความประณีตตั้งแต่หลักการดีไซน์ การเลือกใช้วัสดุล้ำค่า ไปจนถึงรู้วิธีการสไตลิ่งให้รองรับลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ เรียกว่า Learning by Observing คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้อย่างรู้จริง
ภาณุพันธุ์ ยึดแนวคิดของเขาที่เชื่อมั่นว่า “...เครื่องประดับจะสวยได้ คุณต้องนำมาสวมใส่” ต่อยอดออกมาในสโลแกน Made to Sparkle you Everyday นำมาใช้ในการตีโจทย์สานธุรกิจก้าวต่อไปของครอบครัว
“สำหรับคนไทยวันนี้ก็ยังนิยมลงทุนซื้อเพชร แต่ซื้อไว้เก็บในเซฟนะครับ เมื่อถึงโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตจึงจะหยิบมาใช้ เรียกว่านานๆ สักครั้งหนึ่ง จึงได้สวมสร้อยหรือแหวนเพชรกันปีละไม่กี่ครั้ง แล้วบางครอบครัวเมื่อหยิบแหวนมรดกมาใช้ก็กลายเป็นว่า Out of date ดีไซน์ตกยุคไปเสียแล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดที่สุดเลยครับ คือเพื่อนๆ รุ่นเดียวกับผมกำลังจะแต่งงาน ก็เดินเข้ามาหาขอคำปรึกษาขอให้เปลี่ยนแบบแหวนเพชร 5 กะรัตของคุณแม่ที่เก็บไว้ให้ใช้ในวันมงคล แต่กลับกลายเป็นว่าดูๆ ไปแล้วเชย ไม่ค่อยเข้ากับชุดแต่งงานดีไซน์สมัยใหม่
พอเจอปัญหานี้บ่อยๆ ครั้ง ผมจึงนำมาใช้ตีโจทย์ใหม่ โดยยึดงานฝีมือประณีตแบบดั้งเดิมเน้นการเจียระไนเครื่องประดับในแบบเพชรแท้ 58 เหลี่ยม ซึ่งให้ความสวยคลาสสิก นำมาผสมผสานกับดีไซน์ในแบบโมเดิร์น แล้วเลือกใช้วัสดุที่สามารถแทนที่มูลค่าเพชรทำให้ราคาลดลง คือ Sparkle Stone ที่มีความแวววาวสีขาวเปล่งประกายเล่นแสงไฟระยิบระยับได้ไม่แพ้เพชรแท้
ดีไซน์มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องประดับเป็นอย่างมากเลยครับ และที่สำคัญแหวนสวยงาม หรูหราสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัยก็ควรหยิบมาสวมใส่ได้ในทุกๆ โอกาส ผู้หญิงรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ต้องออกงานสังคม ออกไปเลี้ยงรับรองกินข้าวกับลูกค้าระดับผู้บริหาร ผู้หญิงทุกคนก็ต้องมีเครื่องประดับติดตัวเสริมสร้างความโดดเด่นสวมใส่ได้ทุกๆ วัน เทรนด์เครื่องประดับเริ่มมีฟังก์ชั่น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานได้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ผมอยู่ในวงการเครื่องประดับมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่ กล้าพูดเลยครับว่าสำหรับคนที่ใส่เครื่องประดับทุกๆ วัน ก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่อาจทำแหวนเพชรแท้ 3 กะรัตติดนิ้ว หรือต่างหูเพชรคู่โปรดหายไป (ว่าแล้วหัวเราะ) มีลูกค้าหน้าเศร้ามาหาบ่อยๆ ครับ แล้วทำอย่างไรดีล่ะ เพราะไปเที่ยวทะเลตากอากาศก็อยากใส่แหวนสวยๆ ใส่ต่างหูเม็ด 2 กะรัต ที่เคยใส่ติดนิ้วติดตัวทุกๆ วันไปด้วย แต่จะให้ใส่เครื่องประดับ 2-3 ล้านบาทไป ก็น่ากลัวนะ ไม่สบายใจอีก แนวคิด Sparkle you Everyday จึงมารองรับไลฟ์สไตล์ตรงนี้ด้วยครับ จิวเวลรี่ชิ้นเดียวก็ควรหยิบมาใช้ได้บ่อยๆ และเปลี่ยนวันธรรมดาๆ ให้กลายเป็นวันสุดพิเศษได้ในทุกๆ โอกาส
เช่น ตั้งแต่เช้าสาวๆ ใส่ต่างหูดีไซน์เรียบหรูไปทำงานให้ความรู้สึกเชื่อมั่นเปล่งประกาย Sparkle at work ต่อด้วยช่วงค่ำ Sparkle at night ไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ต่างหูคู่เดิม แต่แค่เพิ่มกิมมิกเสียบแกนเพิ่มอีก 6 เม็ด กลายเป็นต่างหูเซเว่นสตาร์ 7 เม็ด ก็ช่วยเสริมให้คุณโดดเด่นสะดุดตาขึ้นได้เลยครับ หรือในวันหยุดพักผ่อนก็ทำให้คุณสดใส Sparkle at vacation ผมเน้นงานสร้างสรรค์เครื่องประดับที่ทำให้ผู้หญิงดูดีขึ้นได้ ในทุกเวลา และทุกโอกาส ต่างหูคู่เดียวกันนี้ สาวๆ ก็ยังหยิบมาใส่ได้เก๋ไก๋” ภาณุพันธุ์ กล่าวถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์เครื่องประดับเน้นงานดีไซน์ได้ใจผู้หญิงรักสวยรักงาม
แสงเปล่งประกาย คือ Inspiration
ตั้งแต่รุ่นคุณแม่ปลูกฝังให้สืบทอดหลักในการทำธุรกิจ ของราคาสูงความจริงใจก็ต้องสูงตามไปด้วย ภาณุพันธุ์ ย้ำว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุด เพชรเสมือนเพื่อนแท้ของหญิงสาวทุกคน แต่สำหรับมุมมอง In the Eyes of Man ผู้ชายที่คลุกคลีกับธุรกิจของสวยของงามมีคุณค่า ก็อยากให้ผู้หญิงมองเครื่องประดับในอีกมุมหนึ่งว่า “ใส่เพื่อสวย ไม่ใช่ใส่เพื่ออวดฐานะ” เพราะหน้าที่แท้จริงของเครื่องประดับ คือ ช่วยคอมพลีตลุคสวยสมบูรณ์แบบขึ้น
และหลักการสวมใส่เครื่องประดับเพียงแค่หนึ่งชิ้น ก็ต้องสามารถดึงดูดสายตาของทุกคนให้หันมามองได้ในเสี้ยววินาที
“เครื่องประดับจะเปลี่ยนมุมมองของคนรอบข้าง ให้เห็นถึงความตั้งใจ ความใส่ใจในรายละเอียด และความรู้สึกน่าประทับใจในรสนิยมการแต่งตัวได้เลยนะครับ เป็นที่มาของการดีไซน์คลัตช์มือ คุณแนท อนิพรณ์ สวมใส่ได้สวยโดดเด่นมาก คลัตช์มือชิ้นนี้ผมเป็นเฮดดีไซเนอร์ของแบรนด์พรีเว่ ตอนสร้างแบรนด์เมื่อสองปีที่แล้ว ทีมของเราก็ระดมสมองช่วยกันครีเอทเครื่องประดับ ซึ่งไม่มีเทรนด์ให้วิ่งตามแบบเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไปทุกๆ ปี แต่เครื่องประดับเน้นความคลาสสิก ถ้าทำออกมาได้สวยมีเอกลักษณ์ ของชิ้นนั้นก็สามารถอยู่ได้นานเป็นอมตะเลยครับ
“เพชรเม็ดเหลี่ยมเจียระไนในแบบแฟนซีคัตติ้ง คือเทรนด์เครื่องประดับสไตล์โมเดิร์น ทีมดีไซเนอร์ก็ต้องนำมาคิดไล่เลียงทีละเม็ดๆ ขึ้นมาเป็นต่างหูแบบใหม่ Sparkle Fancy Earrings Collection ต่างหูเซเว่นสตาร์ 7 เม็ด ในรูปทรงเก๋ใส่ติดหูก็มาจากเทรนด์นี้ ใส่แค่ชิ้นเดียวก็สวยเป๊ะได้ทุกโอกาส ผมเชื่อมั่นว่าต่างหูคู่นี้อยู่ได้อีกนานนับสิบปี วันนี้รูปแบบการเลือกใช้เครื่องประดับที่เป็นคอสตูมลักซ์ชัวรี่จิวเวลรี่ กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เลยครับ เพราะใช้สบายๆ ไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องการสูญหายอีกด้วย”
นอกเหนือจากการให้ความสำคัญในดีไซน์ของเครื่องประดับแล้ว ภาณุพันธุ์ กล่าวว่าให้ความสำคัญกับการสไตลิ่ง หรือการมิกซ์แอนด์แมตช์เครื่องประดับ ก็คือ หลักในการทำธุรกิจให้เติบโตได้เช่นกัน
“ผมใช้เซนส์ของผู้ชาย ช่วยสาวๆ เลือกเครื่องประดับในร้านด้วยความรู้สึกอาจจะแตกต่างจากการเลือกของผู้หญิง โดยผมใช้หลักความจริงใจ และให้มุมมองที่อยากจะให้ผู้หญิงสวยสะดุดตาแตกต่างออกไปจากบุคลิกเดิมๆ ของเธอ อย่างเช่น แหวนติดนิ้วสัก 1 วง ส่วนใหญ่เลยนะครับผู้หญิงมองเพชรเม็ดเดี่ยวก่อนเลย หรือเลือกดีไซน์ดอกไม้หวานๆ แต่สำหรับคนรักของผม เธอก็ให้ผมเลือกแหวนให้ใส่ในชีวิตประจำวัน 1 วงนะครับ (บอกพร้อมหัวเราะเขิน) ผมเลือกแหวนทรงอานม้า Baguette Curve ใส่ติดนิ้วได้ทุกๆ วัน ใส่ไปได้ในทุกๆ โอกาสอีกด้วย ดูหรู ดูเท่ ดูเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความแกร่งน่าค้นหา
เครื่องประดับใส่ไม่เกินสามชิ้นก็เพียงพอแล้วครับ ไม่ว่าคุณจะไปทำงานก็ใส่ต่างหู แหวน หรือสร้อยข้อมือ แต่ถ้าคุณใส่นาฬิกาก็จบพอแล้ว สวยแล้ว หรือชุดราตรีก็ใส่เพียงสามชิ้นเช่นกัน ต่างหู สร้อย แหวน ไม่ควรเกินไปจากนี้เลย แล้วก็เป็นไปไม่ได้ด้วยว่าคุณจะเดินเข้างานสำคัญๆ แล้วลำคอคุณโล่ง ใบหูดูโล่ง นิ้วหรือข้อมือดูโล่ง
หลายคนอาจมองเครื่องประดับเป็นของฟุ่มเฟือย แต่ถ้าคิดกลับกันอีกมุมมองนะครับ ว่าเครื่องประดับทุกชิ้นมีคุณค่าในตัวเอง แหวน 1 วงมีคุณค่าทางจิตใจได้อย่างมากมาย แล้วยังสร้างความทรงจำให้คุณเปล่งประกายในทุกๆ ครั้งที่สวมใส่อีกด้วย” ภาณุพันธุ์ บอกรสนิยมและธุรกิจของเขาที่กำลังก้าวต่อไปอย่างมั่นใจ


