French Perfection
ภาพ เอกศาสตร์ สรรพช่าง
ภาพ เอกศาสตร์ สรรพช่าง
คนฝรั่งเศสนั้นเรื่องมากมาแต่ไหนแต่ไรแม้แต่เรื่องกาแฟ
แม้ว่าจะอยู่ใกล้ๆ กัน แต่คนฝรั่งเศสก็รู้จักกาแฟช้ากว่าคนอิตาลีอยู่หลายปี กาแฟแพร่หลายในฝรั่งเศสเมื่อราวปี 1644 แต่กว่าจะเริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วก็ต้องใช้เวลากว่าทศวรรษ ว่ากันว่ากาแฟถูกแนะนำโดยร้านค้าแถวๆ เมืองท่าอย่าง Marseille โดยพ่อค้าที่เคยค้าขายกับชาวอาหรับและเอเชียกลางที่รู้จักกาแฟดี จากนั้นก็เริ่มแพร่หลายออกไป แต่กว่ามันจะไปถึงปารีสก็ใช้เวลาอีกนานอยู่ มีหลักฐานว่าคนปารีสเริ่มรู้จักกาแฟราวปี 1699 ตอนที่เริ่มมีสถานทูตตุรกีไปตั้งอยู่ และทูตตุรกีได้นำกาแฟของพวกเขาไปถวายแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีการบรรยายไว้ด้วยว่า ตอนนั้นกาแฟถูกเสิร์ฟในแบบของกาแฟมอคค่าในแก้วพอร์ชเลนเนื้อบาง ให้กลิ่นที่หอมจนพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พอพระทัยมาก
แต่ก็ยังมีอีกกระแสหนึ่งที่อ้างว่าการมาถึงของกาแฟในปารีสอาจไม่ใช่เรื่องของตุรกีกับฝรั่งเศส แต่เป็นเรื่องของเยอรมนีกับฝรั่งเศสต่างหาก กาแฟนั้นผ่านมาทางพระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั่น คือ Madame de Sevigne ที่ได้รับอิทธิพลของการดื่มกาแฟมาจากออสเตรีย
ประวัติศาสตร์น่ะครับ ก็แล้วแต่ว่าใครจะตีความกันไป อย่างไรก็ตามไอ้ความเรื่องมากคนฝรั่งเศส ก็ทำให้กว่าที่มันจะเป็นที่นิยมในวงกว้างจริงๆ ก็ใช้เวลานานมาก เพราะมีการถกเถียงกันเรื่องว่ากาแฟนั้น “เหมาะสำหรับคนจริงๆ หรือ” โดยเฉพาะพวกหมอที่เชื่อว่ากาแฟนั่นอาจเป็นพิษกับคน โดยให้ความเห็นว่ามันถูกสร้างมาเพื่อให้สัตว์อย่างแพะหรือแกะกินเท่านั้น การดื่มกาแฟจะทำให้เลือดไหม้ เลือดเดือด (Burn the blood-ก็คิดได้นะ) ทำให้ม้ามไม่แข็งแรงและชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดมันก็เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่คนฝรั่งเศสนิยมดื่ม กัน และรวมไปถึง นโปเลียน โบนาพาร์ด มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงมีวิธีการในการชงกาแฟไม่เหมือนใคร ผู้ที่ถวายชงกาแฟให้กับนโปเลียนได้บันทึกไว้ สรุปได้ความว่าพระองค์ทรงชงกาแฟจากน้ำเย็นก่อน โดยเอาผงกาแฟไปแช่ไว้ในน้ำเย็น จากนั้นก็แยกกากกาแฟออกโดยเครื่องชง ที่มีหลักการทำงานคล้ายๆ กับเครื่องมือ French Press สมัยนี้ จากนั้นนำเอาไปผสมกับเหล่านิดหน่อย แล้วถึงเอาไปต้มอีกครั้ง” นับว่าเป็นวิธีการชงกาแฟที่แปลก ต่อมาในศตวรรษที่ 19 วิธีการดื่มแบบผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เริ่มแพร่หลายในฝรั่งเศส โดยเฉพาะในเบอร์กันดี ซึ่งสามารถทำเครื่องดื่มอย่างคอนญักจากองุ่นได้รสเลิศ ก็ได้มีการนำเอากาแฟไปผสมดื่มเป็นเครื่องดื่มเย็น
ไม่มีใครดื่มกาแฟเย็นในอิตาลี แม้ในวันที่อากาศร้อนจนบ้านแตก ผิดกับฝรั่งเศส ส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากการรับวัฒนธรรมจากประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส
วิธีการชงเย็นแบบนี้แพร่หลายอยู่ในแถบแอลจีเรีย มีชื่อเรียกวิธีการทำเครื่องดื่มที่ดูคล้ายๆ จะเป็นต้นกำเนิดของกาแฟเย็นแบบนี้ว่า “Mazagran”
ความพิเศษอีกประการหนึ่งของการดื่มแบบฝรั่งเศสก็คือ พวกเขามักเสิร์ฟกาแฟร้อนในแก้วปากกว้างเกือบๆ จะเหมือนถ้วยซุป เพราะอะไรน่ะเหรอครับ เพราะคนฝรั่งเศสติดนิสัยการ
ดื่มกาแฟคู่กับขนมปังหรือครัวซองต์ เวลากินพวกเขามักจิ้มและจุ่มขนมปังลงในถ้วยกาแฟ เพื่อให้รสขมของกาแฟซึมซาบเข้ากับเนย นม และยีสต์ที่อยู่ในขนมปัง ฉะนั้นกาแฟดำมักดื่มกันในตอนเช้า ส่วนการดื่มกาแฟใส่นม หรือที่เรียกว่า “Au lait” นั้นมักเป็นการเสิร์ฟหลังอาหารมื้อค่ำ
กว่ากาแฟจะเป็นส่วนหนึ่งของปารีสก็ใช้เวลานานอยู่ครับ หนังสือเล่มแรกๆ ที่มีการเขียนถึงวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในปารีส เขียนไว้ในปี 1777 ของนักเขียนและนักเดินทางชาวอังกฤษ Ann Roe เล่าไว้ว่า “กาแฟกลายเป็นของฮิตมากในฝรั่งเศส โดยเฉพาะในหมู่ผู้ชาย พวกเขามักสุมหัวกันหลังอาหารเย็นแล้วสั่งกาแฟร้อนๆ มันร้อนถึงขนาดที่จะทำให้ท้องคุณพองได้เลยทีเดียว” และในศตวรรษที่ 19 กาแฟได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสจนกระทั่งมีเครื่องชงที่เรารู้จักกันต่อว่า “French Press”
ว่าแต่ทำไมต้องเป็น French Press ล่ะ? สัปดาห์หน้ามาอ่านกันต่อ


