สุริยุปราคาในซารอสที่ 130
วันพุธที่ 9 มี.ค. 2559 จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง ประเทศไทยเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วนในเวลาเช้าถึงสาย
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
วันพุธที่ 9 มี.ค. 2559 จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง ประเทศไทยเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วนในเวลาเช้าถึงสาย ตั้งแต่เวลาประมาณ 6 โมงครึ่งถึง 8 โมงครึ่ง แต่ละจังหวัดเห็นได้ในเวลาที่ต่างกันและปริมาณการเว้าแหว่งของดวงอาทิตย์ก็ไม่เท่ากัน ตามตำแหน่งดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่แตกต่างกันเล็กน้อยเมื่อสังเกตจากแต่ละจังหวัด
สุริยุปราคาเต็มดวงที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้มีเส้นทางคราส ซึ่งเป็นแนวเส้นทางแคบๆ ลากยาวตามการเคลื่อนที่ของเงาดวงจันทร์บนผิวโลก เริ่มจากด้านตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย ผ่านหลายเกาะของอินโดนีเซีย แล้วไปสิ้นสุดในมหาสมุทรแปซิฟิก
ผู้ที่อยู่ในแนวคราสเต็มดวงจะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บังหมดทั้งดวง ท้องฟ้ามืดลงคล้ายเวลาพลบค่ำ เห็นบรรยากาศชั้นนอกของดวงอาทิตย์แผ่ออกไปโดยรอบ ประเทศไทยอยู่นอกเส้นทางคราสเต็มดวง แต่ใกล้พอที่จะเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งเมื่อดูผ่านแผ่นกรองแสงเนื่องจากดวงจันทร์บดบังบางส่วนของดวงอาทิตย์
ซารอส (Saros) เป็นวัฏจักรที่มีระยะเวลา 6,585.32 วัน หรือประมาณ 18 ปี 11 วัน 8 ชั่วโมง เป็นวัฏจักรการเกิดอุปราคา เมื่อเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาขึ้นในวันใด มีความเป็นไปได้ที่เมื่อย้อนไปในอดีต 18 ปีที่แล้ว หรือในอนาคตอีก 18 ปีข้างหน้า เคยเกิดหรือจะเกิดอุปราคาซ้ำขึ้นอีก จำนวนวันดังกล่าวมาจากการพ้องกันระหว่างคาบการโคจรของดวงจันทร์รอบโลกที่อ้างอิงกับตำแหน่งสำคัญซึ่งใช้ในการพยากรณ์อุปราคา 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ตำแหน่งของจุดใกล้โลกที่สุด และตำแหน่งของจุดโหนด ซึ่งทั้งหมดไม่อยู่นิ่ง
เดือนที่อ้างอิงกับดวงอาทิตย์เรียกว่าเดือนจันทรคติ นับจากจันทร์เพ็ญหนึ่งถึงเพ็ญถัดไปหรือจันทร์ดับหนึ่งถึงจันทร์ดับครั้งถัดไป ยาวนานเฉลี่ย 29.530589 วัน เดือนที่อ้างอิงกับจุดใกล้โลกที่สุดเรียกว่าเดือนจุดใกล้ นับจากวันที่ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดครั้งหนึ่งถึงครั้งถัดไป ยาวนานเฉลี่ย 27.55455 วัน
เดือนที่อ้างอิงกับจุดโหนด ซึ่งก็คือจุดตัดระหว่างระนาบวงโคจรของดวงจันทร์กับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ เรียกว่าเดือนราหู (ดาวราหูในโหราศาสตร์ไทยคือจุดนี้) นับจากวันที่ดวงจันทร์ผ่านจุดโหนดครั้งหนึ่งถึงครั้งถัดไป ยาวนานเฉลี่ย 27.21222 วัน
วัฏจักรซารอสยาวนาน 223 เดือนจันทรคติ (223 x 29.530589 = 6,585.32) การคำนวณพบว่ามีค่าเกือบเท่ากับ 239 เดือนจุดใกล้ (239 x 27.55455 = 6,585.54) และเกือบเท่ากับ 242 เดือนราหู (242 x 27.21222 = 6,585.36) ทำให้มีภาวะที่เอื้อให้เกิดอุปราคาซ้ำได้ วัฏจักรซารอสจึงถูกนำมาใช้ในการพยากรณ์ทั้งสุริยุปราคาและจันทรุปราคา
นักดาราศาสตร์แบ่งอุปราคาออกเป็นชุดต่างๆ แต่ละชุดมีจำนวนสุริยุปราคารวมเฉลี่ยราว 80 ครั้ง และมีอายุราว 1,200-1,600 ปี สุริยุปราคาที่อยู่ห่างกันหนึ่งซารอสจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เนื่องจากตำแหน่งและระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ กับระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ที่ใกล้เคียงกัน
สุริยุปราคาวันที่ 9 มี.ค. 2559 เป็นสมาชิกของชุดซารอสที่ 130 ประกอบด้วยสุริยุปราคาทั้งหมด 73 ครั้ง เริ่มจากสุริยุปราคาบางส่วน 21 ครั้ง เต็มดวง 43 ครั้ง และบางส่วน 9 ครั้ง ตามลำดับ สุริยุปราคาครั้งแรกของชุดซารอสนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ส.ค. คริสต์ศักราช 1096 เห็นได้ใกล้ขั้วโลกใต้ ครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันที่ 25 ต.ค. คริสต์ศักราช 2394 เห็นได้ใกล้ขั้วโลกเหนือ
แนวคราสเต็มดวงของสุริยุปราคาในชุดซารอส นี้เคยผ่านบริเวณที่เป็นภาคใต้ของประเทศไทยในปัจจุบันในสมัยอาณาจักรอยุธยาเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2198 (ค.ศ. 1655) และที่น่าสนใจคือจะกลับมาผ่านประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 11 เม.ย. 2613 (ค.ศ. 2070) ซึ่งเป็นสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งถัดไปที่เห็นได้จากประเทศไทย สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ถูกบังมิดในเวลาเช้าได้จากบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จันทบุรี และตราด
ผู้ที่สังเกตสุริยุปราคาในวันที่ 9 มี.ค. 2559 และอยู่ถึงปี 2613 ก็สามารถกล่าวได้ว่าตนเคยเห็นสุริยุปราคาในชุดซารอสเดียวกันนี้มาแล้ว
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (6-13 มี.ค.)
ท้องฟ้าเวลาเช้ามืดมีดาวเคราะห์สว่าง 5 ดวง ดาวพุธเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น หากท้องฟ้าเปิดยังมีโอกาสเห็นได้ขณะท้องฟ้าเริ่มสว่างทางทิศตะวันออก แต่อยู่ใกล้ขอบฟ้ามาก ดาวศุกร์อยู่ในทิศเดียวกัน กำลังเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเช่นกัน แต่ด้วยตำแหน่งปรากฏที่ขยับไปทางทิศเหนือมากขึ้น ทำให้ผู้สังเกตในประเทศไทยซึ่งอยู่ในซีกโลกเหนือ ยังมีโอกาสเห็นดาวศุกร์ได้ต่อไปจนถึงเดือนหน้าดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับคนยิงธนู ห่างไปทางทิศตะวันตกของดาวเสาร์ไม่ไกลนักจะพบกับดาวอังคารในกลุ่มดาวคันชั่ง ดาวอังคารมีความสว่างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายสูง
ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต สัปดาห์นี้ดาวพฤหัสบดีผ่านตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์และใกล้โลกที่สุดในรอบปี จึงเริ่มเห็นได้ตั้งแต่เวลาหัวค่ำ จากนั้นผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าในเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง แล้วเคลื่อนต่ำลงไปอยู่ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกในเวลาเช้ามืด
ต้นสัปดาห์เป็นปลายข้างแรม จันทร์เสี้ยวอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด วันที่7 มี.ค. จันทร์เสี้ยวบางๆ อยู่สูงเหนือดาวศุกร์ประมาณ 6 องศา เช้ามืดวันที่ 8 มี.ค. ดวงจันทร์เคลื่อนไปอยู่ใกล้ดาวพุธที่ระยะห่าง 4 องศา เป็นช่วงสุดท้ายที่มีโอกาสเห็นดวงจันทร์ก่อนจันทร์ดับในวันถัดไป
วันที่ 9 มี.ค. ดวงจันทร์เคลื่อนมาอยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงโดยเงามืดพาดผ่านอินโดนีเซีย ประเทศไทยเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วนได้ทั่วประเทศ โดยภาคใต้ตอนล่างเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งมากที่สุด กรุงเทพฯ เริ่มเวลา 06.39 น. (มุมเงย 2 องศา) บังเต็มที่เวลา 07.33 น. (มุมเงย 14 องศา) โดยดวงจันทร์เข้าในดวงอาทิตย์ลึกประมาณครึ่งดวง สิ้นสุดสุริยุปราคาเวลา 08.32 น. (มุมเงย 29 องศา) เวลาและรายละเอียดของการเกิดสุริยุปราคาในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย - thaiastro.nectec.or.th


