12 หนังไทยที่ถูกลืม เฉิดฉายในเทศกาลหนังฝรั่งเศส
เป็นก้าวใหม่ที่สำคัญ เมื่อหนังไทย 12 เรื่องในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนเกือบปัจจุบัน
โดย...นกขุนทอง
เป็นก้าวใหม่ที่สำคัญ เมื่อหนังไทย 12 เรื่องในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนเกือบปัจจุบัน ได้เข้าฉายในโปรแกรมพิเศษ “ปรมาจารย์ผู้ถูกลืมของภาพยนตร์ไทย” (Forgotten Masters of Thai Cinema) ในงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเอเชีย ที่เมืองเวซู ประเทศฝรั่งเศส (Vesoul’s International Asian Movies Film Festival) ต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
ภาพยนตร์ที่นำไปจัดฉาย ได้แก่ พระเจ้าช้างเผือก (2484) ผลงานอำนวยการสร้างของรัฐบุรุษ ปรีดี พนมยงค์ ที่ต้องการส่งเสริมแนวคิดสันติวิธีท่ามกลางความคุกรุ่นของสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงแรมนรก (2500) ของ รัตน์ เปสตันยี เล่าเรื่องผ่าน 2 ฉาก อย่างมีชั้นเชิง ทองปาน (2519) ของ ไพจง ไหลสกุล สุรชัย จันทิมาธร ยุทธนา มุกดาสนิท และรัศมี เผ่าเหลืองทอง ถ่ายทอดปัญหาที่เกษตรกรในสังคมไทยต้องประสบ ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น (2520) กำกับโดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เล่าเรื่องการดิ้นรนหาเลี้ยงชีพของชนชั้นรากหญ้าในเมืองหลวง เมืองในหมอก (2521) กำกับโดย เพิ่มพลเชยอรุณ ดัดแปลงจากหนังสือฝรั่งเศส ความเข้าใจผิด ของอัลแบร์ กามู
เทพธิดาบาร์ 21 (2521) หนังเพลงเสียดสีสังคมของ ยุทธนา มุกดาสนิท ไผ่แดง(2522) ของ เพิ่มพล เชยอรุณ สร้างจากนิยายเสียดสีสังคมและการเมืองในยุคที่รัฐบาลออกนโยบายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ประชาชนนอก (2524) หนังกึ่งสารคดีของ มานพ อุดมเดช เล่าปัญหาของช่องว่างระหว่างฐานะในสังคมไทยลูกอีสาน (2525) ของ วิจิตร คุณาวุฒิ เล่าวิถีชีวิตของคนอีสาน ดัดแปลงจากหนังสือต้นฉบับซึ่งได้รับรางวัลซีไรต์ ผีเสื้อและดอกไม้ (2528) ของ ยุทธนา มุกดาสนิท ดัดแปลงจากวรรณกรรมเยาวชนชื่อดัง เรื่องราวการดิ้นรนหาเลี้ยงชีพของเด็กชายในภาคใต้อำแดงเหมือนกับนายริด (2537) ของ เชิด ทรงศรีเรื่องของหญิงสาวผู้พยายามเรียกร้องสิทธิในร่างกายของเธอในสมัยรัชกาลที่ 4 และฟ้าทะลายโจร (2543) ของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง หนังไทยเรื่องแรกที่ได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
ปรมาจารย์ผู้ถูกลืม ของภาพยนตร์ไทย
“บาสเตียน แมร์ซอนน์” (Bastain Mairesonne) ผู้จัดโปรแกรมของเทศกาลนี้ได้เปิดเผยเบื้องหลังการจัดโปรแกรมปรมาจารย์ผู้ถูกลืมของภาพยนตร์ไทยว่า“ประเทศไทยมีผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีฝีมือมากมาย ผลงานของพวกเขาเหล่านี้ได้ถูกฉายในเทศกาลนานาชาติมากว่า 60 ปีแต่เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่มีใครได้รับการยอมรับว่าพวกเขาเป็นปรมาจารย์ของภาพยนตร์โลก ซึ่งต่างจากผู้กำกับจากญี่ปุ่นหรือจีน (คลาสสิก) ผมคิดว่ามันไม่น่าถูกต้อง เพราะวงการหนังไทยก็มีผู้กำกับเก่งๆ และหนังดีๆ มาก จึงได้ตั้งชื่อโปรแกรมภาพยนตร์ไทยคลาสสิกครั้งนี้ว่าปรมาจารย์ผู้ถูกลืมของภาพยนตร์ไทย ถึงแม้ว่าจำนวนหนังแค่ 12 เรื่อง จะน้อยนิดหากเทียบกับความรุ่มรวยของภาพยนตร์ไทย แต่ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังชุดนี้จะเป็นก้าวแรกที่พาให้คนดูหนังฝรั่งเศสและเหล่าโปรแกรมเมอร์เทศกาลนานาชาติต่างๆ สนใจในหนังไทยมากขึ้น
ผมได้ศึกษาประวัติหนังไทยมาหลายปีและดูหนังไทยหลายเรื่อง หนังยิ่งเก่ายิ่งดูยาก แทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับหนังไทยก่อนปี 1997 เป็นภาษาอังกฤษในอินเทอร์เน็ตหรือในหนังสือเลย มันยากมากที่จะรวบรวมข้อมูลให้ได้เยอะๆ โดยตลอดการค้นคว้าของผม ประเทศไทยมีผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยมหลายคนที่คนไทยยกย่องให้เป็นศิลปินที่แท้จริง บ้างมีโอกาสได้แสดงผลงานในต่างประเทศ แต่น้อยมากที่จะถูกเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ในวงการหนังทั่วโลก ซึ่งก็ยังอยู่อีกไกลที่จะถูกตระหนักถึง แต่ผมมีความหวังเป็นอย่างสูงว่างานนี้อาจเป็นก้าวแรกที่จะดึงความสนใจทั้งจากผู้ชมชาวฝรั่งเศสและจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ประเทศไทยสามารถภูมิใจกับวงการหนังไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้เลย”
เปิดไทยผ่านภาพยนตร์
ดรสะรณ โกวิทวณิชชา นักวิจารณ์ภาพยนตร์อิสระและโปรดิวเซอร์ เป็นอีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังให้หนังไทยได้ไปฉายที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยการเป็นผู้ช่วย บาสเตียน แมร์ซอนน์ โปรแกรมเมอร์ของเทศกาลเวซูล ในการติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์หนังในไทย และแนะนำหนังเก่าที่คิดว่าน่าสนใจให้บาสเตียนพิจารณาเพื่อนำไปฉายที่เวซูล
การไปฉายในต่างแดนของหนังไทย ที่แม้แต่ในเมืองไทย คนไทยเองยังแทบไม่รู้ว่ามีอยู่ ไม่เคยดู ไม่ค่อยมีการเอ่ยถึงมากนัก จัดเป็นอีกก้าวใหม่ครั้งสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่คนต่างชาติมองมายังอุตสาหกรรมหนังไทย ยังกระตุกให้คนไทยได้เหลียวหลังมาให้ความสำคัญกับรากเหง้าที่ผ่านมา
“ทั้ง 12 เรื่องสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของภาพยนตร์ไทย จากยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงยุคช่วงปี 2000 หนังที่ฉายมีคละกันหลายแนว ตั้งแต่หนังอย่างพระเจ้าช้างเผือก ที่มีฉากใหญ่ๆ ไปจนถึงหนังที่เป็นเรื่องของคนตัวเล็กๆ ในสังคมอย่าง ทองปานทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น หรือเทพธิดาบาร์ 21 หรือหนังพีเรียดที่แสดงศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างอำแดงเหมือนกับนายริด ที่ก็พูดถึงเรื่องสิทธิสตรีในสมัยก่อน หากกระแสตอบรับของการฉายหนังในครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี ก็จะมีส่วนช่วยให้หนังไทยในอดีตเรื่องอื่นๆ ได้ถูกนำเสนอในเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกมากขึ้น รวมถึงหนังที่ฉายในโปรแกรมนี้เอง เราก็หวังว่าการฉายหนังในครั้งนี้ จะทำให้หนังเหล่านี้ได้เดินสายไปฉายยังเทศกาลอื่นๆ ด้วย หรือมีผู้สนใจที่จะซื้อลิขสิทธิ์ไปเผยแพร่”
สำหรับผลตอบรับในการฉายภาพยนตร์ไทย ดรสะรณ เปิดเผยว่า “ฟีดแบ็กของแต่ละเรื่องแตกต่างกันออกไป บางเรื่องผู้ชมอาจไม่ได้ชอบมาก อย่างพระเจ้าช้างเผือกหรือโรงแรมนรก อาจเป็นด้วยเรื่องของยุคสมัยด้วยส่วนหนึ่ง ขณะที่หนังเรื่องทองปาน ลูกอีสานผีเสื้อและดอกไม้ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก อย่างเช่นผีเสื้อและดอกไม้ เมื่อหนังจบมีผู้ชมหลายท่านเดินเข้ามาคุยกับคุณยุทธนาและกล่าวชมเชย หรือหนังเรื่องเมืองในหมอก ที่ในตอนแรกไม่มีใครแน่ใจว่าฟีดแบ็กจะเป็นอย่างไร เพราะเวซูลเป็นเทศกาลหนังเอเชียที่เน้นการฉายหนังอาร์ต หนังดราม่าที่เสนอประเด็นทางสังคมหนักๆ แต่เมืองในหมอกจะมีความเป็นหนังทริลเลอร์ แต่ฟีดแบ็กถือว่าดีมาก ซึ่งในคราวนี้ที่สามารถทำได้สำเร็จ คือนำภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยได้ถูกนำไปฉายในต่างประเทศไปฉายบ้าง เช่นเทพธิดาบาร์ 21 และเมืองในหมอก ที่กระแสตอบรับของ ผู้ชมต่อหนังทั้งสองเรื่องก็ถือว่าดีมาก”
หนังเก่าดูได้ หาดูง่าย ชัดระดับเอชดี
ด้าน “อภิรดี เอี่ยมพึ่งพร” กรรมการผู้จัดการบริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังในโปรแกรมนี้ถึง 7 เรื่องได้แก่ ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น เทพธิดาบาร์ 21 ไผ่แดง ลูกอีสาน ผีเสื้อและดอกไม้ อำแดงเหมือนกับนายริด และฟ้าทะลายโจร กล่าวว่า โดยปกติแล้วเทศกาลภาพยนตร์ในยุโรปจะโฟกัสวงการภาพยนตร์เอเชียอยู่แค่ไม่กี่ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี แต่ในปีนี้ทางผู้จัดเทศกาลมองว่าผลงานภาพยนตร์ไทยก็ไม่ได้แพ้ชาติใด จึงขอเป็นเทศกาลแรกๆ ที่จัดโปรแกรมพิเศษนี้ขึ้น ไฟว์สตาร์ทำหนังมานาน ทำให้มีหนังดังอยู่ในหมวดคลาสสิกอยู่มาก และเนื่องจากเราได้ทำการรีมาสเตอร์ เพื่อให้หนังเรามีคุณภาพทั้งเสียงและภาพคมชัดระดับเอชดี ซึ่งเราใช้เวลากว่า 8 ปีแล้วที่เริ่มทำรีมาสเตอร์ และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเอเชียเมืองเวซูลเป็นเทศกาลแรกในยุโรปที่ได้ฉายหนังคุณภาพเอชดีของเรา
ส่วนผู้ชมในไทยสามารถหาชมหนังไทยในอดีตได้จากแอพพลิเคชั่นทางสมาร์ทโฟน และลิขสิทธิ์หนังที่ออกฉายทางช่องดิจิทัลมี 7 เรื่อง เช่น ไผ่แดง ลูกอีสาน ผีเสื้อและดอกไม้ อำแดงเหมือนกับนายริด เป็นต้น
“หนังของไฟว์สตาร์มี 200 กว่าเรื่อง ในเวลา 8 ปี เรารีมาสเตอร์ได้ 160 เรื่องที่เป็นคุณภาพเอชดี ลงทุนต่อเรื่องเป็นล้าน เราทำภาพและเสียงด้วย เหมือนสร้างหนังใหม่อีกเรื่อง เพราะเมื่อก่อนหนังสร้างไม่ถึงล้าน แต่เป็นการทำที่คุ้มค่า เพราะหนังเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นการบันทึกทั้งประวัติศาสตร์บ้านเมือง การเมือง วัฒนธรรมการแต่งกาย เราตั้งใจเก็บหนังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้คนรุ่นใหม่ได้ดู”
ทั้งนี้ หนังทั้ง 12 เรื่องนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติถึง 10 เรื่อง คือ พระเจ้าช้างเผือก โรงแรมนรก ทองปาน ลูกอีสาน ผีเสื้อและดอกไม้ ทองพูนโคกโพ ราษฎรเต็มขั้น เมืองในหมอกฟ้าทะลายโจร และประชาชนนอก


