จักรินทร์ ศิรินนท์ธนเวช บนเส้นทางนักแข่งโกคาร์ท
“ผมชอบความเร็ว ความเร็วเปลี่ยนผมจากเด็กสมาธิสั้นเป็นเด็กที่นิ่งขึ้น ตัดสินใจดีขึ้น ผลการเรียนดีขึ้น และที่สำคัญทำให้ผมเห็นเป้าหมายของตัวเองชัดขึ้น
โดย...กองทรัพย์-วนิชชา ตาลสถิตย์ ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
อดีตนักแสดงเด็กที่จู่ๆ ชีวิตก็เปลี่ยนเพราะเขาอยากเป็นนักแข่งรถ “ผมชอบความเร็ว ความเร็วเปลี่ยนผมจากเด็กสมาธิสั้นเป็นเด็กที่นิ่งขึ้น ตัดสินใจดีขึ้น ผลการเรียนดีขึ้น และที่สำคัญทำให้ผมเห็นเป้าหมายของตัวเองชัดขึ้นว่าอยากเป็นคนไทยคนแรกที่ได้แชมป์ฟอร์มูล่าวัน” เนมคุง-จักรินทร์ ศิรินนท์ธนเวช หนุ่มน้อยวัย 16 ปี จากรั้วโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ดีกรีรองแชมป์การแข่งขันโกคาร์ทเยาวชนระดับโลก รุ่น T-Kart Mini ROK 60 CC จากประเทศอิตาลีในปี 2554 บอกสั้นๆ แต่ได้ใจความครบถ้วน
การก้าวเข้าสู่วงการกีฬาโกคาร์ทครั้งแรกของเนมคุง เกิดจากการชักชวนของคุณพ่อ ด้วยเหตุผลที่อยากให้ลูกได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้การมีน้ำใจนักกีฬา พร้อมได้สร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัยจากกีฬาชนิดนี้ จึงทำให้ชื่นชอบและเริ่มลงสนามเมื่ออายุ 9 ขวบ เมื่อตกหลุมรักแล้วจึงต่อยอดทักษะพัฒนาฝีมือเข้าร่วมการแข่งขันเก็บคะแนน จนได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งโกคาร์ทเยาวชนชิงแชมป์โลกที่อิตาลี ซึ่งเจ้าตัวก็คว้ารางวัลรองแชมป์โลกมาครองในวัยเพียง 11 ขวบ
หลังจากนั้นก็คว้าแชมป์ในรายการต่างๆ เรื่อยมา อาทิ ตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี 2555 และรางวัลรองแชมป์โกคาร์ทระดับเอเชียที่ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2557 และมีอีกหลากหลายรางวัลที่เขาคว้ามาครอบครอง
จากเด็กขี้โรคสู่นักกีฬาโกคาร์ท
เนมคุง เล่าว่า เคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพมาตั้งแต่เด็ก คือจะเป็นเด็กที่ไม่สบายบ่อยครั้งเนื่องจากผ่านการผ่าตัดลำไส้มาตั้งแต่เป็นทารก การติดเชื้อต่างๆ จึงเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเด็กวัยเดียวกัน การเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และการดูแลจากพ่อแม่อย่างใกล้ชิด ทำให้ร่างกายของเนมคุงดีขึ้นตามวัย และเมื่อถึงวันที่ร่างกายพร้อม คุณพ่อซึ่งเป็นอดีตนักแข่งรถก็จุดประกายฝันให้เด็กชายที่ชื่นชอบโมเดลรถคนนี้
“ปกติเด็กคนอื่นจะขับถ่ายผ่านทวารหนัก แต่ผมขับถ่ายผ่านท้องตั้งแต่เกิดเลยครับ จะมีอุจจาระออกมาทางท้องซึ่งคุณหมอก็เย็บให้ แล้วแม่ก็จะคอยเช็ดให้ตลอด ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ดังนั้นเวลาจะทำอะไรผมก็จะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้พ่อกับแม่ลำบาก”
การแข่งโกคาร์ทก็เกิดจากคุณพ่อแนะนำจากรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง พ่อเห็นว่าเราชอบรถเล็กก็เลยถามว่าอยากลองขับไหม ผมไม่ลังเลเลยไปสมัคร ทดลองขับตอนนั้น 9 ขวบ เมื่อมีโอกาสมาลองขับจริงแล้วรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองขับ แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความสุขและสนุกที่ได้ทำ ก็เลยกลายมาเป็นกีฬาที่ชอบที่สุด เล่นได้นานที่สุด และเอาจริงเอาจังจนเข้าแข่งขันได้มาถึงทุกวันนี้ครับ
ตั้งใจจะลงแข่งตั้งแต่ได้ลองฝึก ปรึกษากับพ่อว่า พ่อผมอยากแข่ง พ่อก็สนับสนุนเต็มที่ (หัวเราะ) รายการแรกนี่พลาดทุกรางวัล แต่ก็ไม่เคยท้อ ฝึกฝนมาเรื่อยๆ จนเริ่มได้รางวัลในประเทศ และถ้วยรางวัลก็ค่อยๆ ไต่ระดับโดยเรียนรู้ประสบการณ์จากสนามที่ตัวเองลงแข่งเก็บคะแนนทั้งหมดเยาวชนจำนวน 6 สนาม ถ้าเก็บ 6 คะแนนแล้วเราได้เป็นแชมป์ เราก็จะได้ตั๋วไปต่างประเทศเพื่อไปชิงแชมป์อีกทีครับ
เส้นทางนักแข่ง
การเตรียมตัวเพื่อที่จะขับขี่โกคาร์ท นอกจากรถที่พร้อมแล้วร่างกายถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อม ดังนั้นเมื่อเนมคุงจะเข้าสู่สนามแข่งขันระดับโลก เขาจะต้องฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อให้แข็งแรง หนุ่มน้อยวัย 16 ปี บอกว่า เขาต้องออกกำลังกายเพิ่มเติมเพื่อให้ส่วนแกนกลางลำตัวแข็งแรง เพิ่มพลังแขนด้วยเวทเทรนนิ่ง และเพิ่มพลังขาด้วยการวิ่ง นี่คือตารางซ้อมนอกสนาม
“จากเด็กที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย โกคาร์ทมันให้ชีวิตใหม่ผมเลย เพราะผมได้ทำทุกอย่างถ้าผมมีเป้าหมายว่าจะชนะผมก็ต้องฝึกซ้อม เตรียมร่างกาย ต้องมีสมาธิ สาเหตุที่ต้องแข็งแรงให้ได้มากที่สุด เพราะเวลาที่รถปะทะกันเราต้องเกร็งแขนเกร็งขา ส่วนตัวต้องแนบเบาะเวลากระแทกจึงจะบาดเจ็บได้ง่าย เพราะฉะนั้นกลับบ้านไปเราต้องฝึกออกกำลังกายวิ่งตลอดเวลา หรือว่าหากีฬาอย่างอื่นเสริมอย่างเช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ว่ายน้ำ ส่วนการซ้อมในสนาม ผมจะใช้เวลาช่วงเสาร์-อาทิตย์ทั้งวัน ส่วนจันทร์-ศุกร์ ผมจะพยายามตามงานและเรียนพิเศษเพิ่มเติม โรงเรียนพยายามช่วยทั้งด้านการเรียนและส่งเสริมให้ผมได้ทำในสิ่งที่รัก ตอนนี้ผมสมัครเป็นนักกีฬาอย่างอื่นด้วย แต่ทุ่มเทให้กีฬาโกคาร์ทที่สุด”
เมื่อถามถึงประสบการณ์การแข่งขันในสนามระดับโลก และเพื่อนและคู่แข่งหลากชาติหลายภาษา ในขณะที่มีวัยเพียง 11 ขวบ เนมคุงเก็บเกี่ยวสิ่งที่ได้พบเห็นเหล่านั้นอย่างไร คำตอบจากหนุ่มน้อยที่ขณะนี้วัย 16 ปี คือ...
“ตอนแข่งระดับประเทศก็จะมีคุณพ่อเป็นกำลังใจ แต่ตอนที่เริ่มแข่งขันในเอเชียก็ต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง เพราะเขาจะให้เฉพาะนักกีฬาที่แข่งขันไปเท่านั้น ยุโรปก็เหมือนกัน แข่งที่อิตาลีมีนักกีฬาตัวแทนทีมไทย 5 คน ก็อยู่ด้วยกัน แข่งเก็บสะสมคะแนนไปเรื่อยๆ เพื่อฝ่าฟันไปสู่รอบลึกๆ ดังนั้นต่อให้อยู่นอกสนามเป็นเพื่อนเดินกอดคอกัน ลงสนามเราก็คือคู่แข่ง (หัวเราะ)
การแข่งขันแต่ละสนามก็ยากแตกต่างกัน รายการของเมืองไทยจะมีรถแค่ประมาณ 10-20 คัน ของเอเชียเยอะขึ้นมาหน่อยประมาณ 30-40 คัน ส่วนของยุโรปก็จะเป็น 100 กว่าคัน ซึ่งสนามของยุโรปจะแบ่งเป็นกรุ๊ปเอ บี ซี เพื่อจะได้ให้คัดออกแล้วก็เหลือคนที่น้อยที่สุดและเร็วที่สุดแล้วมาเจอกัน”
เป้าหมายคือแชมป์เอฟวัน
ขึ้นชื่อว่ากีฬาความเร็วกับอุบัติเหตุจึงเป็นเงาตามตัว เนมคุง เล่าว่า เขาเคยประสบอุบัติเหตุขณะแข่งขันขณะที่อายุ 10 ปี
“เหตุการณ์วันนั้นคือรถหลุดออกรอบนอกเพราะสนามลื่น แล้วมีรถอีกคันหนึ่งพุ่งมาชน ทั้งรถทั้งคนลอยไปบนอากาศแล้วตัวผมก็หล่นลง แล้วรถก็ทับตัวเราอีกทีหนึ่ง ตอนนั้นเข้าโรงพยาบาลแต่ก็กลับมาแข่งต่อจนจบที่ 4 แข่งแบบเจ็บๆ ครับ พ่อบอกจะดีเหรอ ผมก็บอกดี (หัวเราะ) เพราะผมเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เป็นคนที่สู้เต็มที่ จะมีน้ำตาแค่ไหนก็สู้เต็มที่
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบอกเราว่าต้องเข้มงวดกว่าเดิม ระวังขึ้นกว่าเดิม ต้องมีสติ ที่สำคัญอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น รองเท้า หมอนรองคอ ถุงมือ หมวกกันน็อก แล้วก็เกราะ ชุดกันไฟ ทุกอย่างจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมและห้ามลืมเด็ดขาด”
หนุ่มนักกีฬารักความเร็วทั้งหลายย่อมมีเป้าหมายสูงสุดของตัวเอง เนมคุงก็เช่นกัน ความฝันของเขานอกจากจะเป็นนักแข่งโกคาร์ทที่ทุกคนยอมรับแล้ว เขาหวังว่าวันหนึ่งจะได้เป็นนักขับฟอร์มูล่าวันตัวแทนคนไทยที่ได้แชมป์ ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นเขารู้ว่าต้องฝ่าฟันด่านอีกมากมาย ต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรงที่สุด ฝึกซ้อมเก็บเทคนิคของนักแข่งรุ่นพี่และไอดอลมาพัฒนาตัวเอง ที่สำคัญต้องเตรียมพร้อมภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับสากล
“ผมมี มิคาเอล ชูมักเกอร์ นักขับรถฟอร์มูล่าวันเป็นไอดอล การไปถึงเป้าหมายของผมนอกจากจะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับคู่แข่งในประเทศ ซึ่งตอนนี้ผมขยับรุ่นมาเป็นรุ่นบุคคลทั่วไปแล้ว คู่แข่งที่เก๋าๆ ก็ต้องมากขึ้น ดังนั้นเราต้องฝ่าด่านแต่ละด่านให้ได้ ไม่รีบร้อน ผมเชื่อว่าเราค่อยๆ ไปทีละก้าวอย่างมั่นคง จะทำให้เรามีกำลังใจมากกว่าการข้ามขั้นตอน พอไม่ได้ดั่งใจก็จะท้อจนละทิ้งเป้าหมาย ทุกวันนี้ผมออกกำลังกาย เรียนภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นเพิ่มเติม และเตรียมเก็บคะแนนในประเทศ”
รองแชมป์เยาวชนโกคาร์ทระดับโลก บอกว่า สิ่งที่ดีในชีวิตสำหรับเขาคือการค้นพบว่าตัวเองชอบและรักที่จะทำอะไรแล้วมุมานะทำสิ่งนั้นให้เป็นรูปธรรม โกคาร์ทเปลี่ยนเด็กซุกซนและขี้โรคให้เป็นหนุ่มน้อยที่บุคลิกภาพดีและสุขุมได้ ก็อาจจะทำให้คุณค้นพบบางอย่างก็ได้
“ผมว่าถ้าคุณเป็นเด็กต้องลองทำในสิ่งที่ตัวเองรักดูก่อน ถ้าพบว่าไม่ใช่ก็ค่อยเปลี่ยน เพราะเรายังมีอีกเยอะ ชีวิตเด็กมีทางเลือกอีกมากมาย"


