ความงามของ ‘ฮอร์โมน’
หลังจากฉายต่อเนื่องมานาน 12 ตอน วันนี้จะเข้าสู่ตอนสุดท้ายของ “ฮอร์โมน” วัยว้าวุ่น ในซีซั่นส่งท้าย
โดย...สุภชาติ เล็บนาค
หลังจากฉายต่อเนื่องมานาน 12 ตอน วันนี้จะเข้าสู่ตอนสุดท้ายของ “ฮอร์โมน” วัยว้าวุ่น ในซีซั่นส่งท้าย
ความดีงามของซีรี่ส์เรื่องนี้ คือการส่งต่อบทเรียนที่จับต้องได้จริง อันต่างจากละครไทยทั่วไปชนิดฟ้ากับเหว
โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ ตามธีมหลักของเรื่องนี้ว่าด้วยทุกตัวละครล้วนมี “แผล” ทั้งนั้น ไม่มีใครเป็นคนดี 100% และไม่มีใครเป็นคนชั่วโดยสมบูรณ์แบบ
เพราะฉะนั้นการที่คนจะดี-จะชั่ว ล้วนมีเหตุปัจจัยนำพา โดยเฉพาะในวัยว้าวุ่นนั้น การตัดสินใจอะไรสักอย่างอาจถูกหรือผิดได้เสมอ เนื่องจากมีตัวแปรที่เกี่ยวข้องอีกมาก
ที่น่าสนใจคือ ตัวละครที่ถูกตราหน้าว่าเลวที่สุด ผู้สร้างก็ยังพยายามอธิบายให้เห็นว่า เพราะอะไรตัวละครนั้นถึงต้องกระทำ และอะไรคือเงื่อนปมที่ประกอบในการตัดสินใจ
จนในที่สุดคนดูก็ต้องเอาใจช่วย เพื่อให้โอกาสในการกลับตัวเข้าสู่สังคม มากกว่าจะแช่งชักหักกระดูกให้ต้องตายอย่างสาสมเหมือนในละครเรื่องอื่น หรือเหมือนคนที่ถูกสร้างภาพว่าเลวร้ายในชีวิตจริง
ขณะเดียวกัน ตอนที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การจัด “กีฬาสี” ที่ตรงกับประสบการณ์ในวัยมัธยมของหลายๆ คน
ไม่ว่าจะเป็นการประชันความสวยงามของเชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งต้องแลกมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล กับความลำบากของคนอยู่เบื้องหลัง ที่ต้องทำอุปกรณ์ประกอบสแตนด์ราคาแสนแพง และต้องทนนั่งตากแดดเป็นอุปกรณ์ประกอบ เพียงเพื่อจะแลกกับ “หน้าตา” ของสีที่ต้องสวยที่สุด
ทว่า เมื่อมีตัวละครลุกขึ้นมาพยายามตั้งคำถามกับปัญหานี้ กลับถูกด่าทอจากทุกคนว่าเป็นพวกขี้อิจฉา-ชอบสร้างความขัดแย้ง โดยไม่เคารพเชื่อฟังรุ่นพี่ที่อาวุโสกว่า
ตอกย้ำให้เห็นว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่เลี่ยงความขัดแย้งแล้วซุกไว้ใต้พรมแทน คนที่อ่อนแอ-อาวุโสน้อยกว่า ไม่เคยมีสิทธิวิพากษ์อะไร
ในที่สุดเมื่อความขัดแย้งปะทุถึงจุดแตกหัก ความวุ่นวายก็ไร้การควบคุม เกิดเป็นแผลให้ผู้ที่มีส่วนร่วมจดจำว่าเป็นตัวการในการทำให้กีฬาสีล่ม ทั้งที่ทุ่มเทกับงานนี้แบบถวายหัว
เช่นเดียวกับทุกตัวละคร ล้วนได้รับแผล ต่างกรรม ต่างวาระ ในแต่ละตอน
ต้องขอคารวะทีมผู้สร้างที่สอดแทรกสถานการณ์จำลองเข้าไปในเนื้อเรื่องเพื่อชวนให้เด็กไทยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักได้ตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ว่าในสถานการณ์เดียวกัน พวกเขาคิดอย่างไรกับวิธีแก้ปัญหาของตัวละคร และหากเป็นพวกเขาต้องเจอกับ “แผล” ที่ตัวละครเจอในเรื่อง จะตัดสินใจหาทางออกอย่างไร
ทั้งหมดคุณูปการของซีรี่ส์เรื่องนี้ ที่มีเหนือการปลูกฝังแนวคิดท่องจำค่านิยมแบบนกแก้ว-นกขุนทอง ตามที่รัฐพยายามยัดใส่หัว หรือการปลูกฝังศีลธรรมจรรยาแบบ “ข้าดี-เอ็งชั่ว” ในแบบที่รัฐไทยพยายามสอนในวิชา “หน้าที่พลเมือง”
เพราะในโลกความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่อาจแยกขาว-ดำ ได้เสมอไปการเรียนรู้ปัญหา และหาวิธีในการก้าวข้ามปัญหาเพื่อใช้ชีวิตต่อไปให้ได้ต่างหากที่สำคัญที่สุด


