posttoday

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

15 พฤศจิกายน 2558

หากใครได้ติดตามชมการประกวด มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2015 รอบตัดสิน

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร-วิภาคย์ พูนพันธุ์ ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ภาพ  ประกฤษณ์ จันทะวงษ์  

หากใครได้ติดตามชมการประกวด มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2015 รอบตัดสิน เมื่อค่ำคืนที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา คงประทับใจปนช็อกไปชั่วขณะกับการตอบคำตอบในรอบ 5 คนสุดท้ายของ “เอเนีย การ์เซีย” สาวงามวัย 20 ปี จากประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน (ที่ซึ่งเป็นคำตอบที่ทำให้เธอคว้ามงกุฎ มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2015 ไปครองในท้ายที่สุด)

เอเนีย ตอบว่า ผู้ที่มีอิทธิพลในชีวิตของเธอมากที่สุด คือคุณพ่อของเธอเอง เพราะเธอเป็นลูกที่เกิดมาจากการถูกข่มขืน โดยตอนนั้นคุณแม่ของเธออายุยังน้อย ทำให้คุณยายของเธอกลายมาเป็นผู้ปกครองและเลี้ยงดูเธอมาโดยตลอด หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะให้อภัยคุณพ่อของเธอ และเข้าไปกอดคุณพ่อ ด้วยความรักและความเคารพที่ทำให้เธอเกิดมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

 

วันนี้ เอเนีย การ์เซีย จะมาขยายความเรื่องราวชีวิตของเธอที่เข้มข้นและยากจะลืมได้ลงให้กับเราได้รับรู้กัน โดยจุดเริ่มต้นชีวิตของเธอ เกิดขึ้นที่ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน

“อย่างที่รู้กันว่าฉันเกิดมาจากผู้หญิงที่ถูกข่มขืนโดยผู้ชายข้างบ้าน ซึ่งตอนที่คุณแม่ของฉันโดนข่มขืน คุณแม่เพิ่งอายุ 13 ปี โดยเมื่อฉันโตขึ้น คุณแม่ก็ได้เล่าให้ฉันฟังว่า คุณแม่เป็นทอมที่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาโดนผู้ชายข่มขืน และต้องมีลูก แต่เมื่อโดนข่มขืนและตั้งท้องขึ้นมาก็ไม่มีความคิดที่จะทำแท้งเลย อาจเป็นเพราะศาสนาที่นับถืออยู่ ที่บอกว่าการทำแท้งเป็นบาป และอาจเป็นเพราะคิดว่าลูกคือของขวัญที่พระเจ้าให้มา คุณแม่จึงเก็บฉันไว้ ถามว่าฉันรู้ไหมว่าคุณพ่อฉันเป็นใคร รู้ค่ะ แต่เขาก็ไม่ได้มาเลี้ยงดูอะไรฉันมากมาย”

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

 

เอเนีย บอกเล่าว่า ด้วยความที่ ณ ตอนนั้น คุณแม่ของเธอเป็นแกะดำของบ้าน มีลักษณะนิสัยที่แปลกแตกต่าง เลี้ยงดูยาก เมื่อมีลูก คุณยายของเธอเลยไม่อยากให้เธอกลายเป็นแบบนั้น เมื่อเธอเกิดมาเธอจึงอยู่ในความดูแลของคุณยาย ที่ทั้งรัก ดูแล และปกป้องเธอมาโดยตลอด “ออกจะปกป้องฉันมากเกินไปด้วยซ้ำ ซึ่งในความรู้สึกของฉัน ฉันรู้สึกชื่นชมคุณยายที่มีลูกตั้ง 4 คน มีฉันด้วยอีก 1 คน ซึ่งแม้ว่าจะเป็นหลานสาว แต่ก็ถือเป็นลูกสาวคนหนึ่ง รวมเป็น 5 คน แต่เธอก็สามารถเลี้ยงดูทุกคนได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเธอจะเลิกรากับคุณตาและมีปัญหาสภาวะเศรษฐกิจ แต่เธอก็เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวในการประคับประคองให้ทุกคนในบ้านอยู่รอดกันมาได้อย่างปลอดภัย”

แต่ทว่า เมื่อครอบครัวต้องประสบปัญหาสภาวะทางการเงินที่เลวร้ายหนักหน่วงจนเกินรับไหว คุณยายของเอเนียก็ตัดสินใจพาลูกๆ และหลานสาวอย่างเธอเดินทางมาตายเอาดาบหน้าที่ประเทศสหรัฐ ซึ่งตอนนั้นเอเนียเพิ่งมีอายุได้ 6 ขวบเท่านั้น

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

 

“เราย้ายมาอยู่ที่รัฐโรด ไอส์แลนด์ โดยคุณยายเริ่มต้นทำงานห่อพัสดุ เรียกง่ายๆ ว่าทำงานแพ็กของ ถามว่า สถานะทางการเงินของครอบครัวดีขึ้นมั้ย ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อฉันอายุได้ 12 ปี ครอบครัวของเราก็เดินทางลงมาถึงจุดต่ำสุดอีกครั้ง เนื่องจากประเทศจีนเข้ามาดึงลูกค้าของเราไปหมด เราจึงโดนยึดบ้าน ต้องไปขออาศัยอยู่ที่โรงงานแพ็กของ อาศัยอยู่รวมกัน 6 คน ในห้องเดียวกัน โดยเป็นห้องที่ไม่มีห้องน้ำใช้ ลำบากมากถึงขนาดต้องเอาอะไรสักอย่างมารองน้ำ เพื่อที่จะได้มีน้ำไว้อาบไว้ใช้ แต่หลังจากนั้นฉันก็เริ่มทำงานช่วยคุณยาย โดยไปเป็นคนทำความสะอาดบ้าน แล้วแต่ใครจะว่าจ้าง เหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันต้องออกมาช่วยเหลือคุณยาย เป็นเพราะคุณยายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงไปทำงานอย่างอื่น หรือทำงานที่อื่นไม่ได้ ถามว่ารายได้ที่ได้จากการเป็นคนทำความสะอาดบ้านนั้นได้เยอะไหม ไม่ได้เยอะอะไรเลยค่ะ เพราะฉันไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากว่าตอนนั้นอายุฉันเพิ่ง 13 ปี แต่ที่ฉันสามารถทำงานได้ เป็นเพราะฉันได้เข้าร่วมในโครงการช่วยเหลือคนยากจน จึงมีโอกาสได้ทำงานหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว”

ด้วยความยากจนอีกนั่นแหละที่ทำให้เอเนียสามารถสอบชิงทุนการศึกษา จนสามารถได้รับทุนการศึกษาที่รองรับนักศึกษายากจน จนได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนที่มีค่าเทอมแพงเอาการ

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

 

“เมื่อจบระดับชั้นมัธยมศึกษา ฉันก็ได้รับทุนการศึกษาเพื่อเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ซึ่งมีคนที่ได้รับทุนนี้เพียงแค่ 12 คนเท่านั้น โดยฉันเลือกเรียนในสาขานิติศาสตร์และสาขาปรัชญา ฉันคิดว่าที่ฉันได้รับทุนการศึกษานี้ เป็นเพราะฉันได้เขียนถึงเรื่องราวชีวิต ความมุ่งมั่น และเป้าหมายในชีวิตของฉันให้ทางมหาวิทยาลัยได้พิจารณา ซึ่งเมื่อได้รับทุนการศึกษานี้ คนที่ดีใจมากที่สุดก็คือคุณยาย เป็นเพราะคุณยายมีความฝันอยากจะให้ฉันได้เรียนสูงๆ โดยตอนนี้ฉันเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 แล้วค่ะ”

สำหรับการก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการประกวดนางงาม เอเนีย เผยว่า เธอเพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางนางงามเมื่อปีที่แล้ว (2014) นี่เอง “เมื่อปีที่แล้วถือเป็นช่วงชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก ฉันต้องอาศัยกินอยู่หลับนอนในรถตู้ พอดีมีแม่ของเพื่อนได้เห็นหน่วยก้านของฉัน แล้วบอกว่าหน่วยก้านดี จึงถามฉันว่าลองประกวดนางงามดูไหม ซึ่งตอนนั้นฉันไม่มีความคิดอยากจะประกวดนางงามเลย ที่สำคัญคือฉันไม่มีเงินทุนในการเตรียมตัวเข้าประกวด เพื่อนของฉันจึงแนะนำให้ฉันได้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวฉันเองผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อที่เมื่อคนได้อ่านและอยากสนับสนุนให้ฉันประกวดนางงาม ก็จะได้มาช่วยเหลือระดมเงินทุนเพื่อการประกวดกัน”

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

สำหรับการประกวดในครั้งนั้น เป็นการประกวดเพื่อเฟ้นหาสาวงามที่จะได้เป็นตัวแทนของรัฐเพื่อเข้าร่วมประกวดมิสยูเอสเอ โดยเอเนียเผยว่า เธอเข้าร่วมประกวดด้วยลุคที่เรียบง่ายมาก แต่เธอก็สามารถคว้ารางวัลชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม ขวัญใจช่างภาพ และเป็นผู้ชนะในค่ำคืนนั้น ทำให้เธอต้องเตรียมตัวเข้าร่วมประกวดมิสยูเอสเอต่อไป 

“ด้วยเรื่องราวชีวิตของฉัน ความสูง หุ่น การได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก่อนเข้าร่วมประกวดเป็นเวลาถึง 6 เดือน ทำให้ฉันกลายเป็นตัวเต็งในการประกวด ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ แต่ก็พลาดไป เพราะในรอบ 5 คนสุดท้าย ฉันฟังคำถามไม่เคลียร์ จึงขอให้พิธีกรถามคำถามอีกครั้ง แต่พอได้ฟังคำถามอีกครั้ง แล้วกำลังจะตอบ สัญญาณก็ดังขึ้นว่าหมดเวลา ฉันจึงไม่มีโอกาสได้ตอบ และทำให้ฉันได้ตำแหน่งเพียงรองอันดับ 2 เท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวของฉัน ฉันไม่คิดว่านั่นคือความผิดพลาด ฉันคิดว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผลของมันเสมอ เพียงแต่ที่มันกลายเป็นปมในใจของฉัน เป็นเพราะหลังจากเสร็จสิ้นการประกวดแล้ว ฉันก็ได้ไปออกทอล์กโชว์ในหลายรายการ แล้วโดนล้อเลียน นอกจากนี้ ตามสื่อโซเชียลต่างๆ ก็ล้อเลียนฉัน ทำเหมือนฉันเป็นคนโง่ เป็นตัวตลก ซึ่งบอกได้เลยว่ารู้สึกแย่มาก”

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

 

นอกจากนี้ เอเนีย ยังเผยอีกว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประกวด ชีวิตของเธอก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ “ฉันอยากขยับขยายที่อยู่อาศัย ฉันจึงไปหาบ้านเช่า แต่ช่วงนั้นเจ้าของบ้านเช่าต่างเพิ่มราคาขึ้นสูงมาก ฉันไม่สามารถจ่ายเงินค่าเช่าบ้านในราคานั้นได้ ฉันจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านเพื่อนของฉันคนหนึ่งแทน”

และด้วยความที่ไม่คิดอยากประกวดนางงามอีกต่อไปแล้ว เพราะรู้สึกเสียเซลฟ์ จึงทำให้เมื่อมีคนติดต่อให้เธอไปประกวดนางงามอีก เธอก็ได้ปฏิเสธไป

“แต่เมื่อมีคนมาติดต่อให้ฉันเข้าร่วมประกวด มิส แกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ประเทศไทย เขาได้บอกเล่าถึงรูปแบบการประกวดและคอนเซ็ปต์ ก็รู้สึกมีความสนใจ อยากลองเข้าร่วมประกวดดู เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าฉันก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถทำได้ อีกทั้งอยากลบคำสบประมาท และลบภาพจำที่คนชอบเอาฉันมาล้อเลียน เลยตัดสินใจเข้าร่วมประกวด”

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

เอเนีย เผยว่า เมื่อเธอได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประกวด นับตั้งแต่ก้าวแรก วันแรก เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก แม้หลังจากนั้นเธอจะได้หรือไม่ได้ตำแหน่งก็ตาม

“อยากบอกว่าทีมงานของกองประกวดนี้ดีมาก เพื่อนๆ นางงามก็น่ารัก ไม่คอยแต่จะต่อสู้เอาชนะกัน รวมทั้งเวลาไปที่ไหน พี่น้องชาวไทยก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี อาจจะมีปัญหาเรื่องภาษานิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ ทุกที่ที่ไปเก็บตัวจึงเต็มไปด้วยความสุขและความสนุก มีคนมารอมุงดูมากมาย ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เป็นบ้านที่อบอุ่นอีกหลังหนึ่งของฉันเลย”

เมื่อเข้าใกล้วันตัดสิน แน่นอนว่าสาวงามแต่ละคนย่อมมีความตื่นเต้น กดดัน และเป็นกังวล แต่สำหรับเอเนียกลับไม่เป็นเช่นนั้น “ยิ่งเข้าใกล้วันตัดสิน ฉันยิ่งรู้สึกสงบ อาจเป็นเพราะฉันคิดว่าฉันทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด และก็มีความหวังว่าจะต้องติด 1 ใน 5 คนสุดท้าย ยิ่งเมื่อได้มาตอบคำถาม ฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้ทำในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำในตอนประกวดมิสยูเอสเอ”

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

 

กับคำถามที่ว่า ใครคือผู้มีอิทธิพลต่อชีวิตคุณมากที่สุด? เพราะอะไร? เอเนีย เผยว่า เมื่อเธอฟังคำถามนี้แล้ว ทำให้เธอคิดถึงคุณพ่อของเธอขึ้นมาทันที เลยอยากตอบว่า คุณพ่อ แม้เขาจะเป็นคุณพ่อที่ไม่ได้ตั้งใจเป็นคุณพ่อก็ตามที

“ฉันอยากตอบคุณพ่อ เพราะฉันอยากบอกเล่าเรื่องราวของฉันกับคุณพ่อ เพื่อให้ผู้คนได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน ที่สำคัญที่สุด ฉันอยากให้อภัยคุณพ่อในสิ่งที่เขาได้ทำ แม้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้อภัยได้ แต่เมื่อได้ให้อภัยแล้ว มันเหมือนเราได้ถูกปลดปล่อย มันโล่งใจ มันมีความสุข มันทำให้เราก้าวเดินไปได้ต่อโดยไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจอีก”

แน่นอนว่าบุคคลสำคัญที่เธอจะลืมพูดถึงไปไม่ได้ นั่นก็คือคุณยายของเธอเอง เอเนีย เผยว่า คุณยายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิต ถึงจะยากลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยไปขอความช่วยเหลือจากใคร “เวลาย่ำแย่คุณยายไม่เคยบอกใคร ไม่เคยกดดันตัวเอง หรือรู้สึกย่ำแย่ในตอนที่ชีวิตลงสู่จุดต่ำสุด คุณยายเป็นคนคิดบวก ที่ทำให้ฉันเป็นฉันได้ในวันนี้ และได้ทำให้ฉันก้าวมาถึงตรงจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้ได้เป็นอย่างดี สำหรับคุณแม่ ฉันขออนุญาตไม่พูดถึงละกันนะคะ”

เอเนีย การ์เซีย ชีวิตนี้ดั่งละคร

 

ปัจจุบัน เอเนียพักอาศัยอยู่ที่เมืองไทย เพื่อร่วมงานกับองค์กร มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เธอเผยว่า เธอจะได้เดินทางไปรณรงค์การยุติสงครามและความรุนแรงทุกชนิดกว่า 10 ประเทศ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่เธอพร้อมเต็มที่ในการปฏิบัติงาน

“มีคนหลายคนถามฉันว่า เมื่อมีมงกุฎวางอยู่บนหัวแล้ว ฉันได้ตระหนักถึงความสำคัญในข้อใดบ้าง แน่นอนว่าฉันได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ที่จะต้องทำประโยชน์เพื่อสังคมและโลกใบนี้ แต่เหนือไปกว่านั้นฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีหน้าที่ที่ต้องทำก็เท่านั้น โปรดอย่ามองว่าฉันเป็นคนที่มีตำแหน่ง มีสายสะพาย หรือมีมงกุฎอยู่บนหัว หรือมองว่าฉันอยู่สูงเกินกว่าใคร เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิต”