posttoday

คู่ข่าว ‘หยิน-หยาง’ ซี้ต่างขั้ว

14 พฤศจิกายน 2558

หากเอ่ยถึงคู่หูดูโอคนข่าวที่ดำเนินรายการได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เจาะลึก ขยี้ บี้ คั้นอารมณ์ผู้เสพเวลานี้คงเป็นใครไม่ได้

โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์

หากเอ่ยถึงคู่หูดูโอคนข่าวที่ดำเนินรายการได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เจาะลึก ขยี้ บี้ คั้นอารมณ์ผู้เสพเวลานี้คงเป็นใครไม่ได้นอกเสียจาก “เสถียร วิริยะพรรณพงศา”และ “มนัส ตั้งสุข” 2 พิธีกรข่าว ที่ทำให้ข่าวธรรมดากลาย “เป็นเรื่องเป็นข่าว” ของสถานีโทรทัศน์ช่อง PPTV จะมาเล่าเบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างกัน ก่อนจะมาเป็นเพื่อนสุดซี้หน้าจอแก้ว ผ่านเวลาหมักบ่มประสบการณ์ เพื่อให้ข่าวออกมาสมบูรณ์จนได้อรรถรสและสาระ

คู่ข่าว ‘หยิน-หยาง’ ซี้ต่างขั้ว

 

เสถียร วิริยะพรรณพงศา

“ผมรู้จักกับอั๋นมานานประมาณ 10 ปี เพราะเป็นนักข่าวภาคสนามเหมือนกัน เคยเจอกันเวลาทำข่าวบ้าง แต่ไม่ได้สนิทสนมกัน รู้แค่ว่าเป็นใครทักทายตามปกติ แต่พอมาอยู่ทำงานที่ทีวีช่องเดียวกัน เลยรู้ว่าเป็นคนจริงจังในการทำงาน และเป็นสิ่งที่ทำให้คุยกันรู้เรื่อง

สมัยก่อนเราแข่งกันบ้างในเรื่องของงาน แม้เป็นเพื่อนกัน เพราะว่าอยู่คนละองค์กร ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ตัวเอง และเมื่อวันหนึ่งเราได้มาร่วมงานกันจริงๆ ทำให้มั่นใจว่าคนที่ยืนอ่านข่าวข้างๆ นั้นเข้าใจข่าวและเวลาพูดต่อข่าวกันเข้าใจ ไม่ต้องมาอ่านบท และอั๋นเป็นคนขยันทำงาน ทำการบ้านเยอะ หาข้อมูลมาประกอบ มีสคริปต์แต่ไม่อ่านจะหาเพิ่ม ทำให้ข่าวมีบริบท คนติดตามเข้าใจมากขึ้น

สิ่งที่ทำให้ประทับใจเวลาร่วมงานกับอั๋น คือ เป็นคนทำให้เรารู้สึกมั่นใจ ตั้งใจทำงาน ขยันหาข้อมูลเพิ่มเติมและที่สำคัญเลย เป็นคนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่ง เนื่องจากเป็นรายการสด ยกตัวอย่างเช่น บางทีตัดภาพไม่ทัน หรือรายงานสดจากพื้นที่สัญญาณไม่มี สกู๊ปตัดไม่เสร็จ เขาจะค่อนข้างคล่อง ทำให้มั่นใจว่ารายการของเราไม่ได้อ่านข่าวตามสคริปต์เหมือนผู้ประกาศข่าวอื่นทั่วไปทำกัน

ตั้งแต่ทำงานร่วมกันมีความเห็นขัดแย้งบ้าง ไม่ถึงขั้นบาดหมางใจ ซึ่งบางครั้งเราอยากได้ประเด็นนี้ แต่เขาอยากได้อีกมุมหนึ่ง ซึ่งสุดท้ายแก้ปัญหาด้วยการใช้ทีมงานทั้งหมดมาร่วมลงความเห็น เพราะรายการนี้ไม่ได้แค่โปรดิวเซอร์กำหนด แต่ต้องรวมถึงพิธีกรในการเลือก หลายครั้งก็มองไม่ตรงกัน คือ สไตล์ข่าวเราไม่ค่อยเหมือนกัน อั๋นชอบแบบซอฟต์ๆ เราค่อนข้างฮาร์ดคอร์

แต่อั๋นเป็นทั้งนักข่าวและผู้ประกาศ ทำรายการเยอะ มองข่าวอีกแบบ เราปะทะทางความคิดกันบ่อย เช่น เรื่องบั้งไฟพญานาค คือเราต้องการถกเถียงให้เด็ดขาดว่าเรื่องนี้เกิดจากอะไร คนทำใช่หรือไม่ หรือว่ามันเกิดจากธรรมชาติ เวทีข่าวต้องดีเบตให้แตกหัก เพื่อให้ประชาชนตาสว่าง แต่อั๋นจะมองว่าเรื่องนี้อาจไปกระทบกับความเชื่อของคนหรือเปล่า ซึ่งอั๋นเป็นคนรอบคอบ ถือเป็นจุดเด่น แม้สไตล์บางอย่างไม่ตรงกันแต่ทั้งหมดทำให้งานเราเดินหน้าได้ด้วยดี รวมถึงทีมงานที่คอยช่วยกัน

หากถามว่าห่วงอะไรในตัวอั๋น คงจะเป็นเรื่องของปัญหาสุขภาพ เพราะพักผ่อนน้อย เนื่องจากงานเยอะ และด้วยฐานะที่อั๋นเป็นหัวหน้าผู้ประกาศข่าวต้องบริหาร ซึ่งหลังๆ ป่วยบ่อย แต่เรื่องข่าวไม่ห่วง เพราะเป็นนักข่าวภาคสนามมาก่อน พูดง่ายๆ เรื่องนี้มันอยู่ในสายเลือด นอกจากอ่านข่าวต้องเป็นหน้าตาของสถานี ถ้าอยากจะฝากคงเป็นเรื่องนี้ แต่ก็รู้ว่ามันไม่ง่าย เนื่องด้วยเรื่องของเวลา”

คู่ข่าว ‘หยิน-หยาง’ ซี้ต่างขั้ว

 

มนัส ตั้งสุข

“เถียรก่อนหน้านี้เคยรู้จักกันในสนามข่าว ซึ่งถือว่านาน แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้มาร่วมงานกันอย่างเต็มตัว เป็นคู่หูในรายการ และหลังร่วมงานกันมา 1 ปี 6 เดือน เห็นเลยว่าเถียรเป็นคนลุยๆ เป็นคนข่าว ซึ่งต่างกับผม เทียบให้เห็นคือ คนหนึ่งจะเป็นหยินและอีกคนหนึ่งเป็นหยาง ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งขาว คนหนึ่งดำ เขาจะแรง ผมแนวตบให้อยู่ในกรอบ

เวลาทำงาน เราทั้งคู่ถูกฝึกมาต่างกัน คือ ผมมาในฐานะผู้ประกาศ ไม่ใช่ผู้สื่อข่าว แต่ก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน อาจจะไม่เท่ากับเถียร แต่หน้าจอเขามาขอความรู้เรา เพราะผมเป็นหัวหน้าผู้ประกาศ ดังนั้นจะมาดูและคอยเติมให้ที่ขาด แต่ถ้าข่าวบางเรื่องผมจะพึ่งเขา แต่หลายคนมองว่าไปกันไม่ได้ เพราะคนละมุม เจอกันต้องต่อยแน่ ซึ่งพอสุดท้ายผ่านไประยะหนึ่ง ได้เรียนรู้ว่านี่คือตัวตนเขา เราต้องยอมรับในความเป็นตัวตน ไม่อย่างนั้นหากเราไม่เปิดก็ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้

เถียรถือว่าเป็นคนที่มีความชัดเจน มีตัวตน แต่ต้องคอยตบ เช่น บางเรื่องแรงไป ไม่ได้นะ บางอย่างมันมีกรอบจะไปแต่เยอะไม่ได้ แต่จะช่วยบอกในฐานะที่มีประสบการณ์ด้านทีวี และที่สำคัญ เถียรค่อนข้างจุกจิกจู้จี้ คือคนอื่นทำงานเสร็จแล้ว แต่อีก 10 นาทีเถียรจะมาขอแก้ แต่สิ่งที่เถียรบอกให้แก้ คือมันใช่ มันถูก เลยถามทีมงานแก้ทันไหมถ้าไม่ทันก็ไม่เป็นไร คราวหน้าจำไว้เป็นบทเรียน ซึ่งตอนนี้ทีมงานทุกคนดีขึ้น เพราะตอนเถียรมาใหม่ๆ ทุกคนอาจยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง เพราะด้วยบุคลิกเขาเป็นคนตรง แต่ตอนนี้ทุกคนโอเค

เวลาทำงานร่วมกัน เถียรบางครั้งอาจจะหลุดบ้าง แต่เรื่องนี้ปรับกันได้ รู้ว่าตื่นเต้น เขาคิดสคริปต์ที่จะพูด ซึ่งใหม่ๆเป็นกันทุกคน แต่การเล่าข่าวจำเป็นต้องจูนให้ตรงกัน ไปกันได้ซึ่งแบบนี้ต้องใช้เวลา แต่หลังๆ เขาเริ่มปรับตัว รู้แล้วว่าเราจะพูดตรงนี้ ถ้าคนหนึ่งเงียบเดดแอร์ออกอากาศ จะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น แต่ที่แปลกเลย คือ เถียรชอบร้องเพลงในรายการเวลาพัก หรือเต้นให้คนขำ 

อีกอย่างเราชอบถกเถียงในเรื่องประเด็นข่าว โดยเฉพาะในกรุ๊ปไลน์ ซึ่งเชื่อว่าทุกสำนักข่าวคงต้องมี คือบางเรื่องมันผ่าน มันตก เพราะเถียรเป็นบรรณาธิการข่าว ผมเป็นบรรณาธิการข่าวในรายการ จะคุยกันเรื่องนี้เอาไหม ใครเหตุผลเหนือกว่า ปัจจัยแวดล้อมดีกว่า คนนั้นก็ตกไป จบในเกม 

ห่วงอะไรในตัวเถียร เรื่องงานคงตัดไปได้เลย เพราะรู้สไตล์อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้เขาปรับตัวได้ดีขึ้น แต่ที่ห่วงจริงๆ คือเรื่องส่วนตัวเลย คือ ไม่ค่อยมีเวลาให้ตัวเอง และมักชอบมีข้ออ้างว่าไม่มีเวลา คือตัวผมชอบเข้ายิม ดูแลสุขภาพ แต่มุมของเถียรตั้งแต่เจอมา ไม่เคยเห็นออกกำลังกาย และขี้โรคมาก เจอหน้ากันทีไรก็จะมาขอยา อย่างเช่นความดันสูงมาก คอเลสเตอรอลสูงมาก ทำยังไงดี เลยสรุปบอกเถียรไปคำเดียวให้ออกกำลังกาย ซึ่งล่าสุดมีข่าวดีว่าไปสมัครฟิตเนสแล้ว แต่เล่นได้ 2 วันเลิก เพราะไม่มีเวลาไป แต่เข้าใจว่างานเถียรเยอะ แต่ก็พยายามเชียร์ให้ไปทุกวัน ถ้าจะห่วงคงเป็นเรื่องนี้มากที่สุด”

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี