‘ช้างศึก’ ขยับใกล้บอลโลก
อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง วงการลูกหนังไทยอาจต้องจารึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ
โดย...มิวโกโตะ
อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง วงการลูกหนังไทยอาจต้องจารึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เพราะหากช่วงหัวค่ำวันนี้ขุนพล “ช้างศึก” เอาชนะ ไต้หวัน สำเร็จ เราจะขยับเข้าใกล้คำว่าฟุตบอลโลกอีกครั้ง
ไทย VS ไต้หวัน
สนาม : ราชมังคลากีฬาสถาน
เวลา : 19.00 น.
เงื่อนไขเข้ารอบหากทีมชาติไทยคว้าชัยเหนือไต้หวัน จะมีคะแนนเพิ่มเป็น 13 แต้ม โอกาสเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย มีเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้านัดสุดท้ายเราไม่แพ้อิรัก ณ กรุงเตหะราน วันที่ 24 มี.ค.ปีหน้า ไทยจะการันตีแชมป์กลุ่มเอฟทันที
กรณีไทยทำได้แค่เสมอกับไต้หวัน จะมีเพิ่มเป็น 11 แต้ม ยังมีลุ้นเข้ารอบเช่นกัน แต่นัดสุดท้ายต้องลุ้นบุกชนะอิรักเพื่อชิงอันดับ 1 หากจบเสมอ 12 คะแนนที่เก็บได้ น่าจะโอกาสติด 1 ใน 4 คว้าโควตาอันดับ 2 ที่ดีที่สุดถือว่าสดใส หรือถ้าโชคร้ายพ่ายที่เตหะราน “ช้างศึก” ก็ยังมีลุ้น
หากโชคร้ายพ่ายไต้หวันคาราชมังฯ ไทยจะมี 10 คะแนนเท่าเดิม สถานการณ์จะบีบให้ต้องแชร์แต้มจากอิรักให้ได้ในเกมสุดท้าย เนื่องจากรองแชมป์กลุ่ม 4 อันดับแรก ณ เวลานี้ (กรณีตัดผลงานพบบ๊วยกลุ่มออกแล้ว) อย่าง คูเวต (กลุ่มจี/แข่ง 4 นัด/7คะแนน) ญี่ปุ่น (กลุ่มอี/3 นัด/7 คะแนน) อุซเบกิสถาน (กลุ่มเอช/3 นัด/6 คะแนน) และออสเตรเลีย (กลุ่มบี/3 นัด/6 คะแนน) ชาติเหล่านี้มีโอกาสจบเกิน 10 แต้มสูง เมื่อเล่นครบ 6 นัด
“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย รู้ดีคะแนนจากแมตช์ไต้หวันสำคัญเพียงใด เป้าหมายจึงต้องการ 3 แต้มเท่านั้น เพื่อกุมชะตาเข้ารอบด้วยมือตัวเอง ส่วนปัญหาจัดทัพขาดเพียง “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ร่างจิ๋วที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อย
“ตอนนี้ที่หนักใจที่สุดคือจะจัด 11 คนแรกยังไง ทุกคนพร้อมและอยากที่จะลงเล่นเหมือนกันหมด ซึ่งเกมกับไต้หวันเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะอย่างเดียวเจ (ชนาธิป) หายเจ็บแล้ว แต่ยังมีอาการเสียวอยู่บ้าง เราอาจใช้สรรวัชญ์ เดชมิตร ลงเล่นก่อน ส่วนของผู้เล่นที่มีใบเหลืองคาดโทษอยู่ 8 ราย ไม่ได้เตือนให้ระวังอะไร เพราะกลัวถ้าพูดไปน้องๆ อาจจะเล่นเกร็ง ดังนั้นอยากให้ได้เล่นกันเต็มที่มากกว่า” โค้ชซิโก้ กล่าว
สมมติค่ำนี้ไทยชนะไต้หวัน เราจะขยับเข้าใกล้คำว่าฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 2 ของประวัติศาตร์ เหมือนที่ยุคดรีมทีมนำโดย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์, ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล, สุรชัย จิระศิริโชติ, เสกสรรค์ ปิตุรัตน์, ตะวัน ศรีปาน, นิเวศน์ ศิริวงศ์ ฯลฯ เคยผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกเมื่อ 14 ปีก่อน
ต่างกันที่รอบสุดท้ายครั้งนี้มี 12 ทีม เนื่องจากโควตาเวิลด์คัพโซนเอเชีย เพิ่มเป็น 4 ทีมครึ่งโดยการแบ่งสายใช้วิธีจับสลาก เป็น 2 กลุ่ม ซึ่งทั้ง 6 ทีมร่วมสายต้องฟาดแข้งแบบพบกันหมด (เหย้า-เยือน) อันดับ 1-2 ได้สิทธิไปลุยฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียอัตโนมัติ ส่วนอันดับสามทั้งสองกลุ่มต้องมาฟัดกันเพื่อหาตัวแทนไปเพลย์ออฟกับโซนคอนคาเคฟ
ด้านผู้มาเยือนมี เฉินปอเหลียง เจ้าของฉายา “ซีดานแห่งไทเป” เป็นตัวชูโรง ทว่าอาจไม่ได้โชว์ลีลาพลิ้วเท่าที่ควร เนื่องจาก เฉินกุ้ยเจิน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไต้หวัน ออกตัวทีมเป็นรองพอสมควรเกมนี้จึงเน้นรับเต็มตัวเพื่อหวังแบ่งแต้มกลับไป นั่นยิ่งทำให้แนวรุกไทยลำบากกับพื้นที่เข้าทำที่มีจำกัด แต่โค้ชซิโก้เผยเตรียมหมัดเด็ดไว้เจาะตาข่ายเรียบร้อย
ความน่าจะเป็น : การขาดนักเตะสร้างสรรค์เกมอย่างชนาธิป ย่อมส่งผลต่อแนวรุก เพราะไทยจะไร้นักเตะแม่เหล็กสำหรับการดึงตัวประกบจากคู่แข่ง ทางแก้คือต้องใช้บอลจังหวะเดียวมากขึ้น เพื่อหาช่องเจาะประตู ดังนั้น สารัช อยู่เย็น, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคล ทศไกร, ปกเกล้า อนันต์, สรรวัชญ์ เดชมิตร ต้องช่วยกันพาบอลไปสนับสนุน ธีรศิลป์ แดงดา ให้ได้มากที่สุด รวมถึงต้องพึ่งความแม่นยำลูกเซตพีซของ “กัปตันอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน
สกอร์ที่คาด : ไทย ชนะ 2-0


