posttoday

วัยรุ่น ‘เจน มี’ กับธุรกิจสร้างเงินล้าน

09 พฤศจิกายน 2558

หลายคนอาจสงสัยว่าจะมีวัยรุ่นสักกี่คนที่หาเงินล้านได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยทุนรอนมหาศาลของพ่อแม่

โดย...ภาดนุ/มัลลิกา/กาญจนา ภาพ : คลังภาพโพสต์ทูเดย์

หลายคนอาจสงสัยว่าจะมีวัยรุ่นสักกี่คนที่หาเงินล้านได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยทุนรอนมหาศาลของพ่อแม่ แต่มันเกิดขึ้นแล้วกับวัยรุ่นยุคนี้ที่เรียกตัวเองว่า “เจน มี” (Generation Me) เพราะพวกเขาสามารถสร้างธุรกิจที่ทำให้พวกเขากลายเป็นวัยรุ่นเงินล้านได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน

โซเชียลมีเดียสร้างเงินล้าน

“ก๊าซ-สุรพิชญ์ ภาคาหาญ” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วัย 21 ปี คนนี้เป็นนักธุรกิจหนุ่มอายุน้อยที่เป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง “ไฟด์ เทค กรุ๊ป” บริษัทด้านการผลิตแอพพลิเคชั่น เกมออนไลน์ และสื่อมัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งสร้างมูลค่าทรัพย์สินให้เขานับสิบๆ ล้านบาท แต่ทุกอย่างต้องมีที่มา ลองไปฟังจากเจ้าตัวกันเลย

“ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิด ผมเริ่มทำธุรกิจมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.5 โดยนำเงินเก็บของตัวเองมาลงทุนทำธุรกิจขายครีมผ่านทางโซเชียลมีเดียก่อน จากนั้นก็มาเป็นนายหน้ารับผลิตครีมกับทางโรงงาน ตามด้วยการเป็นนายหน้าซื้อขายรถยนต์มือสอง เปิดบริษัท ไฟด์ เทค กรุ๊ป และสถาบันสอนด้านการลงทุน Secret 2 Rich (เคล็ดลับสู่ความรวย) รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับหุ้น อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจวินรถตู้ การที่ผมเคยทำงานในวงการบันเทิงมาบ้าง ผมจึงมีคอนเนกชั่นที่ทำให้ได้รู้จักกับผู้คนหลากหลายอาชีพ จนต่อยอดเป็นธุรกิจต่างๆ ตามมา”

ก๊าซ เผยว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจโซเชียลมีเดียของ “ไฟด์ เทค กรุ๊ป” เกิดจากการที่เขาปิ๊งไอเดียชักชวนเพื่อนๆ มาร่วมหุ้นกันตั้งบริษัทรับทำเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น เกมออนไลน์ และสื่อมัลติมีเดียต่างๆ ขึ้นมา โดยตัวเขารับหน้าที่บริหารจัดการและเป็นคนรับงานจากลูกค้ามาเข้าบริษัทให้เพื่อนๆ ช่วยกันทำอีกที

วัยรุ่น ‘เจน มี’ กับธุรกิจสร้างเงินล้าน ก๊าซ-สุรพิชญ์ ภาคาหาญ

“การทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ที่อายุเท่ากัน แรกๆ ก็มีอุปสรรค เพราะแต่ละคนจะมีแนวคิดที่แตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา ก็มีการถกเถียงหรือทะเลาะกันบ้าง แต่ในที่สุดก็ใช้การโหวตเสียงข้างมากเพื่อหาข้อสรุปจนได้ บริษัทของเราจะแบ่งการทำงานออกเป็นทีม โดยมีทีมแอพพลิเคชั่นหนึ่งทีม ทีมเกมออนไลน์หนึ่งทีม และทีมค้นหาพรสวรรค์ทางธุรกิจหนึ่งทีม ซึ่งจะมีเพื่อนๆ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังมาร่วมมือกัน”

ก๊าซ บอกว่า เมื่อธุรกิจหนึ่งประสบความสำเร็จ เขาก็ต่อยอดด้วยการเปิดสถาบันสอนด้านการลงทุน Secret 2 Rich ขึ้นอีก โดยเป็นธุรกิจอบรมให้ความรู้ลูกค้าในเรื่องการลงทุนทุกอย่าง อาทิ การเล่นหุ้น การลงทุนทอง และอื่นๆ ด้วยโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า “ซีเคร็ททู ริช” มีผู้คนให้ความสนใจเข้าอบรมแล้วกว่า 5,000 คน ทั้งสาขาที่กรุงเทพฯ และสาขาต่างจังหวัด

“แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของผมเกิดจากความชอบส่วนตัว เพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือด้านการลงทุนและชอบศึกษาด้วยตัวเอง ที่สำคัญผมกล้าที่จะลงทุน ตอนนี้ผมจึงมีทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ซื้อขายรถยนต์มือสอง (Best Used Car) และธุรกิจวินรถตู้ด้วยครับ และในอนาคตผมก็คิดที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้านจัดสรรอยู่เหมือนกัน”

ก๊าซ ทิ้งท้ายว่า การเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาอยู่ในแวดวงธุรกิจเมืองไทยได้นั้น จะมีแค่ความเก่งอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีคอนเนกชั่นที่ดีด้วย เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ…“ผมว่าลองคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ สัก 100 คนสิ ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าอะไรให้กับพวกเขา ผมเชื่อมั่นว่าคุณต้องขายได้แน่นอน”

ขายครีมออนไลน์

เป็นเศรษฐีก่อน 20

“มิ้ว-รัญชิดา กมลฉัตรนิธิ” สาวน้อยหน้าใสในวัยเพียง 15 ปี สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองมีเงินแสนได้ และมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหลักล้านในตอนนี้ที่เธออายุได้ 18 ปี จากการทำธุรกิจขายครีมออนไลน์

มิ้วเป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ตื่นเช้ามาก็ไปเรียน พอเลิกเรียนก็ทำงานหาเงิน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่อยู่ชั้น ม.2 จนตอนนี้เธออยู่ ม.6 จึงเป็นเวลากว่า 4 ปี ที่มิ้วต้องทำหน้าที่ “นักเรียน” กับ “แม่ค้า” สลับกันไป วัยรุ่นหลายคนบ่นว่าไม่มีเวลา การบ้านเยอะ เรียนหนัก จะเอาเวลาที่ไหนมาช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ แต่มิ้วก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า คนเรามีเวลาเท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหน

ครอบครัวมิ้วรับงานก่อสร้างก็ไม่ถึงกับยากจน แต่เมื่อเจอวิกฤตงานจ้างน้อย รายได้ขาดหาย มิ้วในวัย 15 ปี จึงมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม

“ตอนนั้นหนูเอาเสื้อผ้าตัวเองโพสต์ขายในเฟซบุ๊ก เริ่มจากเราอยากมีเงินไว้ซื้อของเองโดยไม่ต้องขอพ่อแม่ เพราะช่วงนั้นจำได้ว่าน้ำท่วม งานที่บ้านก็ไม่ค่อยมี ลูกค้าที่ซื้อก็เพื่อนๆ กัน ตอนนั้นขายได้เงินมาก็ใช้ไป พอของหมดก็ขอเงินพ่อ 3,000 บาท ไปซื้อเสื้อผ้าที่ประตูน้ำมาขาย แล้วหนูก็เริ่มรักสวยรักงามเลยซื้อครีมมาใช้ ลองใช้หลายอย่างจนไปเจอตัวที่ดี ก็เลยคิดว่าเราน่าจะขายเอง”

จากแม่ค้าขายเสื้อ มิ้วผันตัวเองมาขายครีม แถมยังฉลาดในการบริหารเงินลงทุน ไม่ต้องควักเนื้อตัวเองสักบาท “ตอนแรกหนูใช้วิธีพรีออร์เดอร์ พอลูกค้าสั่งแล้วโอนเงินมาก่อน หนูก็ไปซื้อมาส่งให้ จาก 50 กระปุก ก็เพิ่มเป็นหลายร้อยหลายพันกระปุก จนหนูเริ่มมีเงินเป็นก้อน เลยคิดว่าเราน่าจะผลิตเองโดยจดทะเบียน อย. ในชื่อของแม่”

แบรนด์สินค้าของเธอชื่อ “แฟรี่มิลค์กี้” เน้นขายในออนไลน์ ทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ไลน์ ใช้ช่องทางการตลาดที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่มีกำลังทรัพย์น้อย โดยใช้ตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์และให้เพื่อนๆ ช่วยรีวิวสินค้าจนได้รับการบอกต่อ

วัยรุ่น ‘เจน มี’ กับธุรกิจสร้างเงินล้าน มิ้ว-รัญชิดา กมลฉัตรนิธิ

 

“จากไม่ได้ลงทุนก็มีเงินเก็บมาเรื่อยๆ ช่วงแรกเดือนละ 5 หมื่นบาท ที่เหลือก็เอาไปต่อยอดลงทุน ขายได้เดือนนึงก็ประมาณแสนต้นๆ แต่ช่วง 2 ปีหลังก็ประมาณเดือนละแสนปลายๆ หนูให้เงินพ่อแม่เป็นเดือน เดือนละ 2-5 หมื่นบาท ให้ตามโอกาสต่างๆ ด้วย อย่างตอนต่อเติมบ้านก็ให้เงินตรงนี้ไป แต่พ่อก็ยังให้เงินหนูไปเรียนเหมือนเดิมวันละ 200 บาท ซึ่งหนูก็ไม่ค่อยได้ซื้ออะไร ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน ถ้าไม่เรียนก็ขายของ ตอบข้อความลูกค้า”

ปัจจุบันนี้มิ้วมีตัวแทนจำหน่ายรับสินค้าไปขายต่อทั่วประเทศ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ก็โดนโกงและต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย…“เมื่อก่อนโดนโกงทั้งเรื่องกล่อง รับเงินไปไม่ส่งของมา โดนใส่ร้ายว่าครีมมีสารสเตียรอยด์ หนูก็เข้าไปตรวจสอบที่กรมวิทย์ฯ ให้เขาพิสูจน์เลยว่าของหนูไม่มี แต่มีคนทำครีมปลอมมาขายแข่ง ซึ่งหนูก็สืบหาจนเจอตัว ปัญหาพวกนี้ทำให้หนูแค่ท้อ เสียใจบ้าง แต่ไม่เคยคิดจะเลิกขายของ

เพราะนอกจากมันทำรายได้แล้ว หนูยังสนุกและมีความสุข หนูรู้สึกชอบการค้าขายมาก แต่เรื่องเรียนหนูก็ให้ความสำคัญ ยังไงก็ต้องเรียนให้จบปริญญาตรี ส่วนธุรกิจตอนนี้มีตัวแทนที่ขายจริงๆ ประมาณร้อยคน พอมีตัวแทนแล้วทำงานสบายขึ้น เราบริหารงานแบ่งตัวแทนเป็นรายใหญ่ให้เขาดูแลรายย่อยอีกทีหนึ่ง ตอนนี้ก็มีจังหวัดละ 2 คน ส่วนเรื่องบัญชีก็ได้คุณแม่มาช่วยดูแลให้หมด ช่วยไปส่งสินค้า ส่วนการแพ็กสินค้าก็ได้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนมาช่วยกัน”

วันนี้มิ้วในวัย 18 ปี มีเงินเก็บจากการเป็นแม่ค้าขายครีมทางออนไลน์หลายล้านบาท ซึ่งสำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเธอเงินจำนวนนี้มหาศาลแล้ว แต่เธอก็ยังจะทำงานต่อไป

“หนูคิดว่าหนูเริ่มต้นช้าไปด้วยซ้ำ ถ้าย้อนเวลาไปได้หนูอยากทำงานให้เร็วกว่านี้ ก็อยากฝากถึงวัยรุ่นว่าให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ส่วนใครที่อยากทำงานแล้วมีเงิน เห็นหนูขายครีมแล้วรวย ก็มาขายครีม แต่ถ้าไม่ได้ชอบ หนูอยากให้ทำอะไรที่เราชอบจริงๆ เพราะมันจะทำได้ดีกว่าทำตามคนอื่น ทุกอย่างต้องใช้ความพยายามและความอดทน ไม่ใช่มาถึงขายแล้วรวยเลย กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ หนูก็เหนื่อยมากๆ แต่มันก็คุ้มค่าค่ะ”

ชีวิตหลังเรียนจบ

ของวัยรุ่นเงินล้าน

เมื่อ 3 ปีที่แล้วใครๆ ก็เรียกสาวน้อย“นานิ-นิจจรีย์ นิธินวกร” ว่าเป็นวัยรุ่นเงินล้าน เพราะเธอสามารถหาเงินจากการเล่นหุ้นครบล้านตอนอายุ 20 ปี และได้เขียนหนังสือเรื่อง “สร้างเงินล้าน ก่อนเรียนจบ” บอกเคล็ดลับการออมและการลงทุนที่เธอพิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้ผลจริง

จนถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 3 ปี นานิก็ยังเป็นวัยรุ่นเงิน (หลาย) ล้านอยู่ แต่ที่เปลี่ยนไปคือ เธอเรียบจบปริญญาตรีและเริ่มทำงานแรกมาได้ 2 เดือน ซึ่งความรู้สึกของเด็กจบใหม่ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วขั้นหนึ่งเป็นอย่างไร ช่างน่าสนใจ

ตอนนี้นานิทำงานอยู่ในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในประเทศไทย ตำแหน่งเซลส์สถาบัน หรือเป็นโบรกเกอร์ให้กองทุนต่างประเทศที่ต้องการลงทุนในไทย นับเป็นงานประจำแรกหลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากฮ่องกง แต่ไม่ใช่การทำงานครั้งแรก เพราะสมัยเรียนเธอก็ฝึกงานในองค์กรใหญ่ เพื่อสร้าง
คอนเนกชั่นและหวังทำงานต่อที่นั่นด้วย

“ระบบการรับคนเข้าทำงานที่ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ต้องไปฝึกงานที่องค์กรนั้นก่อน 1 ปี ซึ่งการรับคนเข้าฝึกงานก็โคตรยากเหมือนกัน ในบริษัทที่นานิไปฝึกมีคนสมัครเป็นพันคน เขาจะเลือกให้เหลือ 30 คน จากนั้นฝึกไป 2 เดือน จะเลือกคนเข้าทำงานแค่ 3-4 คน แต่นานิไม่ได้รับเลือก เพราะพูดภาษาจีนไม่ได้และไม่รู้หุ้นจีน เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว นานิเสียใจยาวต่อเนื่องจนถึงต้นปี แต่ก็กลับมาได้ และกลับมาทำงานที่ไทยก่อน ก่อนจะหาทาง ไปทำงานต่างประเทศ”

วัยรุ่น ‘เจน มี’ กับธุรกิจสร้างเงินล้าน นานิ-นิจจรีย์ นิธินวกร

 

ก่อนออกจากบริษัทเธอได้กลับไปหาเจ้านายเพื่อถามว่าเธอพลาดอะไร นานิ กล่าวว่า ถ้าเราอยากกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เหมือนลูกบอลตกพื้นแล้วเด้งขึ้นสูงๆ ต้องหาจุดบกพร่องแล้วนำมาพัฒนาตัวเอง

“ชีวิตเราไม่ใช่ภาพในอินสตาแกรมหรือในเฟซบุ๊กที่ทุกคนจะโพสต์แต่ภาพมีความสุข อย่างเฟซบุ๊กนานิก็ไม่มีรูปมานั่งร้องไห้ ดังนั้นอย่าอยู่ในโลกโซเชียลแล้วคิดว่าตัวเองห่วย จริงๆ ทุกคนมีจุดห่วย ทุกคนมีช่วงอภิมหาซวย แต่แทนที่จะเสียใจก็ต้องพัฒนาตัวเอง เมื่อโอกาสกลับมาจะได้คว้าไว้ทัน”

เพราะอกหักจากงานที่ฮ่องกง ทำให้เธอมาเจอเจ้านายคนปัจจุบัน คนที่เธอยกให้เป็นไอดอล เพราะความรู้ที่ได้จากการทำงาน 2 เดือน มันมากกว่าสิ่งที่เรียนมาทั้งหมดในมหาวิทยาลัย พิสูจน์แล้วว่าผลตอบแทนหรือเงินเดือนที่ได้รับมันไม่มีค่ามากเท่างานที่ดี เจ้านายที่ดี และต้องเป็นงานที่อยากทำ แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังไม่ทิ้งการลงทุนซึ่งเป็นรายได้หลักอีกทาง

ทัศนะของนานิเห็นว่าคนที่วางแผนการเงินไม่ใช่คนงกหรือคนโลภ เธอมองเงินเป็นการบ้านที่ต้องทำให้เสร็จ บางคนอาจหาเวลาไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาทำก็ได้ แต่ต้องให้เสร็จก่อนเปิดเทอม เหมือนกับชีวิตจริงที่ต้องมีเงินก่อนวัยเกษียณ

ทว่า ความสุขของเธอไม่ใช่ตัวเงิน แต่คือการทำตามสิ่งที่วางแผนไว้สำเร็จ มีเวลาอยู่กับครอบครัวและคนที่รัก “เมื่อก่อนบ้านไม่ได้มีเงินมากมาย พอหาเงินได้เอง ซื้อคอมพ์เองได้ ตอนนั้นรู้สึกโคตรฟิน แต่ฟินอยู่แค่ 3 วัน โอเคมันก็แค่คอมพิวเตอร์ ความสุขที่อยู่นานกว่านั้นมันคือ ความสุขจากครอบครัว เพื่อน คนรัก และจากการให้คนอื่น” วันนี้นานิให้ทุนการศึกษานักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ 2 คน ซึ่งจะสนับสนุนไปเรื่อยๆ เท่าที่ตัวเองจะให้ไหว

นอกจากนี้ ไอดอลวัยรุ่นคนนี้ยังฝากเคล็ดลับ 4 ข้อสู่ความสำเร็จ หนึ่ง อย่าโยนความรับผิดชอบให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัย เรามีหน้าที่รับผิดชอบตัวเอง จักรวาลนี้จะให้รางวัลแก่คนที่สมควรได้รับเท่านั้น ดังนั้นต้องควบคุมชีวิตตัวเอง สอง อย่าหมิ่นเงินน้อย เพราะคุณค่าแท้จริงของการทำงานคือความรู้ที่ได้จากงาน ถ้ายังคิดแต่เรื่องเงินอยู่ก็จะไม่โตเสียที สาม เวลายังเหลือเฟือ อย่ากลัวเสียเวลา อย่างนานิเรียนช้าไปปีครึ่ง เพราะใช้เวลาไปออกค่าย ไปหาเพื่อนต่างประเทศ ดังนั้นต้องออกไปหาประสบการณ์ที่มันเกี่ยวข้องกับความฝันของตัวเอง และสุดท้าย อย่าแบบแผนเกินไป การวางแผนมากไปทำให้ไม่มีความสุขกับปัจจุบัน เพราะเรามัวแต่มองไปข้างหน้าจนลืมมองข้างๆ และลืมดื่มด่ำกับความสุขในวันนี้

นานิ วัย 23 ปี กำลังเข้าสู่ช่วงต่อไปของชีวิต ทว่าความฝันของเธอยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ อยากใช้ชีวิตให้มีความหมายและพยายามทำให้สำเร็จในทุกระยะ เพื่อให้รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตใช้คุ้มแล้ว

ข่าวล่าสุด

สูตรไลฟ์ขายของจาก “จูน-กษมา–เชน ธนา”ทำยังไงให้ขายได้ ไม่ใช่แค่มีคนดู