เสียงจากขุนพลทีมชาติไทย “...ขอบคุณและขอโทษ...”
โดย...ช้างสาร
โดย..ช้างสาร
แม้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกลุ่มเอฟ นัดที่สาม ระหว่าง ไทย – อิรัก จบลงด้วยสกอร์สุดระทึกสองประตูต่อสอง พร้อมกับสร้างบรรยากาศครบทุกรส
“ ซึมเศร้าเกือบหมดหวัง - พลิกฟื้นตื่นเต้น – จบด้วยความชื่นชมประทับใจ น้ำตาคลอเบ้า “
ทว่าในส่วนของนักเตะ ที่ลงกรำศึกในสนาม พวกเขาต้องแบกรับภาระความกดดัน จากความคาดหวังของแฟนบอล โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ รวบรวมความคิดเห็นของขุนพลทีมชาติไทย ที่ได้โพสต์ข้อความแสดงความรู้สึก ลงในอินตราแกรม มานำเสนออีกครั้ง
คนแรก ”เอ็ม” สุทธินันท์ พุกหอม กองหลังทีมชาติไทย ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความผิดพลาดปล่อยให้อิรักเบิกทวารประตูแรก อย่างไรก็ตามหากติดตามการเล่นของเขาสาเหตุของความผิดพลาด เพราะการทุ่มเทจนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองต้องตัดสินใจเปลี่ยนตัว
การบาดเจ็บของสุทธินันท์ ด้วยอาการกล้ามเนื้อกระตุกยังส่งผลให้พักรักษาตัว ไม่สามารถเล่นให้สโมสรชลบุรี เอฟซี ในศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ที่จะเริ่มระเบิดแข้งกันใหม่ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 ก.ย.นี้
เจ้าเอ็ม โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมส่วนตัว suttinun_m6 ว่า "ผมต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติอิรัก จนเต็มสนามราชมังคลาฯ เป็นบรรยากาศที่ผมจะไม่ลืมเลยว่าครั้งนึงเคยได้เล่นฟุตบอลที่นี้และบรรยากาศแบบนี้"
"อีกหนึ่งสิ่งที่ผมอยากขอโทษแฟนบอลทุกคนคือผมไม่สามารถเอาฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดออกมาแสดงให้เห็นได้เพราะเนื่องจากผมได้มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อกระตุกบริเวณต้นขาข้างขวาในช่วงต้นครึ่งแรกผมขอโทษครับและผมจะทำตัวเองให้ดีกว่านี้ครับ ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด"
เช่นเดียวกับ "ก้อง" เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ปีกซ้ายจากสโมสรชลบุรี เอฟซี โพสต์ข้อความลงในไอจีส่วนตัว kongkroekrit ขอโทษแฟนบอลไทยเช่นเดียวกัน รวมทั้งยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับฟอร์มของตัวเองด้วย
รายที่สาม “ ตังเชือกวิเศษ ” สารัช อยู่เย็น มิดฟิลด์ตัวรับ ที่ถูกทุกสายตาจับจ้องเขา ในจังหวะที่สกัดลูกจากแดนหลังไม่เคลียร์ จนผู้เล่นอิรักส่งลูกให้ “มามู๊ด” กองหน้าตัวเก๋าอิรัก หลุดเข้าไปยิงประตูที่สอง
สารัช ให้สัมภาษณ์ทาง MTUTD.TV ว่า " ยอมรับเลยครับว่าจังหวะนั้นผมต้องรับผิดชอบคนเดียว มันเกิดจากการที่ผมออกบอลช้าไป ผู้เล่นของเขา (อิรัก) ก็เลยมีเวลาวิ่งเข้ามาบล็อก สุดท้ายเราเลยเสียประตูที่ 2"
"ความรู้สึก ณ วินาทีนั้นมันเคว้งคว้างไปหมด ผมทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องเหนื่อยขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้แฟนฟุตบอลชาวไทยผิดหวัง มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมา แต่ผมก็ต้องเก็บมันไว้และตั้งสมาธิกับเวลาที่เหลืออยู่ ตอนที่เราตีเสมอเป็น 2-2 ได้ ดีใจมากๆ ทว่ามันก็ไม่ทำให้ผมลบแผลในใจได้อยู่ดี"
"ต้องขอโทษทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีมหรือแฟนๆ ความผิดพลาดในครั้งนี้คือประสบการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืม มันจะคอยสอนผมให้จดจำว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ ผมจะพยายามลืมมันให้เร็วที่สุด จากนี้จะมุ่งมั่นฝึกซ้อมให้หนักขึ้นอีกเท่าตัวและตั้งเป้าหมายด้วยการพาพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้"
มาที่”กัปตันอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ยิงจุดโทษสร้างแรงฮึดให้ช้างศึกมีพลังความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ได้โพสต์ข้อความว่า "ในปีหน้าที่เราจะไปเยือน อิรัก ผมคิดว่าทีมชาติไทยจะแข็งแกร่งกว่าตอนนี้ เพราะเราจะได้ ชนาธิป และ ชัปปุยส์ กลับมา" "ผมเชื่อว่าการไปเยือนอิรัก เราจะไม่แพ้แน่ ส่วนจะเสมอหรือชนะนั้น ก็ต้องไปลุ้นกันอีกที"
"สุดท้ายผมอยากขอบคุณแฟนบอลชาวไทยมากๆ พวกคุณคือส่วนสำคัญที่ทำให้เราสามารถไล่ตีเสมออิรักได้"
ส่วนรายสุดท้าย แม้ไม่ได้ลงสนามเนื่องจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ แต่ก็มีเสียงเรียกร้องให้เขากลับมาช่วยทีมชาติในการเดินทางไปทำศึก กับเวียดนาม 13 ต.ค.นี้
นั่นคือ “เจ้าเจ” ชนาธิป สรงกระสินธิ์ โพสต์ข้อความสั้นๆ หลังเกมส์ไทย-อิรัก จบลงอย่างตื่นเต้น “ เอาเว้ย สะใจๆชิพหาย ไทยแลนด์&<0084;”
ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกก้นบึ้งจากหัวใจของผู้แบกภาระในนาม"ทีมชาติไทย" เชื่อเหลือเกินว่า แฟนบอลชาวไทยที่ติดตามความทุ่มเทสู้ไม่ถอยของพวกเขาเหล่านั้นก็อยากโพสต์ข้อความไปถึงเช่นเดียวกัน
“ถึงผลการแข่งขันเป็นอย่างไร ในเมื่อทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว พวกเราจะยืนหยัดเคียงข้างคุณตลอดไป ” โพสต์จากใจและศรัทธา


