สุภัทราพร ตันอธิคม กับอุบัติเหตุของชีวิต
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ชีวิตของ ไหม-สุภัทราพร ตันอธิคม อดีตแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่ง
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ชีวิตของ ไหม-สุภัทราพร ตันอธิคม อดีตแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่ง กลับต้องมาพบเจออุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด
แต่เธอก็มีชีวิตรอดได้มาจนถึงทุกวันนี้
“เรื่องราวเกิดขึ้นกับไหมในช่วงเดือน พ.ค. ปี 2542 ซึ่งก่อนหน้านั้นไหมทำงานหนักมาก ทำแบบไม่ได้หยุดพัก พอถึงจุดหนึ่ง ไหมเลยอยากเที่ยว อยากพักผ่อน เลยชวนเพื่อนๆ ประมาณ 7-8 คน ไปเที่ยวทางใต้กัน เรานั่งเครื่องบินไปลง จ.นราธิวาส แล้วนั่งรถตู้ล่องขึ้นมาเรื่อยๆ เราเที่ยวกันแบบแนวค่ำไหนนอนนั่น ไม่มีการแพลนใดๆ ล่วงหน้า”
ก่อนเกิดเหตุ สุภัทราพร เผยว่า มีเพื่อนๆ บางส่วนบินกลับแล้ว เพราะติดธุระ “เหลือไหมกับเพื่อนอีก 3 คนที่ยังอยู่ต่อ จนวันที่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เราออกเดินทางจาก จ.ชุมพร ประมาณ 6 โมงเช้า เพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ วันนั้น ไหมนั่งอยู่ด้านขวา หลังคนขับรถ ซึ่งก็แปลกใจที่ที่นั่งตรงนั้นไม่มีเข็มขัดนิรภัย นอกนั้นมีหมด ซึ่งตอนนั้นไหมคิดแค่ว่า มีก็คาด ไม่มีก็ไม่เป็นไร คิดในแง่ดีว่ามันคงไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหรอก”
ระหว่างทาง สุภัทราพรก็ดูทางมาตลอด ไม่ได้หลับ “ไหมจำได้ว่า วันนั้นฟ้าครึ้ม ฝนตกเป็นระยะๆ พอรถตู้ที่เรานั่งวิ่งมาจนมาถึง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จังหวะที่ไหมก้มลงเก็บของที่หล่นลงไปที่พื้น ไหมก็ได้ยินเสียงคนขับรถร้องเสียงดังขึ้นมา ไหมเลยเงยหน้าขึ้นมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไหมก็ได้เห็นว่าคนขับรถหักหลบไปทางซ้าย เพราะมีรถคันหนึ่งพยายามแซงขึ้นมา แต่แซงไม่พ้น เขาเลยหักหลบเพื่อรถจะได้ไม่ชนกัน แต่การหักหลบ เขาดันแตะเบรกด้วย รถเลยหมุนเป็นวงกลม ทำให้รถพลิกคว่ำตกลงไปไหล่ทาง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก ก่อนสลบไหมได้ยินเสียงกระดูกหักดังแกร๊ก หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับรู้อะไรอีกเลย”
เกิดอุบัติเหตุได้ไม่นาน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งกางร่มมาปลุกเธอ ตะโกนเรียกเธอว่า คุณผู้หญิงๆ ตื่นครับ ตื่น เป็นยังไงบ้าง “พอไหมตื่นขึ้นมา ไหมบอกเขาไปว่า ไหมขยับตัวอะไรไม่ได้เลยนะ รู็สึกปวดก้านคอและแขนขาชาไปหมด มือเท้าหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินมาถ่วงไว้ สงสัยว่ากระดูกจะหัก เขาเลยบอกไหมว่า คอของไหมกำลังพาดอยู่กับมิเตอร์น้ำที่เป็นปูนซีเมนต์ และก็มีไหมคนเดียวที่กระเด็นออกจากรถ ไหมก็ไม่รู้ว่ากระเด็นออกมาได้ยังไง ส่วนคนอื่นๆ ติดอยู่ในรถที่พังยับยู่ยี่ แต่ละคนก็บาดเจ็บตามๆ กันไปค่ะ”
สักพักมีผู้ชายสองสามคนวิ่งลงมาเพื่อจะมาช่วยสุภัทราพร ตอนนั้นเธอยังพอมีสติอยู่ เธอเลยบอกให้ผู้ชายกลุ่มนั้นอย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น ช่วยไปหาไม้มารองร่างเธอก่อน “คงเป็นเพราะไหมเป็นแอร์ด้วย เลยแม่นยำเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นเขาก็หาไม้มารองร่างไหม แล้วพาไหมขึ้นรถของป่อเต็กตึ๊งไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอ”
พอไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็ได้รักษาอาการเบื้องต้น จากนั้นสุภัทราพรก็ได้โทรศัพท์ไปหาครอบครัวเพื่อบอกเล่าเรื่องราว จากนั้นทางครอบครัวก็ได้ติดต่อขอรถจากทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อส่งตัวเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
“พอไปถึงโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ประมาณ 3 ทุ่ม เขาบอกว่าไม่มีหมอเฉพาะทางด้านไขสันหลังระดับสูง ไม่สามารถผ่าตัดให้ได้ เขาเลยส่งตัวไหมไปรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ซึ่งที่นั่นเขาทำได้เพียงใช้อุปกรณ์ดึงหน้าผาก เพื่อให้กระดูกสันหลังของเราตั้งตรง จำได้ว่า ตอนนั้นเริ่มหายใจไม่ออก ไหมเลยต้องใส่สายออกซิเจนไว้ หลังจากทำการเอกซเรย์ ผลปรากฏว่ากระดูกที่คอหักตรงข้อที่ 4 ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายมาก ทางคุณหมอเกรงว่า หากผ่าตัดให้ อาจจะไม่ปลอดภัย เขาเลยให้ทางครอบครัวลองติดต่อคุณหมอที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งที่นั่นก็รับไหมเป็นคนไข้ ไหมจึงย้ายไปที่นั่นเพื่อทำการผ่าตัด”
หลังจากผ่าตัดเสร็จ สุภัทราพรก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมาอีกวันหนึ่งในห้องไอซียู เธอรู้สึกว่าอาการหนักมือหนักเท้าได้หายไป แต่กลับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งปรู๊ดปร๊าดไปตามตัวของเธอ “เจ็บนะ แต่มันก็ทำให้เรารู้ตัวว่าเรายังไม่ตาย สักพักคุณหมอก็เดินมาดูอาการและเอาฟิล์มเอกซเรย์มาแขวนไว้ที่หัวเตียงเรา ไหมก็เลยได้รู้ได้เห็นว่ากระดูกที่คอข้อที่ 4 หักละเอียด เหลือติ่งไว้นิดนึง ซึ่งเป็นติ่งที่ทำให้ไหมมีชีวิตรอดอยู่ได้ อีกทั้งกระดูกข้อที่ 5 ก็เลื่อนไปด้านหลัง ทำให้ตั้งแต่หัวไหล่ไปถึงปลายเท้าขยับไม่ได้เลย ขับถ่ายไม่ได้ ฉี่ไม่ได้”
ในช่วงพักฟื้น สุภัทราพร เผยว่า คุณหมอพยายามให้เธอฝึกหายใจ เพื่อให้ปอดแข็งแรง “ผ่านไปได้ 3 สัปดาห์ ไหมก็ได้ผ่าตัดที่คอ เพื่อเอาสายออกซิเจนที่ปากมาใส่ที่คอ เพื่อทำให้ไหมสามารถพูดได้ กินข้าวได้ และใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งจะคาดหัวของเรากับตัวของเราด้านบนยึดติดกันไว้ เพื่อช่วยให้คอของเราไม่ขยับ พักฟื้นอยู่ที่นี่ได้เดือนหนึ่ง ไหมก็ย้ายไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลลาดพร้าว โดยใช้สิทธิประกันสังคม โดยพักฟื้นอยู่ในห้องไอซียูเหมือนเดิม อยู่ที่นี่คุณหมอก็ได้มีการเปลี่ยนอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ไหมก็ยังใส่สายออกซิเจนเพื่อฝึกหายใจอยู่ โดยคุณหมอได้มาตรวจเช็กลมหายใจเข้าออกที่คออยู่ตลอดเวลา”
เมื่อสุภัทราพรใช้สิทธิประกันสังคมจนครบ เธอก็ย้ายมารักษาตัวที่สถาบันประสาทวิทยา อยู่ที่นี่สักประมาณสองสามสัปดาห์ เธอก็ย้ายมาฟื้นฟูตัวเองที่ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ “ฟื้นฟูตัวเองที่นี่ประมาณ 1 ปี กับอีก 2 เดือน หลังจากนั้นก็มาฟื้นฟูด้วยตัวเองที่คอนโดมิเนียมนับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยไหมได้ว่าจ้างพยาบาลมาเป็นผู้ช่วยไหม เป็นมือซ้ายมือขวาให้กับไหม”
ทุกวันนี้กำลังกายและกำลังใจของสุภัทราพรดีขึ้นเรื่อยๆ ขยับไหล่และข้อศอกได้เล็กน้อย อีกทั้งมือข้างขวาก็ใช้การได้ดี ที่เหลือก็ยังต้องดูแลกันต่อไป “ไหมสามารถพิมพ์หนังสือทางคอมพิวเตอร์ได้ด้วยนะคะ โดยไหมพิมพ์ตัวหนังสือโดยใช้วิธีเป่าลมหายใจผ่านท่อเล็กๆ ท่อหนึ่งคล้ายมวนบุหรี่มีไส้กรอง ที่ซึ่งเชื่อมต่อกับกล่องสี่เหลี่ยมกล่องหนึ่ง ซึ่งก็เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่งด้วยสายยูเอสบี และมีขาตั้งไว้เชื่อมต่อกับโต๊ะ ไหมเป่าลมเพื่อให้ได้ตัวอักษรบนหน้าจอ จากที่เคยใช้ซอฟต์แวร์ภาษาอังกฤษ ไหมก็ได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ท่านหนึ่ง โดยท่านได้ช่วยไหมค้นหาซอฟต์แวร์ภาษาไทยจนพบเจอ หลังจากนั้นไหมก็พิมพ์งานเป็นภาษาไทยมาจนถึงทุกวันนี้”
นอกจากสุภัทราพรจะมีหนังสือเป็นของตัวเอง ชื่อว่า ไหม...ผู้ไม่ยอมแพ้ในร่างพิการ เธอยังเป็นวิทยากรตามที่ต่างๆ ทำงานด้านสิทธิคนพิการในเมืองไทย และทำงานในศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการ นอกจากนี้เธอยังเรียนหนังสือทางออนไลน์ควบคู่ไปอีกด้วย “ไหมเชื่อว่าไหมทำได้ ไหมไม่เคยหมดกำลังใจค่ะ แม้ไหมจะพบเจอเรื่องราวที่ในชีวิตนี้ไม่อาจลบเลือน แต่ไหมก็ขอเดินหน้าต่อไป เพื่อชีวิตที่ยังเหลืออยู่อย่างมีความสุข”


