ร.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง เวลาคือเครื่องพิสูจน์ตัวเอง
หนุ่มโสดหน้าใสวัย 28 ปี หน้าตาละม้ายคล้ายลูกเสี้ยว เพราะผิวขาว จมูกโด่ง ผมออกสีน้ำตาล
เรื่อง...อณุสรา ทองอุไร / ภาพ...วิศิษฐ์ แถมเงิน
หนุ่มโสดหน้าใสวัย 28 ปี หน้าตาละม้ายคล้ายลูกเสี้ยว เพราะผิวขาว จมูกโด่ง ผมออกสีน้ำตาล เขาชื่อ อ้าย-ร.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง รองสารวัตรกองบังคับการปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ฟังนามสกุลแล้วคุ้นๆ ใช่ไหม ถูกแล้วเขาเป็นลูกชายคนเล็ก (มีพี่สาว 1 คน) ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ย้อนวัยเด็กอ้ายจบชั้นมัธยมที่ 2 จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แล้วไปเรียนไฮสกูลที่ประเทศอังกฤษ แล้วต่อปริญญาตรีด้านสื่อสารการตลาดที่มหาวิทยาลัยบักกิงแฮม แล้วก็ฝึกงานที่นั่นอยู่เกือบปีหลังจบปริญญาตรี เขาเรียนที่ประเทศอังกฤษมา 10 กว่าปี หลังจากนั้นก็กลับประเทศไทยมาทำงานด้านการตลาดอยู่ปีกว่า แล้วจากนั้นก็ไปเรียนปริญญาโทต่อทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอาร์แบค
ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
เขาเล่าว่าตอนที่ไปลองทำงานด้านการตลาดให้กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขาก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ทางที่เขาชอบจริงๆ มาค้นพบว่าเราชอบงานตำรวจชอบงานบู๊ๆ ลุยๆ ไม่ชอบงานนั่งโต๊ะ ชอบความถูกต้องชอบความมีระเบียบวินัย ถึงรู้ว่าเราน่าจะเป็นตำรวจจึงเลือกไปเรียนปริญญาโททางด้านการปกครอง แล้วก็มาสอบเข้าตำรวจ แล้วไปฝึกอบรมนายตำรวจสัญญาบัตรอีก 4 เดือน
เด็กๆ เขาฝันอยากเป็นนักบิน พอโตเป็นวัยรุ่นก็ฝันอยากเป็นนักธุรกิจ ไม่เคยคิดว่าจะอยากเป็นตำรวจเลยตอนเป็นเด็ก เพราะเห็นคุณพ่อทำงานหนักมาตลอด วันหยุดแน่นอนก็ไม่ค่อยมี เป็นงานมวลชนที่ต้องพร้อมออกไปทำหน้าที่ตลอดเวลา ไม่มีวันหยุดเทศกาล
แต่จุดพลิกผันมาเปลี่ยนความคิดเขาอีกครั้ง ตอนจบปริญญาตรีแล้วกลับมาประเทศไทย เขาเริ่มเข้าใจงานของคุณพ่อมากยิ่งขึ้น เห็นถึงคุณค่าในสิ่งที่พ่อทำเป็นงานที่มีเกียรติ รู้สึกว่างานของคุณพ่อมีประโยชน์ทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่งานที่ทำเพื่อตัวเอง “แล้วคุณพ่อก็เป็นคนที่ติดดินสมถะมาก วันหยุดท่านก็อยู่บ้านทำสวน ไม่สะสมอะไรเลย อย่างเดียวที่ท่านชอบทำคือชวนครอบครัวไปตระเวนหาของอร่อยๆ รับประทานนั่นเป็นความสุขอย่างเดียวที่เราเห็นท่านทำมาแต่เด็ก ปลูกต้นไม้ ทำสวน ท่านทำงานชัดเจนตรงไปตรงมามีจุดยืนในการทำงาน พอจบปริญญาตรีแล้วผมก็มองงานของพ่อเปลี่ยนไป จึงทำให้ผมอยากมาเป็นตำรวจ อยากเป็นตำรวจรุ่นใหม่ที่มีภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของประชาชน เป็นงานที่ผมเลือกเอง และตั้งใจทำอย่างดีที่สุด” เขากล่าวอย่างภูมิใจ
2 ปีที่ได้มาทำงานตำรวจก็สนุกได้ลงพื้นที่ได้ลงไปชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้ไปจับผู้ร้ายตามหมายจับตามคดีของกองปราบฯ ได้ไปงานตามนายหลายๆ อย่าง ได้ทำงานแบบเต็มที่ เพื่อนๆ ร่วมงานทุกคนก็น่ารักเป็นมิตรต่อกันดีมากๆ เลย
ต้องพิสูจน์ตัวเอง
การที่มีคุณพ่อเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรนั้น เขาบอกว่าก็คงมีคนจับตามองในจุดนี้ เขาจึงต้องวางตัวให้ดีให้ถูกต้องเหมาะสม “ที่จริงแล้วคุณพ่อก็ไม่เคยผลักดันหรือสนับสนุนให้เป็นตำรวจเลยครับ ตอนที่ผมไปบอกว่าอยากเป็นตำรวจ ท่านยังบอกว่าคิดให้ดีๆ คิดให้รอบคอบนะ งานหนักนะ แน่ใจหรือเปล่าท่านยังถามย้ำ พอผมตอบว่าแน่ ท่านบอกต้องทำตัวให้เหมาะสมนะ พ่อไม่ช่วย ไม่ยุ่งนะ ต้องทำเอง พิสูจน์ตัวเองนะ ท่านพูดจริงทำจริง ไม่คือไม่ ซึ่งผมก็สมัครงานเข้ามาตามระบบและคุณพ่อผมเองก็จะเกษียณปลายปีนี้แล้ว ยังไงผมก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ต้องรักษาหน้าตาของพ่อและรักษาเกียรติของตัวเองให้ใสสะอาดที่สุดอยู่แล้ว เพราะหากทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องจะเสียไปถึงคุณพ่อด้วย ในจุดนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองหนักกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ไม่ใช่ข้อได้เปรียบเลยครับ (หัวเราะ)”
คุณพ่อจะสอนเสมอว่าชีวิตมันต้องอดทนเพื่อที่เราจะได้เรียนรู้สิ่งที่ดีงาม และอย่าทำตัวเป็นวัวลืมตีน เพราะพ่อไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน วันหนึ่งที่เกษียณแล้วก็เหมือนถอดหัวโขนก็เป็นคนธรรมดาแล้ว ดังนั้นต้องทำตัวเองให้เป็นที่ยอมรับด้วยตัวคุณเอง ได้ดีด้วยตนเอง
ร.ต.ท.รชต เล่าถึงแผนงานในอนาคตว่าจะทำงานให้ดีที่สุดตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ และพยายามเป็นตำรวจรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมีภาพพจน์ที่ดี ทำตัวให้เป็นเพื่อนที่ดีและเป็นที่รักของประชาชน ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของตำรวจไม่ค่อยดีงามน่าชื่นชมในสายตามมวลชนเท่าไหร่ จึงพยายามจะทำตัวให้ดีเป็นที่ยอมรับชื่นชมนับถือ ทำงานเพื่อประชาชนมากกว่าทำงานเพื่อตนเอง ขอให้ประชาชนอย่าด่วนตัดสินขอให้โอกาสอย่าโจมตีมองที่ต้นเหตุอย่ามองที่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมันเสมออย่าด่วนสรุปอย่าด่วนตัดสินใจ
การเป็นคนทำงานที่ดีก็คือรู้จักลงมือทำด้วยตัวเอง จะนั่งชี้นิ้วอย่างเดียวก็อาจจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ถูกต้อง ที่สำคัญเราควรจะรับฟังและมองคนอื่นอย่างเข้าใจ มองในมุมของคนอื่นบ้าง ที่สำคัญก็คือต้องนับถือระบบซีเนียริตี้ สังคมไทยสังคมชาวตะวันออกเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ควรให้การยอมรับ
ร่างกายต้องแข็งแรง
เห็นเป็นหนุ่มหน้าใสอย่างนี้เขาชอบเล่นกีฬาหนักๆ เป็นชีวิตจิตใจ ตอนอยู่ที่ประเทศอังกฤษเขาเล่นกีฬารักบี้ของมหาวิทยาลัยเล่นฟุตบอล ยามว่างเขาก็ทำอาหารรับประทานเอง เพราะเบื่ออาหารฝรั่งเมนูเด็ดของเขา คือ ต้มข่าไก่ เขาทำได้ทั้งอาหารไทยอาหารฝรั่งเน้นหนักพวกเมนูของคาว อยู่เมืองนอกทำอาหารกินเองบ่อยมาก มีเพื่อนๆ มากินก็ทำอาหารไทยโชว์ซะเลย
เวลาว่างตอนนี้เขามักจะเข้ายิม ดูหนัง เตะฟุตบอล ซ้อมยิงปืน และอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ หรือหนังสือแนวสงครามบู๊ๆ จะชอบเป็นพิเศษ และหนังสือที่เริ่มสนใจระยะหลังก็คือแนวสุขภาพและหนังสือทำอาหาร “เคยคิดเล่นๆ กับคุณแม่ว่าเราชอบทำอาหารกันตอนนี้คุณแม่ก็ไม่ได้ทำงานแล้ว ท่านก็เหงาเลยจะชวนกันเปิดร้านอาหารดีไหม แต่คุณพ่อแซวว่าอย่าหาเรื่องน่ะเลยพับแผนนี้ไป”
ชีวิตคู่ต้องดูให้พร้อม
ข่าวดีตอนนี้เขายังโสด ตอนอยู่เมืองนอกก็มีคบกับเพื่อนสาวไทยและสาวอังกฤษ แต่ก็เป็นรักกุ๊กกิ๊กแบบวัยรุ่น เวลาที่จะคิดเรื่องครอบครัวไม่ต้องรีบถึงจะช้าแต่ขอให้ชัวร์ดีกว่า ซึ่งเขาคิดว่าสักอายุ 35 ปีค่อยแต่งงานถ้าตอนนี้ยังเร็วเกินไป ต้องพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ หน้าที่การงาน ถ้าทำทุกอย่างอย่างเตรียมการและพร้อมที่สุดผลก็จะออกมาดีเพราะชีวิตคู่เป็นเรื่องที่ต้องดูแลให้ดีที่สุดเพื่อป้องกันความผิดพลาดล้มเหลว เพราะเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ต้องทำให้ดีที่สุด


