posttoday

สุรพิชญ์ ภาคาหาญ ธุรกิจโซเชียล มีเดีย ไปได้อีกไกล

29 มิถุนายน 2558

สุรพิชญ์ ภาคาหาญ หนุ่มนักธุรกิจ "เจน มี" วัย 21 ปี คนนี้ เป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัท ไฟด์ เทค กรุ๊ป (Find Tech Group)

โดย...ภาดนุ ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

สุรพิชญ์ ภาคาหาญ หนุ่มนักธุรกิจ "เจน มี" วัย 21 ปี คนนี้ เป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัท ไฟด์ เทค กรุ๊ป (Find Tech Group) ซึ่งรับทำเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น เกมออนไลน์ และสื่อมัลติมีเดียต่างๆ แหม! ดูจากอายุและหน้าตาใสๆ แล้วก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ ว่าทำไมเด็กยุคนี้ถึงได้เก่งกันซะจริง เห็นทีจะต้องไปพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจของเขาสักหน่อย

“ตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ผมจะเรียนวิศวะ แต่สาขาที่ผมเรียนคือวิศวะอุตสาหการ ที่จะเน้นเรื่องการบริหารจัดการมากกว่า ซึ่งการทำธุรกิจเกี่ยวกับโซเชียล มีเดีย นี้ บอกตรงๆ เลยว่าผมเขียนโปรแกรมไม่เป็นเลยนะ แต่โชคดีที่ผมมีเพื่อนๆ ที่เก่งทางด้านนี้ เพราะพวกเขาเรียนวิศวะคอมพิวเตอร์กัน แต่พวกเขาบริหารจัดการไม่เป็น

ผมเลยเกิดไอเดียในการชักชวนเพื่อนๆ มาร่วมหุ้นกันตั้งบริษัทรับทำเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น เกมออนไลน์ และสื่อมัลติมีเดียต่างๆ ขึ้นมา โดยผมรับหน้าที่บริหารจัดการและเป็นคนรับงานจากลูกค้ามาเข้าบริษัทให้เพื่อนๆ ช่วยกันทำอีกที"

สุรพิชญ์ บอกว่า บริษัท ไฟด์ เทค กรุ๊ป แบ่งการรับงานออกเป็น 3 สาย สายแรกคือ โซเชียล มีเดีย หรือแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะรับงานออกแบบพัฒนาแอพพลิเคชั่นและโลเกชั่น เน็ตเวิร์ก ให้กับร้านค้า บริษัท หน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ที่มาจ้างให้ทำ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้กันภายในองค์กรเท่านั้น รวมทั้งโซเชียล มีเดีย ต่างๆ ที่ทางลูกค้าให้ช่วยดูแลให้ด้วย

“สายที่ 2 คือ เกมออนไลน์ ซึ่งตอนนี้เราก็ดูแลและพัฒนาให้กับสองธุรกิจใหญ่ คือ ศูนย์ความงามชื่อดัง และชาเขียวพร้อมดื่มชื่อดัง ซึ่งธุรกิจใหญ่ทั้งสองเจ้านี้กำลังพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อแข่งขันกับรายอื่นๆ อยู่ครับ แต่หน้าตาของเกมออนไลน์เหล่านี้จะเป็นยังไง คงต้องคอยติดตามกันต่อไป เพราะตอนนี้ยังเป็นความลับของลูกค้าอยู่ (ยิ้ม)

สุรพิชญ์ ภาคาหาญ ธุรกิจโซเชียล มีเดีย ไปได้อีกไกล

 

สายที่ 3 คือ "ไฟด์ ทาเลนต์" หรือการค้นหาบุคคลที่มีพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจ โดยเราจะเปิดรับสมัครและจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาบุคคลเหล่านี้ มีการเก็บตัวเหมือนการเข้าค่าย ถ้าเราเห็นแววว่าใครมีไอเดียที่โดนใจ เราก็จะชวนให้มาร่วมงานกับเรา โดยเราจะเป็นผู้ลงทุนในการทำธุรกิจนั้นให้ นอกจากนี้ ยังมีงานเพื่อการกุศลโดยไม่หวังผลกำไร นั่นคือแอพพลิเคชั่นบริจาคอวัยวะให้สภากาชาดไทย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่กำลังทำม็อกอัพอยู่ครับ”

เป็นนักธุรกิจอายุน้อยที่มีมุมมองทางธุรกิจกว้างไกลขนาดนี้ เท่าที่ผ่านมามีอุปสรรคหรือเรื่องยากในการทำงานบ้างมั้ยนะ “ผมมองว่าการเฟ้นหาคนมาทำงานกับบริษัทนั้นไม่ยาก แต่พอพวกเขาเข้ามาร่วมงานกับเราจริงๆ แล้วจะยาก เพราะแต่ละคนจะมีแนวคิดที่แตกต่างกัน ยิ่งเป็นเพื่อนกัน อายุใกล้เคียงกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีการถกเถียงหรือทะเลาะกันบ้าง แต่เราก็จะใช้การโหวตเสียงแบบประชาธิปไตยเพื่อหาข้อสรุปได้ทุกครั้ง

บริษัทของเราจะแบ่งการทำงานออกเป็นทีม โดยมีทีมแอพพลิเคชั่นหนึ่งทีม ทีมเกมออนไลน์หนึ่งทีม และทีมค้นหาพรสวรรค์ทางธุรกิจหนึ่งทีม ซึ่งจะมีเพื่อนๆ จากจุฬาฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอื่นๆ มาร่วมมือกัน ซึ่งเพื่อนพนักงานทุกคนจะได้รับเงินเดือนตามปกติ

ตอนที่ตั้งบริษัทใหม่ๆ ผมมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง ผมเลยมาร่วมหุ้นกับเพื่อนเพื่อเปิดบริษัทนี้ขึ้น ซึ่งอาจใช้เงินลงทุนค่าจ้างโปรแกรมเมอร์เยอะอยู่สักหน่อย ซึ่งแต่ละคนเราก็ต้องจ่ายเงินเดือนให้คนละหลายหมื่นบาท บริษัทมีพนักงาน 20 กว่าคน ในแต่ละเดือนจึงต้องจ่ายเงินเดือนจำนวนหลายแสนบาทเหมือนกัน”

สุรพิชญ์ ภาคาหาญ ธุรกิจโซเชียล มีเดีย ไปได้อีกไกล

 

สุรพิชญ์ เผยว่า เรื่องค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินเดือนของพนักงานนั้นไม่น่ากังวล เพราะบริษัทมีรายได้จากลูกค้าประจำหมุนเวียนเข้ามาทุกเดือน ซึ่งลูกค้าบางรายก็จ่ายเงินล่วงหน้ามาให้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีหุ้นส่วนคือ บริษัท ยูนิจิน เวนเจอร์ ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยที่มองว่าธุรกิจไอทีและโซเชียล มีเดียกำลังมาแรงและน่าจะไปได้อีกไกล ก็ได้เข้ามาร่วมลงทุนด้วย

“นอกจากนี้ ผมยังเปิดบริษัทที่ชื่อว่า ‘Secret 2 Rich’ (เคล็ดลับสู่ความรวย) อีกด้วย ซึ่ง ซีเคร็ท ทู ริช นี้เป็นสถาบันสอนด้านการลงทุนที่ให้ทั้งคำปรึกษาและแนะนำว่าควรลงทุนอย่างไรถึงจะรวย โดยมีการอบรมให้ความรู้ลูกค้าในเรื่องการลงทุนทุกอย่าง อาทิ การเล่นหุ้น การลงทุนทอง และอื่นๆ โดยเราจะมีโปรแกรมเทรดอัตโนมัติให้ด้วย ซึ่งพัฒนามาจากทีมโปรแกรมเมอร์ของไฟด์ เทค กรุ๊ป นั่นเองครับ”

สุรพิชญ์ บอกว่า แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของเขาเกิดจากความชอบส่วนตัว ซึ่งเขาเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือด้านการลงทุนและชอบศึกษาด้วยตัวเอง ที่สำคัญเขาเป็นคนที่กล้าลงทุน ตอนนี้เขาจึงมีทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง (Best Used Car) และธุรกิจวินรถตู้

“จริงๆ แล้วผมเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ พื้นฐานครอบครัวไม่ได้รวยมาแต่เกิด เป็นครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง พ่อเป็นทหารอากาศ แม่เป็นพยาบาล ผมเริ่มทำธุรกิจมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.5 โดยนำเงินเก็บของตัวเองมาลงทุนทำธุรกิจขายครีมผ่านทางโซเชียล มีเดีย จนขยับขึ้นมาเป็นนายหน้ารับผลิตครีมกับทางโรงงาน ตามด้วยการเป็นนายหน้าซื้อขายรถยนต์ แล้วผมยังเคยผ่านการทำงานในวงการบันเทิงมาบ้าง ผมจึงมีคอนเนกชั่นที่ทำให้ได้รู้จักกับผู้คนหลากหลายอาชีพ ซึ่งมันช่วยต่อยอดธุรกิจของผมได้ดี

สุรพิชญ์ ภาคาหาญ ธุรกิจโซเชียล มีเดีย ไปได้อีกไกล

 

เชื่อไหมว่าผมไม่เคยขอเงินพ่อแม่ตั้งแต่เรียนจบ ม.6 แล้วละครับ เมื่อผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็เริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจัง พอทุกอย่างไปได้สวยผมก็ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้มาตลอด อีกอย่างผมเป็นคนที่กล้าลงทุนด้วย ไม่กลัวเจ๊งหรือกลัวความล้มเหลวครับ”

สุรพิชญ์ ทิ้งท้ายว่า การที่จะอยู่ในแวดวงธุรกิจเมืองไทยได้นั้น จะมีแค่ความเก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องมีคอนเนกชั่นที่ดีด้วย เพราะสิ่งสำคัญในการทำงานหรือทำธุรกิจก็คือคอนเนกชั่น

“ผมมีคติประจำใจว่า ‘รู้อะไรไม่สู้ รู้จักกัน’ เพราะเวลาที่เรารู้จักใคร เราก็จะได้คอนเนกชั่นหรือมิตรภาพที่ต่อเนื่องไปสู่สิ่งอื่นๆ อีกมากมาย อย่าได้ดูถูกความสัมพันธ์เด็ดขาด ที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้มองใครที่ผลประโยชน์นะ แต่ลองคิดดูว่าเวลาที่เราจะซื้อของกับใครสักคน เราก็ต้องอยากซื้อกับคนที่เรารู้จัก ถ้าเราลองมีเพื่อนสัก 50 คน ผมว่าเราขายอะไรก็ขายได้ครับ ซึ่งในอนาคตผมจะโฟกัสไปที่การทำอสังหาริมทรัพย์โดยสร้างบ้านขายด้วย ตอนนี้ก็เริ่มทำไปบ้างแล้วที่อยุธยา ค่อยๆ ทำเป็นเฟสๆ ไป ถ้าขายหมดจึงค่อยขึ้นโครงการเฟสต่อไปครับ”

นี่แหละแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้านในอนาคตอันใกล้ กล้าคิด กล้าทำ กล้าลงทุน และกล้าเปิดรับสิ่งใหม่ๆ สมกับเป็นหนุ่มนักธุรกิจ "เจเนอเรชั่น มี" ที่น่าจับตาจริงๆ

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 12.72 จุด DELTA ฉุดดัชนี-ไร้ปัจจัยใหม่หนุน