posttoday

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

27 มิถุนายน 2558

พฤติกรรมการกินอาหารไม่หมดจานในแต่ละมื้อ อาจเป็นเรื่องเล็กๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในแต่ละวัน

โดย...กองบรรณาธิการ

พฤติกรรมการกินอาหารไม่หมดจานในแต่ละมื้อ อาจเป็นเรื่องเล็กๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในแต่ละวัน ยิ่งเมื่ออาหารเหล่านั้นถูกซื้อหามาด้วยเงินจากกระเป๋าสตางค์ของเราแล้ว การกินทิ้งกินขว้างคงจะไม่ใช่ความผิดหรืออะไรที่คอขาดบาดตาย

สาเหตุนานัปการของพฤติกรรมการกินทิ้งกินขว้าง ตั้งแต่เขี่ยอาหารที่ไม่ชื่นชอบในจาน ไม่กินแป้ง-ข้าว ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินผักที่ส่งกลิ่นฉุน เรื่อยไปจนถึงการกิน “บุฟเฟ่ต์” ที่ตักกันอย่างไม่บันยะบันยัง ตักกันชนิดที่เอาคุ้มเพียงอย่างเดียว

แน่นอนว่า ในแต่ละวันมี “อาหารเหลือทิ้ง” เป็นจำนวนมาก มากไปกว่านั้น คือ ในแต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน หรือในแต่ละปี มีอาหารเหลือทิ้งจำนวนมหาศาล

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

เชื่อหรือไม่ องค์กรอย่าง องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ : Food and Agriculture Organization หรือ FAO ได้ประมาณการปริมาณอาหารที่ถูกทิ้งทั่วโลกมีมากถึง 1 ใน 3 ของอาหารทั้งหมด

นั่นมากพอจะเลี้ยงดูคนจำนวนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านชีวิต ให้อิ่มท้องได้ตลอดปี

ทุกวันนี้ ประชากรโลก 1 ใน 9 คน ตกอยู่ในสภาพหิวโหยขาดแคลนอาหาร และ 62% ของคนกลุ่มนี้ อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

อย่างที่บอกในข้างต้นว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตขึ้นมาทั่วโลก หรือคิดเป็นน้ำหนักถึง 1,300 ตัน ต้องสูญเสียไปอย่างไร้ค่า ซึ่งหากจำแนกเป็นรายชนิดจะพบว่า 15-50% ของผักผลไม้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เน่าเสียระหว่างการขนส่ง

12-37% ของข้าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูญเสียไประหว่างการเก็บเกี่ยว การแปรรูป การขนส่ง และการจัดเก็บ ขณะที่ 30% ของผักผลไม้เสียหายไประหว่างการขนส่ง เพราะอากาศร้อน และถูกกระแทกจากการจัดเก็บที่ไม่ดีเพียงพอ

ในประเทศที่ยังไม่พัฒนา อาหารจำนวนมากสูญเสียระหว่างขั้นตอนการเดินทางจากแหล่งผลิตมาถึงผู้บริโภค สาเหตุสำคัญ คือ ความล่าช้าในกระบวนการขนส่ง เทคโนโลยีที่ไม่ทันสมัย เช่น ขาดแคลนตู้แช่เย็นขนาดใหญ่

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

ขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว กลับพบสถิติที่น่าตกใจ นั่นคือ ยิ่งประเทศที่พัฒนามากเท่าใด ยิ่งมีอัตราการทิ้งอาหารมากขึ้นเท่านั้น

FAO ได้ประมาณการพฤติกรรมการกินทิ้งกินขว้างไว้เช่นกัน โดยประเทศที่กำลังพัฒนา เฉลี่ยมีการกินทิ้งกินขว้างอาหารประมาณ 11 กิโลกรัม/คน/ปี ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้วมีการกินทิ้งกินขว้างอาหารประมาณ 80 กิโลกรัม/คน/ปี

นอกจากนี้ FAO คาดการณ์ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมีอัตราการทิ้งอาหารรวมถึง 1.5 ล้านล้านปอนด์/ปี หรือเท่ากับอัตราการผลิตอาหารรวมของ Sub-SaharanAfrica หรือเกือบทั้งหมดของทวีปแอฟริกา

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

รศ.วิสิฐ จะวะสิต ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า อาหารที่ถูกทิ้งทั้งๆ ที่ยังกินได้ ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรที่ใช้ผลิต เช่น น้ำ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ พลังงาน หรือแรงงาน

ที่สำคัญ กระบวนการผลิตที่มีก๊าซมีเทนออกมา ยังส่งผลถึงปัญหาก๊าซเรือนกระจกที่ร้ายแรงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า รวมไปถึงการฝังกลบขยะอาหาร เพราะวงจรเหล่านี้มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นเช่นกัน

สำหรับทัศนคติในการบริโภคอาหารของสังคมไทย “วิสิฐ” ให้ภาพว่า ปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก เพราะรายได้ต่อหัวที่มากขึ้น ทุกคนจึงละเลยค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการกินทิ้งกินขว้าง

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

“แม้ปัญหากินทิ้งกินขว้างจะเป็นปัญหาระดับโลก แต่สามารถแก้ไขได้เพียงเริ่มต้นจากการปลูกฝังเด็กๆ ในครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันที่เล็กที่สุดสังคม แต่ถ้าทำได้จะได้ผลสำเร็จสูงที่สุดในการฝึกให้เด็กกินอย่างพอดีและไม่เหลือทิ้ง” อาจารย์วิสิฐ สรุปความ

แต่ละปีมูลค่าอาหารที่ถูกทิ้งไปคิดเป็นจำนวนเงิน 32 ล้านล้านบาท อาหารเหล่านั้นกลายเป็นขยะ เป็นต้นเหตุให้เกิดก๊าซเรือนกระจก 7% ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ปลดปล่อยสู่บรรยากาศโลก นำมาซึ่งปัญหาโลกร้อน

เห็นได้ชัดว่า การกินของเราย่อมกระทบต่อโลกเฉกเช่นผีเสื้อกระพือปีกสะเทือนถึงดวงดาว

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

เปิดกลยุทธ์ ‘โรงแรม’ รักษ์โลก

โรงแรมเป็นอีกธุรกิจที่เกิดอาหารเหลือได้มากในแต่ละวัน เพราะต้องมีทั้งอาหารที่บริการส่วนจัดเลี้ยง และอาหารตามห้องอาหารในโรงแรมที่มีอยู่ แต่ละแห่งเลือกจัดการกับอาหารต่างกัน มีทั้งที่ทิ้งอาหารเหลือทั้งหมดไปเลย หรือนำอาหารเหลือมาใช้ประโยชน์

โวเกิร์ต เกิร์ลเทน ผู้จัดการ อนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา เล่าว่า โรงแรมจะพยายามเลี่ยงเรื่องอาหารเหลือทิ้งให้ได้มากที่สุด ด้วยการจัดการตั้งแต่ต้นทาง บริหารจัดการอาหารในโรงแรม เช่น กรณีมีลูกค้าเข้าพักในโรงแรมไม่มาก จากที่เคยเปิดห้องอาหารครบทุกห้อง ก็อาจจะปิดบางห้องอาหารชั่วคราว เพื่อให้เกิดการใช้งานห้องอาหารที่เปิดอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด อาหารจะได้เหลือน้อยที่สุด

หรือกรณีลูกค้าน้อย แทนที่จะให้ลูกค้ารับประทานบุฟเฟ่ต์มื้อเช้า ก็อาจเปลี่ยนให้ลูกค้าไปรับประทานอาหารแบบที่จัดให้แทน โดยนำเสนออาหารปรุงสดที่มีคุณภาพมากกว่าบุฟเฟ่ต์ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า ได้รับอาหารที่มีคุณภาพสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็ควบคุมปริมาณวัตถุดิบที่จะใช้ในการทำอาหารได้ ลดปริมาณอาหารเหลือจากมื้อบุฟเฟ่ต์ได้ด้วย

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

ทั้งนี้ โรงแรมจะไม่นำอาหารที่เหลือไปบริจาคต่อให้กับหน่วยงานอื่น เนื่องจากคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของอาหาร (ฟู้ด เซฟตี้) เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาคนต้องมาป่วยเพราะรับประทานอาหารที่เหลือมาจากโรงแรม แต่ก็กำลังมองหาช่องทางในการนำอาหารเหลือมาแปรรูปเป็นปุ๋ยอยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะนำวัตถุดิบหรืออาหารประเภทใดได้บ้างมาทำเป็นปุ๋ย

ทางด้าน มานูเอล เรย์มอนแด็ง ผู้จัดการ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยาม สแควร์ ในฐานะผู้จัดการโครงการ Food for Thought เครือแอคคอร์ โฮเทล ระบุว่า ไม่ได้เก็บสถิติอาหารเหลือในไทยแต่ละวันเอาไว้ แต่มีสถิติอาหารเหลือทั่วโลกว่า แต่ละปีจะมีปริมาณอาหารเหลือกว่า 1,300 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตขึ้นมาบนโลก ส่วนข้อมูล FAO พบว่า ประชากรโลกกว่า 850 ล้านคน กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารและทุพโภชนาการ หากจะผลิตอาหารให้เพียงพอจำนวนประชากรปี 2593 (35 ปีข้างหน้า) ภาคเกษตรต้องเร่งปริมาณผลิตถึง 60%

ผลกระทบนี้ไม่ได้นำมาซึ่งปัญหาด้านการเงินที่ต้องซื้อหาอาหารมากเกินจำเป็น แต่เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะเกษตรกรต้องใช้ปุ๋ย สารเคมีเพิ่ม เพื่อเพิ่มผลผลิตให้ทันความต้องการ ใช้น้ำมันขนส่ง และเมื่อใช้รถเป็นยานพาหนะมากขึ้น เท่ากับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จะถูกผลิตมาทำลายชั้นบรรยากาศมากขึ้นเช่นกัน

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

จากเหตุผลนี้เองโรงแรมในเครือแอคคอร์ โฮเทล เขตกรุงเทพฯ จึงรวมตัวกันจัดตั้งโครงการ Food for Thought เพื่อลดการทิ้งอาหารที่ยังรับประทานอาหารได้อยู่และมอบอาหารเหล่านี้ให้ผู้ขาดแคลน หลักการทำงานของโครงการนี้จะจัดเก็บอาหารและวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารที่ยังเหลืออยู่จากแผนกจัดเลี้ยง เบเกอรี่ และบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม เพื่อรวบรวมไปให้ศูนย์ภคินีศรีชุมพาบาลแห่งประเทศไทย โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ คือ จัดเก็บอย่างถูกสุขลักษณะและแนะนำวันหมดอายุเป็นอย่างดี เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร

แต่ละโรงแรมจะผลัดเปลี่ยนเวรไปรับอาหารจากโรงแรมที่เหลือในเครือแล้วนำไปบริจาคที่มูลนิธิ ซึ่วิธีนี้ลดใช้พลังงานได้แทนที่แต่ละโรงแรมจะไปส่งอาหารกันเอง โดยโครงการ Food for Thought มีมาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2555 จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ได้มีโอกาสช่วยเหลือเด็ก 200 คน/สัปดาห์ ค่าเฉลี่ยของอาหารที่ให้เด็ก คือ 200 กรัมต่อ 1 ครั้ง คิดเป็นยอดบริจาค 6,240 กิโลกรัมต่อ 3 ปี นอกจากทำให้เด็กมีสุขภาพอนามัยดีขึ้น ก็ยังมีส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น การศึกษาดีขึ้นด้วย

“โครงการนี้ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น เราต้องระดมความคิดหลายครั้ง ความมุ่งมั่นลดปริมาณขยะและช่วยเพื่อนมนุษย์ ทำให้เราผ่านอุปสรรคมาได้ โรงแรมก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมาก เพราะทุกโรงแรมสลับกันรับอาหารและนำส่งที่มูลนิธิ” เรย์มอนแด็ง กล่าว

ซับน้ำตา ‘โลก’ เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้าง

 

สำหรับรูปแบบการบริหารจัดการอาหารของแอคคอร์ โฮเทล นั้น จะให้บริการอาหารที่สดใหม่ทำวันต่อวัน ดังนั้นวันถัดไปอาหารจากวันก่อนหน้าจะถือว่าเป็นอาหารเหลือทั้งสิ้น ส่วนหลักเกณฑ์ของอาหารที่เรานำไปบริจาคจะเป็นอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีผู้ใดบริโภค ประกอบด้วยอาหารในห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ อาหารจากงานจัดเลี้ยงและประชุมสัมมนาทั้งที่เสิร์ฟอยู่ในงานแล้วยังไม่มีแขก
รับประทาน และอาหารที่จัดไว้สำรอง

อาหารเหลือจาก ‘ห้าง’ ทำอย่างไร

ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กล่าวว่า การจำกัดขยะจากสินค้าของบริษัทจะแยกเป็นขยะเปียกและขยะแห้ง โดยในกลุ่มของขยะเปียกจะเป็นในกลุ่มของอาหาร เช่น เบเกอรี่ ซึ่งจะมีการผลิตออกมาจำหน่ายแบบวันต่อวัน เมื่อใกล้เวลาที่ห้างจะปิดให้บริการก่อน 2 ชั่วโมง บริษัทจะนำสินค้าดังกล่าวมาลดราคา 25% เพื่อระบายสินค้า

แต่หากลดราคาแล้วยังจำหน่ายไม่หมด บริษัทจะนำมาย่อยสลาย ด้วยการฉีกเบเกอรี่เป็นชิ้นๆ แล้วนำน้ำมาราด หลังจากนั้นก็บรรจุใส่ถุงทิ้งเป็นขยะเปียก ซึ่งการที่บริษัทต้องใช้วิธีราดน้ำใส่เบเกอรี่ที่จำหน่ายไม่หมด ก็เพื่อป้องกันการนำกลับมาทำใหม่ และให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพสินค้า

เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าของสดประเภทเนื้อสัตว์ บริษัทจะมีการเช็กวันหมดอายุต่อเนื่อง หากเหลือระยะเวลาอีก 1 วันสินค้าจะหมดอายุ บริษัทจะนำสินค้าดังกล่าวออกมากำจัดทันทีด้วยการทิ้งลงในถังขยะเปียก แต่หากเป็นสินค้าที่มีการบรรจุลงในภาชนะ เช่น ถาดโฟม บริษัทก็จะทำการแยกสินค้าออกจากภาชนะก่อนทิ้ง เพื่อแยกเป็นขยะเปียกและขยะแห้ง

สำหรับกลุ่มสินค้าประเภทนมและน้ำผลไม้ บริษัทจะควบคุมวันที่หมดอายุเช่นกัน หากสินค้าใดหมดอายุก็จะทำการคัดออก พร้อมฉีกกล่องเทสินค้าลงในถังบำบัดเพื่อแยกประเภทขยะ ส่วนกลุ่มสินค้าผลไม้ก็จะทำการตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดอายุสินค้าไว้ที่ 3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของผลไม้

สำหรับผลไม้ที่มีการตัดแต่งใส่แพ็ก ก็จะทำการแยกสินค้าและภาชนะเพื่อทิ้งแยกประเภทเป็นขยะเปียกและขยะแห้งเช่นกัน เช่นเดียวกับสินค้าประเภทกลุ่มอาหารปรุงสำเร็จ ซึ่งจะมีอายุการจำหน่ายแบบวันต่อวัน โดยในส่วนของภาชนะที่ทำการแยกจะมีบริษัทมารับซื้อ เพื่อนำไปรีไซเคิลอีกต่อหนึ่ง 

ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองประธานกรรมการ แผนกสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เทสโก้ โลตัส ตระหนักดีว่าเราสามารถช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาวิกฤตขยะอาหาร โดยเน้นกลยุทธ์การลดขยะอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน หรือกลยุทธ์ “จากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร” เพื่อป้องกันการเกิดขยะอาหาร ด้วยการนำอาหารที่ไม่เหมาะแก่การจำหน่ายไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ และเร่งสร้างกระแสสังคมถึงภัยขยะอาหาร

สำหรับการลดขยะอาหาร “จากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร” นั้น เทสโก้ โลตัส ได้เน้นการรับซื้อผลผลิตตรงจากเกษตรกร เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้ดี และลดปัญหาพืชผลล้นตลาดจนกลายเป็นขยะอาหาร นอกจากนี้ยังร่วมมือกับเกษตรกรในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และการขนส่ง เพื่อป้องกันการสูญเสียระหว่างทาง และเมื่อพืชผลมาถึงร้านค้า เทสโก้ โลตัส ได้ดูแลการจัดเก็บสินค้าอาหารสดอย่างเหมาะสม เพื่อลดการสูญเสีย ณ จุดขายอีกด้วย

นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ยังป้องกันการเกิดขยะอาหาร ด้วยการนำอาหารที่ไม่เหมาะแก่การจำหน่ายไปบริจาคเป็นมื้ออาหารให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน เช่น ได้นำไข่ไก่ฟองที่มีสภาพดีจากแพ็กไข่ที่แตกหักไปบริจาคแก่เด็กนักเรียนผู้ยากไร้ ขณะเดียวกันก็เร่งสร้างการรับรู้และความร่วมมือในการลดขยะอาหาร ด้วยการออกแคมเปญรณรงค์ผ่านสื่อต่างๆ เช่น สื่อประชาสัมพันธ์ และโซเชียลมีเดีย

ข่าวล่าสุด

ทร.แจงไม่ได้ข่มขู่กัมพูชา ย้ำใช้กลไกทวิภาคีปมเขื่อนกันคลื่น