posttoday

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น

13 มิถุนายน 2558

ผลการสอบแอดมิชชั่นประจำปีการศึกษา 2558 ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย...นฤมล รัตนสุวรรณ์

ผลการสอบแอดมิชชั่นประจำปีการศึกษา 2558 ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่ามีทั้งผู้สมหวังและผู้ที่พลาดหวัง แต่ไม่ว่าผลการสอบจะออกมาเป็นอย่างไร นั่นย่อมไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต

ปีการศึกษา 2558 มีผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 124,648 คน 87 สถาบันการศึกษา 802 คณะ/สาขาวิชา ในจำนวนนี้มีผู้ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกาย 91,813 คน

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิด “ดราม่า” การเลือกคณะของนักเรียนที่ได้คะแนนสอบสูงสุด นั่นเพราะน้องปราง-ศิรดา ไตรตรึงษ์ทัศนา นักเรียนจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพฯ เจ้าของผลคะแนน 91.60 เลือกเรียนต่อคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นไปตามแต่ที่ใจของใครจะคิด แต่ที่สุดแล้วการตัดสินใจของน้องศิรดาย่อมเป็นการเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเธอ

สังคมไปไกลเกินกว่าจะมายึดติดกับความเชื่อ-ทัศนคติเดิมๆ ว่าสาขาวิชาชีพใดดีกว่าวิชาชีพใด

@Weekly ฉบับนี้ เปิดใจ 5 เด็กนักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุดของคณะ/สาขาวิชา สูงที่สุด 5 อันดับแรกของประเทศ

นอกจากน้องๆ ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ความสำเร็จครั้งนี้มาจากการตั้งใจเรียนในห้องเรียน รู้จักบริหารเวลาและหมั่นทบทวนความรู้อย่างสม่ำเสมอแล้ว

ยังพบว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้น้ำหนักกับการ “กวดวิชา” เลย

เรียนเรื่อยๆ เน้นวิชาที่ชื่นชอบ

“น้องปราง” ศิรดา ไตรตรึงษ์ทัศนา นักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ซึ่งได้คะแนนเป็นร้อยละ 91.60 อันดับหนี่งของประเทศ ยอมรับว่า ดีใจมากๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เป็นที่หนึ่งของประเทศไทย

“แต่ที่ดีใจมากไปกว่านั้นคือ การรอคอยผลสอบมันได้สิ้นสุดลงแล้ว หนูมีมหาวิทยาลัยเรียนแล้ว หนูได้เข้าเรียนชั้นปี 1 แล้ว” น้องปราง กล่าวอย่างร่าเริง

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น มะปรางกับครอบครัว

 

สาเหตุที่ปรางเลือกเข้าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากชื่นชอบการถ่ายรูปตั้งแต่เด็ก และเข้าร่วมชมรมถ่ายภาพในตอนเรียนมัธยม เป็นช่างภาพในกีฬาสาธิตสามัคคี ได้ลองทำเอ็มวีเพื่อส่งประกวดอีกด้วย

“สิ่งนี้เองทำให้หนูคิดว่ามีหนูสนุกกับงานที่ทำ”

หลังจากที่เธอใช้เวลาค้นหาตัวเองมาสักระยะหนึ่ง เธอรู้ตัวว่ามีความชอบด้านใด การตัดสินใจเลือกคณะเพื่อศึกษาต่อจึงไม่ใช่เรื่องยาก

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น สมุดเลกเชอร์วิชาชีววิทยาของน้องปราง ที่จดจำด้วยการวาดลวดลายที่น่าสนใจ จากเพจเฟซบุ๊ก Attavit Panyapinyophol (ครูบาส)

 

“หนูอยากทำงานให้เหมือนกับเป็นงานอดิเรก อยากทำในสิ่งที่ตัวเองรักทุกวัน ซึ่งคงจะมีความสุขมาก” เจ้าของคะแนนอันดับหนึ่งของประเทศ ชัดเจนในการตัดสินใจ

อาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคต ปรางอยากเป็นผู้กำกับหนังแอ็กชั่นเจ๋งๆ เช่น หนังมาเวลซูเปอร์ฮีโร่ เป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่ได้รับความนิยม หรืออาจเป็นภาพยนตร์ทั่วไป หากไม่ได้เป็นผู้กำกับแล้ว ครีเอทีฟโฆษณาอาจเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เธอจะเลือก

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น

 

เคล็ด (ไม่) ลับในการเรียนของปราง โดยปกติเธอไม่ได้เน้นหนักเรื่องการเรียน แต่จะตั้งใจเรียนในห้องเป็นหลัก ซึ่งหากเรียนในห้องแล้วมีความเข้าใจในบทเรียนตอนนั้น ก็จะทำให้ไม่เหนื่อยกับการอ่านหนังสือมาก หากบทเรียนมีความยาวมาก พยายามทำความเข้าใจและทบทวนในแต่ละบท

“ปกติเวลาเรียนหนูจะเรียนไปเรื่อยๆ และในการเรียนจะมีการสอบย่อย (Quiz) ซึ่งก่อนสอบย่อยหนูจะต้องเขียนสรุปและทบทวนเนื้อหาก่อนทุกครั้ง และนำเนื้อหาที่สรุปมารวบรวมอ่านอีกครั้งก่อนสอบปลายภาค ทำให้เราไม่ต้องอ่านหนังสือหนักมาก”

ปรางแบ่งเวลาในการอ่านหนังสือเป็นรอบๆ เช่น อ่าน 3 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมง หากไม่เป็นตามเป้าหมายก็มาเก็บตกทุกอย่างหลัง 6 โมงเย็น ส่วนใหญ่มีสรุปจากสอบย่อยเพื่อสะดวกในการทบทวนและจดจำได้ง่ายขึ้น ในช่วงใกล้สอบ

นอกจากนี้ เธอยังฝากบอกน้องๆ ว่า ให้ตั้งใจสอบโอเน็ตให้มาก เพราะเป็นคะแนนส่วนสำคัญ ที่เด็กส่วนใหญ่มักมองข้าม

สำหรับการให้น้ำหนักโรงเรียนกวดวิชาหรือการเรียนพิเศษนั้น เมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันถือว่า “ปราง” เรียนน้อยมากๆ

“บางคนถึงกับลาเรียนเป็นเดือนเพื่อติวเข้มเข้ามหาวิทยาลัย แต่สำหรับปรางเลือกเรียนเฉพาะรายวิชาที่เห็นว่ามีความสำคัญเท่านั้น ส่วนใหญ่เลือกที่จะให้เวลากับตัวเองและการอ่านหนังสือเองมากกว่าการเรียนพิเศษ”

ปราง ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดหรือเบื้องหลังของความสำเร็จคือ ทุกคนต้องค้นหาตัวเองให้เจอว่าจะเดินทางไปเส้นทางไหน ส่วนน้องๆ ที่มีเวลามากอยากให้ลองกิจกรรมหลายๆ ที่เราชอบ อาจจะเป็นค่ายอาสา การท่องเที่ยว ถ่ายรูป และวางแผนอนาคตไว้ให้ดี

“ส่วนคนที่สอบไม่ได้ก็อย่าเพิ่งเสียใจ เพราะยังสามารถหาประสบการณ์จากทางอื่นได้ เช่น สามารถไปทดลองทำงาน ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีและไม่ทำให้เวลานั้นสูญเปล่า ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถกลับมาเรียนต่อได้และอาจเป็นเวลาที่เราค้นหาตัวเองได้เจอ”

อ่านมากเครียด จากเข้าใจกลายเป็นท่องจำ

นอกจากน้องปรางที่ได้คะแนนเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศแล้ว อยากเชิญชวนมาทำความรู้จัก นะโม-ชลิพาดุลยากร ซึ่งเก่งไม่แตกต่างกัน และมีวิธีคิดที่น่าสนใจ

น้องนะโม เป็นนักเรียนโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ สอบได้คะแนน 89.93 อันดับสองของประเทศ เธอเลือกคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นะโม เล่าถึงความรู้สึกที่ได้คะแนนแอดมิชชั่นเป็นอันดับสองว่า รู้สึกตกใจและดีใจมาก ไม่คิดว่าเด็กต่างจังหวัดจะทำได้คะแนนสูงเช่นนี้

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น น้องนะโม

 

สาเหตุผลที่ “นะโม” เลือกเข้าคณะจิตวิทยา เพราะเชื่อว่าจะสามารถค้นหาตัวเองเจอ โดยเธอยอมรับว่ายังลังเลอยู่ว่าตัวเองชอบหรืออยากเรียนอะไรกันแน่

เคล็ดลับในการเรียนหนังสือของนะโม คือทำปัจจุบันให้ดีที่สุดโดยไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ ก่อน สนใจในเรื่องที่เรากำลังให้ความสำคัญ เช่น ขณะที่เรียนหนังสือก็ควรตั้งใจเรียนให้มากและสนใจในเรื่องนั้นๆ

“การอ่านหนังสือ ไม่ได้อ่านหนังสือในปริมาณมาก เพราะนอกจากจะทำให้เรารู้สึกเครียดแล้ว ยังทำให้รู้สึกว่าเป็นการท่องจำอย่างเดียว” คือเทคนิคความสำเร็จของเธอ

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น น้องนะโม

 

“นะโม” เพิ่งเริ่มอ่านหนังสือเพื่อสอบแอดมิชชั่นอย่างจริงจังตอนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่ไม่ได้ความหมายว่าในช่วงที่ผ่านจะไม่ได้อ่านหนังสือทบทวน เธอมักจะอ่านเรื่องที่สนใจเป็นพิเศษ หากไม่เข้าใจเรื่องใดจะอ่านทบทวนอีกรอบ และที่สำคัญต้องรู้จักวางแผนในการอ่านหนังสือที่สามารถรู้ด้วยตัวเองว่าสมองของเราจะรับได้ ฉะนั้นต้องมีการวางแผนในการอ่านหนังสือที่ดี

“นอกจากนี้ ก็ต้องรู้จักให้รางวัลตัวเอง เช่น หากเราอ่านหนังสือจบเราจะต้องไปออกกำลังกายกับเพื่อนๆ เพราะการออกกำลังกายสามารถช่วยทั้งในเรื่องสุขภาพและลดความเครียดได้ ทั้งยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายด้วย”

สำหรับการเรียนพิเศษไหมของ “นะโม” ก็มีการเรียนบ้างแต่ไม่ได้เรียนหลายที่เหมือนเพื่อนหลายๆ คน ส่วนตัวจะเลือกเรียนวิชาสังคม-ไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาทั่วไป

สาวเชียงใหม่คนนี้มีความใฝ่ฝันอยากเปิดธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง เพราะว่าจะได้มีเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น อยากไปพัฒนาชุมชน อีกทั้งทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวด้วย ซึ่งเป็นความฝันเล็กๆ ของนะโม

เลือกเรียนที่เหมาะสมกับตัวเอง

เด็กเก่งคนต่อไปที่อยากแนะนำให้รู้จักคือ จุ๊บ-ศุภิสรา ภัทรสินมโน จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ได้คะแนนร้อยละ 89.85 เป็นอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นอันดับสามของประเทศ

จุ๊บได้พูดถึงความรู้สึกเมื่อทราบว่าได้คะแนนแอดมิชชั่นสูงสุดเป็นอันดับสาม เธอรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก แต่ที่รู้สึกดีใจไปกว่านั้นคือ ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีความสุขไปกับเธอด้วย ครอบครัวให้รางวัลด้วยการพาไปรับประทานอาหารและร่วมพูดคุยกัน

จุ๊บเลือกคณะรัฐศาสตร์ เพราะคิดว่าคณะนี้เป็นการใช้ความรู้จากหลายๆ ศาสตร์มารวมกันเพื่อนำมาวิเคราะห์เข้าความรู้ อีกทั้งเป็นคณะที่เปิดกว้างทางด้านความคิด ทำให้มองโลกได้หลายแง่มุมมากขึ้น และอาจเป็นตัวผลักดันทำให้เรามองอะไรได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จึงทำให้อยากเรียนคณะนี้มากกว่าคณะอื่นๆ

ลองถามจุ๊บว่าจบสายวิทย์-คณิต ทำไมไม่เลือกเรียนแพทย์ เธอตอบทันทีว่า ไม่เหมาะสมกับตัวเอง

“หมอก็เคยเป็นอาชีพที่จุ๊บใฝ่ฝันในตอนเด็ก เพราะในตอนนั้นคิดว่าอยากจะช่วยเหลือผู้คนให้หายจากอาการป่วย แต่เมื่อโตขึ้นจุ๊บก็คิดว่าการช่วยเหลือผู้คนอาจไม่ใช่อาชีพหมอหรือพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่อาจยังมีอีกหลายอาชีพที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้ และตอนเรียนก็รู้สึกชอบวิชาสังคมมากกว่า จึงอยากลองค้นหาตัวเองอีกครั้ง”

เธอวาดอนาคตหลังเรียนจบคณะรัฐศาสตร์ว่า อยากทำงานให้องค์กรระหว่างประเทศ เช่น ทำงานในองค์การสหประชาชาติ (UN)  เพราะอยากเดินทางไปช่วยเหลือผู้คนที่ไม่ได้จำกัดภายในประเทศอย่างเดียว หรือไม่งั้นก็ช่วยประสานงานทำให้คนประเทศอื่นรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และให้เหตุผลว่าตอนนี้โลกของเราก็เป็นยุคโลกาภิวัตน์ที่ผู้คนสามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก

นอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว ส่วนตัวเธอเป็นคนที่ไม่ชอบเรียนพิเศษ แต่ได้เรียนพิเศษบ้างและเลือกลงคอร์สที่เห็นว่าสำคัญกับการสอบ เช่น เรียนโอเน็ต เรียนแกตเชื่อมโยงภาษาไทยและสังคม-ไทย หรือลงเรียนเป็นคอร์สพิเศษเจาะจงที่สามารถนำมาใช้ในการสอบได้ ในบางคอร์สจะมีการค้นคว้าเนื้อหานอกบทเรียนให้ด้วย

“จุ๊บคิดว่าการเรียนพิเศษไม่มีความจำเป็นมาก เพราะหากเราตั้งใจเรียนในห้องให้ดีเราจะทำข้อสอบได้”

สำหรับวิธีการเรียนของจุ๊บ คือตั้งใจเรียนในห้องและไม่เครียดจนเกินไป มีเรียนบ้างเล่นบ้างเพื่อให้เข้ากับเพื่อนคนอื่นได้ ขณะเรียนหากเกิดข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจในบทเรียนให้ถามครูผู้สอน อย่ากลัวที่จะถามและซักถามให้มาก โดยเธอมองว่าเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยชอบถามครูผู้สอน ก็อยากฝากตรงนี้ด้วย

แม้ว่าจะเป็นช่วงสอบ “จุ๊บ” ก็อ่านหนังสือไม่หนักมาก เพราะเธอไม่อยากให้เกิดความเครียดกับตัวเองมากเกินไป และคิดว่าหากเราตั้งใจเรียนในห้องเรียนจะทำให้การอ่านหนังสือของเราเข้าใจเนื้อหามากขึ้น หากไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนไหนก็จะมุ่งอ่านบทนั้นเป็นพิเศษ

ทางครอบครัวของน้องจุ๊บไม่ได้บังคับว่าจะต้องเรียนอะไร แต่จะคอยสนับสนุน ให้คำปรึกษามากกว่า และคอยผลักดันความถนัดของเธอ

แล้ววางแผนอ่านหนังสือในช่วงสอบอย่างไร? เธอตอบว่า ต้องจัดลำดับการอ่านหนังสือตามความถนัดของตัวเอง เช่น จุ๊บจะไม่ถนัดในวิชาคำนวณ แต่จะถนัดวิชาทางสังคมและภาษามากกว่า ซึ่งจะเลือกอ่านสิ่งที่ตนเองให้มากและอ่านวิชาที่ไม่ถนัดให้น้อย แต่ไม่ใช่ว่าไม่อ่านเลย เพราะว่าหากเราทำสิ่งที่เราชอบเรามักจะทำได้ดี และพยายามผลักดันจุดนี้ให้ถึงที่สุด นั้นจะทำให้เราสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้

หากอ่านหนังสือแล้วเครียดทำอย่างไร? เธอตอบกลับว่า พอเครียดมากก็จะเดินไปขอกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ เช่น การกอดหรือการหอม ไม่ก็ว่านั่งพูดคุย เพราะครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญและสามารถเข้าใจในตัวเรา ต่อมาก็คุยกับเพื่อนเพื่อระบายความเครียดหรือทำกิจกรรมที่เราชอบ เช่น ฟังเพลง ท่องอินเทอร์เน็ต และใช้ชีวิตตามวัยรุ่นทั่วไป

ข้อแนะนำสำหรับเพื่อนๆ เธอบอกว่า อยากให้ทำตามความฝันของตัวเอง หากเลือกคณะได้แล้วให้ดูแนวทางการสอบว่าเป็นอย่างไรบ้าง และหากสอบติดในหลายคณะ ให้เลือกคณะที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

“นอกจากนี้ ทุกคนไม่ได้เก่งสมบูรณ์รอบด้าน อยากให้เสริมจุดเด่นของตนเองให้มันเด่นขึ้นมา และไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งทุกอย่าง จงเลือกสิ่งที่เหมาะกับเรามากที่สุด สำหรับเพื่อนที่แอดฯ ไม่ติด อย่าเพิ่งท้อ เพราะมหา’ลัย ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่เป็นแค่เพียงก้าวหนึ่งของชีวิต ซึ่งทุกคนไม่จำเป็นที่จะต้องประสบความสำเร็จจากการจบมหา’ลัย เพราะคนที่ไม่ได้เรียนต่อไม่ได้แปลว่าคนที่ไม่เก่ง และอย่าลืมที่จะค้นหาตัวเองเลือกทำในสิ่งที่เรารักดีที่สุด”

ต่อยอดจุดแข็งให้แกร่งขึ้น

คะแนนอันดับหนึ่งของคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าของคะแนนร้อยละ 87.64 เป็นอันดับที่สี่ของประเทศ คือ เฟรนด์-กันต์กนิษฐ์ นัยจิต นักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา กรุงเทพฯ

เด็กเก่งคนนี้มีความชื่นชอบภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากมองว่าเป็นภาษาที่สามารถใช้สื่อสารได้ทั่วโลก และนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้ ที่สุดแล้วจึงเลือกคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ

“ตอนที่เลือกครั้งแรกก็ยังไม่ได้คิดถึงอนาคต คิดว่าภาษาอังกฤษน่าจะมีอาชีพและสามารถทำงานได้กว้าง แล้วก็ยังไม่ได้คิดว่าอยากจะทำงานอะไร แต่อยากลองเรียนไปก่อน แล้วค้นหาตัวตนที่แท้จริงแล้วเราอาจจะเจออาชีพที่เราอยากทำก็ได้”

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น น้องเฟรนด์ คนขวา

 

ความสำเร็จในการเรียนของ “เฟรนด์” คือการบริหารความเคร่งเครียดไม่ให้มากจนเกินไป นั่นเพราะจะทำให้สภาพร่างกายและจิตใจรับไม่ไหว สำหรับการอ่านหนังสือก็จะอ่านเรื่อยๆ ไม่หนักจนเกินไปหรือไม่น้อยจนเกินไป และหาเวลาว่างในการอ่านหนังสือ หลังจากการอ่านหนังสือก็ควรหากิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ เช่น ดูซีรี่ส์แก้เครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ

สำหรับการเรียนพิเศษกวดวิชา “เฟรนด์” เลือกเรียนในวิชาที่ตัวเองชื่นชอบเพื่อต่อยอดความรู้ คือเรียนวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งการเรียนพิเศษจนทำให้รู้มากขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เธอเรียนต่อวิชาภาษาอังกฤษต่อไปด้วย

“อยากฝากถึงน้องๆ หรือเพื่อนๆ ว่า เราไม่ควรจะอ่านหนังสือให้เครียดจนเกินไป แนะนำให้อ่านเรื่อยๆ มากกว่า เพราะถ้าหากเราอ่านอย่างเคร่งเครียดมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกกดดัน และหากมันไม่ได้เป็นไปตามเป้า เราก็อาจจะเกิดความผิดหวังมาก” เธอทิ้งท้าย

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น

 

การอ่านคือบันไดก้าวแรกสู่ความสำเร็จ

เด็กเก่งคนสุดท้ายที่ @Weekly ฉบับนี้ พาไปรู้จักคือ นอต-เกษมสันต์ ชุ่มชาติ นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ คะแนนสอบร้อยละ 83.98 อันดับห้าของประเทศ

“ผมเรียนจบสายวิทย์-คณิต และชื่นชอบวิชาคณิตศาสตร์ ชอบการคำนวณมาก และชอบงานที่เป็นระบบ”

 จากความชอบตรงนี้ทำให้เขาเลือกเรียนต่อคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นอต เล่าว่า อยากเป็นนักบัญชี เพราะเป็นอาชีพที่ชอบและคิดว่าน่าจะทำได้ดีที่สุด ซึ่งครอบครัวก็ให้กำลังใจและได้ให้เรียนกวดวิชาตามปกติ ที่ดีที่สุดคือครอบครัวคอยให้คำปรึกษาด้านการเรียน และการเลือกคณะเรียนอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่เคยบังคับหรือตีกรอบให้

5 หัวกะทิ พิชิตแอดมิชชั่น

 

สิ่งที่นอตแตกต่างกับเด็กเก่งคนอื่นๆ ก็คือ นอตเรียนพิเศษค่อนข้างหนัก เรียกได้ว่าเรียนเกือบทุกวิชา ยกเว้นภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่ามีความเข้าใจในห้องเรียนอยู่แล้ว แต่จะเน้น ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สังคม ไทย และคณิตศาสตร์ 

นอต บอกว่า การเรียนพิเศษช่วยค่อนข้างมาก แต่เราก็ต้องหมั่นหาโจทย์ทำ หาข้อมูลเพิ่มเติมหลังเลิกเรียนด้วย

เคล็ดลับในการเรียนของนอต คือ ตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้มากและทบทวนบทเรียนเป็นประจำ ซึ่งโรงเรียนของนอตไม่ค่อยสั่งการบ้านมากนัก จึงได้มีเวลาทบทวนบทเรียนมากขึ้น

สำหรับวางแผนในช่วงสอบ “นอต” พยายามอ่านให้ครบทุกวิชา โดยเฉลี่ยให้เท่าๆ กัน ที่สำคัญต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้ถูก หากเครียดจากการอ่านหนังสือให้หากิจกรรมทำ เช่น การเล่นอินเทอร์เน็ต ฟังเพลง

สุดท้ายนี้ เด็กหนุ่มคนนี้ก็อยากให้น้องๆ รุ่นต่อไป มีความตั้งใจในการอ่านหนังสือสอบ เพราะหากเรารู้จักอ่านหนังสือก็เป็นบันไดก้าวหนึ่งสำหรับบันไดขั้นต่อไปแล้ว และสำหรับคนที่แอดมิชชั่นไม่ติด “นอต” ฝากบอกว่า ไม่ต้องเครียด เพราะยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่ยังสามารถรับเราได้อีก และก็ยังมีโอกาสปีหน้า ซึ่งมันก็ยังไม่สายสำหรับการเรียน

ข่าวล่าสุด

ทร.แจงไม่ได้ข่มขู่กัมพูชา ย้ำใช้กลไกทวิภาคีปมเขื่อนกันคลื่น