posttoday

ย้อนดูบุคลิกสาวไทย ผ่านดีไซน์และแฟชั่น

06 พฤษภาคม 2558

แสงแฟลชพึ่บพั่บทันทีที่หญิงสาวแต่งกายด้วยผ้าแถบโจงกระเบนเดินเฉิดฉาย

โดย...กองทรัพย์

แสงแฟลชพึ่บพั่บทันทีที่หญิงสาวแต่งกายด้วยผ้าแถบโจงกระเบนเดินเฉิดฉาย จากนั้นพรมแดงในงานก็ว่างเว้น เพราะหญิงสาวในชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ปรากฏกายอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยชุดฟูฟ่องของแฟชั่นยุควิกตอเรียน กระทั่งการแสดงจบลงจึงได้พูดคุยถึงแรงบันดาลใจของเจ้าของผลงาน ในงานจัดแสดงผลงานนักศึกษาระดับปริญญาเอก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต หลักสูตรศิลปะการออกแบบ Square & Sequence Exhibition คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

หญิงสาว-แฟชั่น

ความเป็นไปใน 2 วัฒนธรรม

เมย์ริสสรา จันทรรัตน์ เจ้าของผลงานแฟชั่นโชว์ ที่หยิบยกเอาการแต่งกายของ 2 วัฒนธรรม อย่างสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างการนุ่งห่มโจงกระเบน และการแต่งกายสมัยควีนวิกตอเรียน อย่างเสื้อแขนพองทรงหมูแฮม กระโปรงทรงสุ่ม มาผสมผสานเป็นแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าการแต่งกาย เพื่อเป็นไอเดียในการออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าของสาวๆ ยุคใหม่ให้ดูมีมิติยิ่งขึ้น

เมย์ริสสรา เล่าถึงที่มาของการศึกษาแฟชั่นเปรี่ยบเทียบยุคนี้ว่า จากความสนใจเรื่องการแต่งกายสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติแฟชั่นในเมืองไทย เนื่องจากประเทศไทยขณะนั้นเริ่มเปิดประเทศ และการแต่งกายของหญิงสาวยุคนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งไปสอดคล้องกับการแต่งกายสมัยควีนวิกตอเรียน เช่น เริ่มเปลี่ยนจากคาดผ้าแถบ ห่มสไบ นุ่งโจงกระเบน พัฒนามาใส่เสื้อทรงแขนพองและสวมกระโปรงทรงสุ่ม

ย้อนดูบุคลิกสาวไทย ผ่านดีไซน์และแฟชั่น

 

“แรงบันดาลใจของการศึกษาชิ้นนี้ เพราะเป็นคนชอบแฟชั่น ต้องดูว่าแฟชั่นยุคไหนที่น่าสนใจและมีเรื่องราวให้สืบค้น สุดท้ายมาลงตัวที่ยุคของรัชกาลที่ 5 และควีนวิกตอเรียน จากนั้นก็ศึกษาประวัติศาสตร์ ดูภาพยนตร์ แล้วก็ศึกษาลักษณะแฟชั่นยุคนั้นว่ามีความเหมือนความต่างกันอย่างไร เบื้องต้นที่เราพบว่ามีทั้งความเหมือนและความต่าง ซึ่งเมื่อศึกษาไปถึงแนวคิดของผู้หญิงทั้งสองยุค พบว่าพัฒนาการแฟชั่นที่เหมือนกันคือ รู้จักปกปิดมากขึ้น เมื่อก่อนเราใส่ผ้าแถบแล้วพัฒนามาสู่การห่มสไบ ใส่เสื้อ

“ขณะที่เมืองไทยรับเอาวัฒนธรรมวิกตอเรียนเข้ามา ฝั่งควีนวิกตอเรียนก็รับเอาแฟชั่นฝั่งกรีซมาเหมือนกัน ขณะที่ไทยประโคมเสื้อผ้าหลายชั้น ยิ่งมากชิ้นยิ่งบ่งบอกว่าเป็นชนชั้นสูง ฝั่งตะวันตกเขากลับลดทอนความยุ่งเยอะของเสื้อผ้าลงเพราะเขาเริ่มเข้ายุคประชาธิปไตย เป็นการรับวัฒนธรรมที่ทำให้แฟชั่นแต่ละฝั่งเปลี่ยนแปลงไป”

ขณะที่ พิมพ์ชินภัค พัฒนชนม์ เวิร์กกิ้งวูแมนผู้ปราดเปรียว สวมบทบาทตัวแทนสาวในยุคโรแมนติก (Obsession in Romantic) โดยมาในชุดเดรสยาวสีขาว ซึ่งสะท้อนความเป็นหญิงสาวสูงผ่านลายลูกไม้ หมวกที่ประดับขนนก เธอเผยความรู้สึกในฐานะหญิงสาวในอดีตว่า “เสื้อผ้าชุดนี้มีความเป็นผู้หญิงสูงมากๆ พอได้ใส่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงสมัยก่อนก็คงสนุกดี เพราะว่าได้แต่งตัวสวย เดินกรีดกราย และมีท่วงท่าที่สง่า แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าผู้หญิงสมัยก่อนคงต้องใช้เวลาในการแต่งตัวมากเหมือนกัน และพอแต่งตัวเสร็จแล้วคงจะทำอะไรมากไม่ได้ เพราะชุดจะบังคับให้หลังตรง คอตั้ง ด้วยดีไซน์ที่เพิ่มความสง่างามให้บุคลิกหญิงสาวสมัยนั้น เข้าใจถึงวัฒนธรรมของเสื้อผ้ามากขึ้น”

ย้อนดูบุคลิกสาวไทย ผ่านดีไซน์และแฟชั่น

 

ลักษณะอักษร

สะท้อนตัวตนและยุคสมัย

เพราะความสนใจเรื่องการออกแบบตัวอักษร อรวรรณ ประพฤติดี จึงเลือกทำการศึกษาตัวอักษรประดิษฐ์ที่อยู่บนปกนิตยสารผู้หญิง เพราะว่าตัวอักษรอยู่ในงานออกแบบเกือบจะทุกอย่างและตัวอักษรประดิษฐ์สามารถสะท้อนบุคลิกของผู้หญิงได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งเธอเลือกศึกษาปกนิตยสารผู้หญิงในรอบ 100 ปี (พ.ศ. 2431-2531)

“สาเหตุที่เลือกศึกษาถึงแค่ปี 2531 แต่ปีหลังจากนี้ไม่ได้ทำ เพราะความหลากหลายของยุคถัดมาจนถึงปัจจุบันนิตยสารผู้หญิงมีความหลากหลายมาก นอกจากนี้เราเชื่อมโยงถึงแฟชั่นด้วยเพราะว่าจะแบ่งยุคง่าย เพราะเทรนด์ของผู้หญิงมาก็จะมาตามแฟชั่นของแต่ละยุคด้วย ที่สำคัญคือนิตยสารแฟชั่นจะดีไซน์ตามบุคลิกของกลุ่มเป้าหมาย พอดีไซน์ตามบุคลิกของกลุ่มเป้าหมาย ก็จะสามารถสะท้อนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

“การศึกษาพยายามที่จะหาเรื่องให้ครอบคลุมประวัติศาสตร์ 100 ปีที่เราค้นคว้า ในช่วงแรกไทยยังออกแบบตามฝรั่งอยู่ ไทยเริ่มมีนิตยสารฉบับแรกจะอยู่ในยุคปลายๆ รัชกาลที่ 5 มีนิตยสารเล่มแรก คือ นารีรมย์ การออกแบบยังไม่มีการสะท้อนตัวตนของคนอ่านมากนัก ต้องทำการศึกษาค้นคว้า ก็เลยยึดนิยายอิงประวัติศาสตร์จึงใช้ประวัติศาสตร์ที่สะท้อนผ่านนวนิยายที่ตัวละครเด่นเป็นผู้หญิงแทน จะเน้นไปที่ผู้หญิงที่อ่านนิยายประวัติศาสตร์เพราะว่านักเขียนแต่งนิยายจะต้องรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เช่น นวนิยายเรื่องสี่แผ่นดิน หรือมาลัยสามชาย ก็เลยได้ข้อสรุปว่าขณะนั้นผู้หญิงจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน เขายังอยู่ในประเพณีดั้งเดิม”

ย้อนดูบุคลิกสาวไทย ผ่านดีไซน์และแฟชั่น

 

การศึกษาของ อุบลวรรณ ปิติพัฒนะโฆษิต และอวยพร พานิช ในหัวข้อ 100 ปี ของนิตยสารสตรีไทย (พ.ศ. 2431-2531) ที่ระบุถึงยุคมืดของนิตยสารสตรี (มิ.ย. 2475-2489) ว่ายุคนี้มีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงการปกครอง สงครามโลกครั้งที่ 2 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รวมถึงนโยบายการปฏิวัติวัฒนธรรมในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วย เหล่านี้ล้วนทำให้นิตยสารสตรีถูกลืมหายไปเกือบ 13 ปี มีเพียง 3 ฉบับในช่วงนี้ คือ หญิงไทย ประมวญมารค และสวนอักษร ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของอรวรรณ ที่ว่า แบบตัวอักษรจะหายไป และรูปแบบของตัวอักษรที่เป็นทรงเรขาคณิตไม่ได้สะท้อนบุคลิกของผู้หญิงเท่าที่ควร แต่จะเน้นความคมชัดของตัวอักษรมากกว่า

“ผู้หญิงในยุคนี้ที่โดดเด่น คือ อังศุมาลิน ตัวละครเอกในคู่กรรม สังเกตว่าผู้หญิงยุคนี้ได้รับการศึกษามากขึ้น ผู้หญิงก็จะไม่เหมือนแม่พลอยแล้ว ในรัชกาลที่ 6 มีมหาวิทยาลัย ผู้หญิงเริ่มมีความรู้และมีบุคลิกที่หลากหลายมากขึ้น ตัวอักษรก็จะเริ่มมีความหนา ดูแล้วให้อารมณ์แข็งๆ แต่บางปกหนังสือไม่ได้สะท้อนบุคลิกของผู้หญิง เพราะนักออกแบบในยุคหลังบางทีก็ไม่ได้นึกจะสะท้อนแล้ว เพราะว่าเขาต้องการให้หัวหนังสือเขาขายได้ ก็เลยทำให้ตัวอักษรที่ออกแบบชัดและหนา ก็เลยดูเป็นการสะท้อนบุคลิกของผู้หญิงยุคนั้นๆ ไป แต่ผู้หญิงก็เริ่มเข้มแข็งในบทบาทของนักต่อสู้หรือเริ่มมีปากเสียงในสังคมมากขึ้น แต่ว่าถ้ามองในแง่การออกแบบอาจจะยังไม่สะท้อนเท่าที่ควร”

ย้อนดูบุคลิกสาวไทย ผ่านดีไซน์และแฟชั่น

 

หญิงสาวตื่นตัว

พร้อมการฟื้นคืนของนิตยสารผู้หญิง

ในยุคตื่นตัวของนิตยสารผู้หญิง (พ.ศ. 2490-2500) ในช่วงนี้มีนิตยสารสำหรับผู้หญิงกลับฟื้นคืนมาในโลกของนิตยสารอีกครั้ง มีนิตยสารสตรีเกิดขึ้นหลายฉบับ แม้ว่าระยะต้นเศรษฐกิจจะยังตกต่ำอยู่ เนื้อหาเน้นทางด้านบันเทิงและแม่บ้านการเรือน มีนิตยสารสำหรับผู้หญิงเกิดในยุคนี้ 25 ฉบับ ที่สำคัญในยุคนี้ คือ สตรีสาร สกุลไทย กุลสตรีเดลิเมล์วันจันทร์ ศรีสัปดาห์ เพลินจิตต์ และเรวดี

“สิ่งที่สะท้อนอย่างเห็นได้ชัดคือหลังสงครามโลกยุติลง ซึ่งสังคมขณะนั้นจะไม่พูดเรื่องการเมือง จะฟุ้งและหันกลับเข้ามาเรื่องบันเทิงมากขึ้น ในนิตยสารก็จะมีแพตเทิร์นชุด งานประดิดประดอย และนวนิยาย” อรวรรณ กล่าวและว่า ส่วนยุคสุดท้าย (2516-2531) เป็นยุคแห่งข่าวสารและความหลากหลาย มีความเปลี่ยนแปลงในด้านเนื้อหาที่ให้ข่าวสารและความรู้หลายด้านมากขึ้น เพราะความเจริญทางด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร ข่าวสารและความรู้ด้านต่างๆ จึงมีความสำคัญมาก ในยุคนี้มีนิตยสารเกิดขึ้นมากถึง 64 ฉบับ ที่สำคัญ ได้แก่ เปรียว ดิฉัน แพรว ผู้หญิง หญิงไทย สตรีทัศน์ จันทร์ ฯลฯ

“การดีไซน์จึงเริ่มมองกลุ่มเป้าหมายของนิตยสารเป็นหลัก ในยุคนี้จะมีกลุ่มเป้าหมายในตลาดเยอะมากขึ้น  แมกกาซีนหลายหัวมากขึ้น ยุคนี้จะสะท้อนบุคลิกของผู้หญิงที่เด่นชัดที่สุด ผู้หญิงที่เรียนสูงก็จะได้ทำงานดี มีความกระฉับกระเฉง ขณะเดียวกันก็ซ่อนความอ่อนหวานไว้ข้างใน ผู้หญิงมีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งจะต่างจากยุคแรกๆ ที่ผู้หญิงไม่มีความรู้” อรวรรณ อธิบาย

ย้อนดูบุคลิกสาวไทย ผ่านดีไซน์และแฟชั่น

 

ผู้ศึกษาอักษรประดิษฐ์ บอกอีกว่า “จริงๆ แล้วทฤษฎีเรื่องบุคลิกภาพนำมาใช้กับงานประดิษฐ์อักษรโดยทั้งหมดไม่ได้ เราก็เลยต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ เช่น แฟชั่น และการเคลื่อนไหวของศิลปะเข้าไปบวกกับทฤษฎีเหล่านั้นด้วย จึงจะได้แบบอักษรที่ค่อนข้างตรงกับบุคลิกนั้นๆ และสะท้อนชัดเจน ได้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว อยู่ในขั้นตอนการนำข้อมูลไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญและสุดท้ายจะออกมาเป็นโมเดลของการออกแบบต่อไป

“สุดท้ายงานศึกษาชิ้นนี้จะออกมาเป็นไกด์ไลน์เป็นคู่มือให้นักออกแบบรุ่นใหม่ ว่าตัวอักษรแบบใดจะสะท้อนความเป็นผู้หญิงและรสนิยมของผู้หญิงแต่ละแบบได้ เช่น เป็นคนแข็งแรงหรือบุคลิกห้าวๆ จะสะท้อนผ่านตัวอักษรหนา หรือถือเป็นคนหรูหรา ลักษณะของตัวอักษรก็จะเพรียวและสูง เป็นต้น”

ถ้าคุณผู้หญิงกำลังกางแมกกาซีนอยู่ ลองดูซิว่า! ที่เขาว่ามา จริงหรือไม่?

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68