กบฏบวรเดช หรือสงครามกลางเมืองของไทย
สมุดภาพ พระยาพหลพลพยุหเสนา ภาค 2 ปราบกบฏ พ.ศ. 2476 โดย ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ แห่งสำนักพิมพ์ต้นฉบับ
โดย...ส.สต
สมุดภาพ พระยาพหลพลพยุหเสนา ภาค 2 ปราบกบฏ พ.ศ. 2476 โดย ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ แห่งสำนักพิมพ์ต้นฉบับ เป็นการนำภาพหายาก หนา 200 หน้า โดยคุณธงชัยที่เป็นนักสะสมหนังสือเก่าหายากชั้นนำของไทยคนหนึ่งอนุญาตให้เผยแพร่ต่อได้
คุณธงชัยเขียนบอกเล่าการพิมพ์สมุดภาพตอนหนึ่ง ว่า ปี 2558 นี้ได้พิมพ์สมุดภาพพระยาพหล ภาค 2 ตอน ปราบกบฏ พ.ศ. 2476 เป็นรายการแรก เนื้อหาเป็นภาพเก่าจำนวน 2 อัลบั้ม เกี่ยวกับการปราบกบฏและจัดเก็บรักษาไว้ที่ ศูนย์กลางทหารปืนใหญ่จังหวัดลพบุรี นับเป็นผลงานที่ 39 ของสำนักพิมพ์
นอกจากภาพหายากแล้ว คำนิยมโดย ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 4 หน้าก็มีคุณค่ายิ่ง เพราะบอกเล่าเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงนั้น นับแต่การก่อเกิดคณะกู้บ้านกู้เมือง ที่ยกกำลังทหารจากหัวเมืองต่างๆ มาตั้งประชิดพระนครภายใต้การนำของ พลเอกพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้งการวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ส่งผลต่อบ้านเมืองอย่างไรในระยะต่อมา
อีกทั้งได้พาไปดูภาพเล็กๆ ของการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกว่า อยู่ใต้การนำของใคร ในขณะที่ผู้ก่อการมีผู้ร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเพียงท่านเดียว คือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (นายปรีดี พนมยงค์)
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลชุดแรกก็เป็นแบบประนีประนอมกับอำนาจเก่า จึงได้พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) มาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสยาม หลังจากการปฏิวัติ พ.ศ. 2475
จุดที่ทำให้เกิดคณะกู้บ้านกู้เมือง คือหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรได้เดือนเศษ หลวงประดิษฐ์มนูธรรมเสนอเค้าโครงเศรษฐกิจ ต่อรัฐบาล และได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่ายว่ามีเนื้อหาเป็นสังคมนิยม จนกระทั่งหลวงประดิษฐ์มนูธรรมต้องเดินทางออกนอกประเทศ แต่เหตุการณ์มิได้ยุติ เพราะหลังจากนั้นพระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้ประกาศปิดสภาผู้แทนราษฎร ประกาศงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เป็นเหตุให้พระยาพหลพลพยุหเสนาต้องทำการปฏิวัติอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2476 ตอนนี้พันเอกพระยาพหลฯ เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก แต่เหตุการณ์ไม่สงบ เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวใต้ดินเป็นระยะๆ ส่งผลให้ความไม่ไว้วางใจเพิ่มพูนขึ้น จนถึงเกิดคณะกู้บ้านกูเมือง และกลายเป็นกบฏบวรเดชในที่สุด
การปราบกบฏบวรเดชครั้งนั้น ส่งผลให้เกิดผู้นำใหม่ทางทหารขึ้นมาอีกท่านหนึ่ง คือ พันตรีหลวงพิบูลสงคราม ที่ต่อมาคือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยตอนนั้นท่านได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ในการสู้รบกับฝ่ายกบฏ จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ จากนั้นท่านคือผู้นำประเทศที่นำไปสู่ยุคสมัยรัฐนิยม จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ตอนหนึ่ง ดร.นครินทร์ เขียนว่าผู้สนใจประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่ ควรให้ความสำคัญของการปราบกบฏบวรเดช เพราะการเมืองสยามจะมีรูปแบบและพัฒนาไปจากแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง หากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้น หรือยุติลงในแบบอื่น
อย่างไรก็ตาม การปราบกบฏหรือบางท่านเรียกว่าสงครามการเมืองครั้งแรกของไทย ได้ทิ้งร่องรอยความสูญเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย เมื่อมีการสู้รบเกิดขึ้นที่ทุ่งบางเขนและปากช่อง โดยฝ่ายรัฐบาลสูญเสียนายทหาร นายสิบ และพลทหาร 15 นาย จัดพิธีพระราชทานเพลิง ณ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2476 และสร้างอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญขึ้นที่บางเขน
ส่วนฝ่ายกบฏเสียชีวิต 3 นาย ล้วนแต่เป็นนายทหารทั้งสิ้น ซึ่งจัดการฌาปนกิจศพที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 14 พ.ย. 2476 (ปีใหม่ยังเป็นเดือน เม.ย.)
ภาพที่สำนักพิมพ์ต้นฉบับนำมาตีพิมพ์บอกเรื่องราวต่างๆ ได้ดี แม้ว่าวิวัฒนาการของการถ่ายภาพเมื่อ 80 ปีที่แล้วต่างจากปัจจุบัน แต่ก็ได้ภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ภาพเกี่ยวกับการสู้รบ หรือการทำสงคราม แต่เป็นภาพที่บอกเล่าผลของสงครามกลางเมืองไว้ให้ลูกหลานได้จดจำ


