posttoday

ชีวิตความรัก ของชายผู้ผ่านวัย 30+

19 เมษายน 2558

“รู้มั้ยว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน... ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อใด เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว...”


“รู้มั้ยว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน... ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อใด เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว...” ผมได้ยินเพลงรักเพลงนี้ทุกครั้ง ในงานแต่งงานแทบทุกงานที่ได้รับเชิญไปร่วม นอกจากเพลงนี้แล้ว แขกในงาน โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนๆ กันก็มักถ่ายภาพงานแต่งแล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊กทำนองว่า “งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ” อันอาจแสดงให้เห็นว่า จริงๆ แล้วมีคนอยากแต่งงานอยู่ไม่น้อย แต่ยังไม่ได้แต่งหรือยังไม่มีคู่ หรือยังไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะแต่งกับใคร???

เรื่องหนึ่งของการสนทนาในวงร่ำสุราของหมู่เพื่อนชาย พวกเราเป็นชายผู้ผ่านวัยเกิน 30 ปีมาแล้ว มักคุยกันถึงเรื่องคนรัก ครอบครัว สุขภาพ และการแต่งงาน สิ่งที่ผมจะเล่าและยกตัวอย่างต่อไปนี้ อาจไม่ใช่บรรทัดฐานของผู้ชายทั้งหมด แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้ชายในสังคมที่เปิดเผยความรู้สึกนึกคิด แลกเปลี่ยน ถกเถียง รำพึงรำพัน ผ่านการใช้ชีวิตรอบๆ ข้างผม จนผมเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง และมันมีหลายมุมมอง สำหรับความรักของชายวัยสามสิบบวก

ผมเคยนั่งคุยกับชายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางคนบอกว่าเขาศรัทธาในความรัก แต่ไม่ศรัทธาในการแต่งงาน ผมพลันนึกถึงเพลง “สมรสกับภาระ” ของวงอพาร์ตเมนต์คุณป้า ขึ้นมาทันที แต่จริงๆ แล้วคู่สนทนาของผม เขาอธิบายว่า จริงๆ แล้วเขามีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาว แต่พิธีแต่งงานไม่สำคัญเลย โดยเฉพาะเขาผู้ผ่านการมีพิธีแต่งงานมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง ทำให้เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยสำหรับพิธีที่สิ้นเปลืองแบบนั้น โดยส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าการอยู่ด้วยกันและบอกกล่าวให้ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายรับทราบก็เพียงพอแล้ว

ในขณะที่ชายอีกคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เขาเจอแฟนในโปรแกรมแชตหาคู่ เดทครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในผับที่ RCA จากนั้นใช้เวลาคุยกันประมาณสองเดือนก่อนตกลงปลงใจคบหากันในฐานะแฟน ด้วยความที่ฝ่ายชายอายุ 31 ปีแล้ว ผ่านความรักมาหลายครั้ง เขาจึงคิดว่าถึงเวลาที่จะหาคู่ชีวิตสักที เขาเล่าให้ผมฟังเองว่า ตอนไปจีบ เขาไม่ได้รุกไล่ฝ่ายหญิงเลย เขาพยายามเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด เพราะคิดว่าถ้ารับกันได้ก็อยู่กันยาว และที่สำคัญเขากำลังหาแม่ของลูก ดังนั้นเขาไม่ใช่มาจีบเล่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าการเจอกันในโปรแกรมแชตไลน์หาคู่ ต่างฝ่ายต่างต้องคุยกับเพศตรงข้ามอีกหลายคนที่เข้ามาสานสัมพันธ์เช่นกัน  ฝ่ายชายบอกผมว่า เขาไม่ได้ห้ามให้ฝ่ายหญิงคุยกับใคร แต่วันนึงพอสนิทกันและตกลงคบหาดูใจกัน จะต้องเลิกคุยกับคนอื่นไปโดยอัตโนมัติ ผมทิ้งคำถามในวันที่เขาถือการ์ดแต่งงานมาแจกหลังจากทั้งคู่คบหาดูใจกันเป็นเวลาสองปีว่า เขาเสียดายความโสดมั้ย?  ฝ่ายชายผู้ผ่านประสบการณ์และประสบกามมาอย่างโชกโชนบอกอย่างไม่เสียเวลาคิดว่า “ไม่ว่ะ” ในขณะที่ฝ่ายหญิงหลบสายตายิ้มแห้งๆ แล้วไม่ยอมพูดอะไรต่อ...

พี่ชายคนหนึ่งซึ่งผมรู้จักผ่านเฟซบุ๊กมานานหลายปี ได้มีโอกาสเจอกันครั้งแรกในวงเหล้าด้วยเรื่องงาน แต่ท้ายสุดวงเหล้าจะพาเราไปสู่ทุกเรื่อง ยิ่งดึกเรื่องยิ่งเยอะ ทั้งเศรษฐกิจ  สังคม การเมือง กระทั่งเรื่องความรัก พี่ชายเล่าเรื่องความรักให้ฟังอย่างพรั่งพรู เขาแต่งงานแล้วในวัยสามสิบตอนปลาย ก่อนแต่งงานคบหากับผู้หญิงอยู่หลายคนพร้อมกัน  สำหรับผู้หญิงทุกคน เขาเรียกมันว่าความรักไม่น้อยไปกว่ากัน ถ้าใครเคยอ่านนิยายพันธุ์หมาบ้า ให้นึกถึงตอนที่ทัยกำลังเล่นกีตาร์รำพันเพลง “น้อยก็หนึ่ง” “...คุณก็หนึ่ง เขาก็ใช่ อยู่ร่วมกันด้วยใจเสริมส่ง วันคืนเปลี่ยน หมุนไปอย่างน่าสนใจ ฉันเพียงให้หัวใจแสนบริสุทธิ์...” คงจะพอนึกภาพออกสำหรับความรักที่โปรยปรายรอเวลาที่จะตัดสินใจสักวันหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่งพี่ชายตัดสินใจเลือกหญิงสาวที่คบหาเป็นคนแรก พี่ชายคนนี้บอกว่าเขาดูแลเรา ตอนเราป่วยมีแต่เขาที่มาดูแล ความดีมันชนะทุกอย่าง เลยตัดสินใจแต่งงานกัน ผมละลาบละล้วงต่อว่า เสียใจมั้ยพี่กับความรักที่ไม่ได้เลือก เขาตอบกลับทันทีว่า แม่งโคตรเจ็บปวด ยิ่งตอนหลังมารู้ว่าคนรักที่เขาไม่ได้เลือก อยากจะมาดูแลเขาตอนป่วยเช่นกัน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมีคนดูแลอยู่ก่อนแล้ว จะให้มาได้อย่างไร เขายิ่งบอกว่า แม่งโคตรเจ็บปวดฉิบหาย!!!

ในวัยสามสิบบวกอย่างพวกผม บางทีเจอคำถามที่ได้ยินสม่ำเสมอว่า แต่งงานหรือยัง มีลูกหรือยัง มีแฟนหรือยัง บางทีกับเพื่อนที่คบหากันมานานพอมาเจอหน้ากันทีก็ถามว่า ยังคบหากับแฟนคนเดิมอยู่มั้ย นี่คือสิ่งที่พวกเราเจอเป็นประจำ ผมนั่งคุยเพื่อนสนิทหลายคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ดูเหมือนว่าการแต่งงานและการมีครอบครัวจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ส่วนใหญ่แล้วผมและเพื่อนๆ อยู่ในสังคมมนุษย์เงินเดือน มีเงินชนเดือนไว้ประทังชีวิต จ่ายค่าเช่าห้อง ค่าผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็แทบไม่พอจะครบเดือน ยิ่งอายุสามสิบกว่างานสังคมก็เยอะเข้าไปอีก ช่วงหลังนี่ไปงานแต่งงานบ่อยมาก ใส่ซองเป็นว่าเล่น ยิ่งเป็นงานแต่งงานของรุ่นน้องก็ต้องใส่ซองในแบบที่รุ่นพี่พึงกระทำ ดังนั้นเรื่องจะเหลือจะเก็บแทบไม่ต้องพูดถึง พอมันจำกัดเรื่องการเงิน การคิดไปไกลถึงพิธีการมันจึงไม่เกิดขึ้นได้โดยง่าย ก็อยู่ๆ กันไปก่อนให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้เป็นพอ นี่ยังไม่ต้องนับรวมถึงการมีลูกสืบสันดาน เป็นเรื่องที่ห่างไกลความคิดพอสมควร (แต่เวลาเจอลูกเพื่อนแบบเด็กทารกนี่ ขออุ้มก่อนเลย 555) เพราะคิดเสมอว่าตัวเองกับแฟนยังเอาตัวแทบไม่รอด ถ้ามีลูกมาอีกคนหรือสองคนจะไหวหรอ ในขณะที่เพื่อนสนิทผมอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีลูกแล้ว 3 คน บอกกับพวกเราเสมอว่า พวกมึงไม่ต้องกลัวหรอกนะ เวลามึงเป็นพ่อคนเนี้ยะ มันจะมีพลังพิเศษที่ทำให้มึงทำทุกอย่างได้ มันจะทำมาหากินจนหาเลี้ยงลูกได้เอง แล้วย้ำกับพวกเราว่า เวลามึงมีลูก มึงจะทำอะไรจะรอบคอบขึ้น เพราะกลัวตาย ลูกยังเล็กอยู่ ตายไม่ได้ ผมฟังมันเล่าเรื่องทำนองนี้หลายครั้ง จนเกือบคล้อยตาม แต่ก็คิดอีกมุมหนึ่งว่า แล้วถ้าพลังพิเศษที่มึงว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนล่ะ หรือเกิดพลังแล้ว แต่มันก็ไม่พอจะแดกล่ะ จะทำยังไงว่ะ?

นอกจากนี้ ผมเห็นคนที่อยากออกจากความรักหลายคู่ เป็นเรื่องที่คนในอยากออก ส่วนคนนอกก็อยากเข้า เพราะเห็นแสดงความเหงาเวิ้นเว้อในโลกออนไลน์จำนวนมากประกาศตัวต่อชาวโลกว่าโสดจีบได้ ผมมีพี่ที่ผมรู้จักคนหนึ่ง ประสบความผิดหวังในชีวิตครอบครัว เหมือนมีบาดแผลในใจ เขาเพียรพยายามตามหาความรักอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบจุดลงตัว  บางทีเขาเลือกเดินเท้าไปยังสถานที่คุ้นเคย มีบางแห่งอยู่ในความทรงจำของเขา บางทีก็อาจช่วยหล่อเลี้ยงให้ชีวิตยังพอมีความหมาย หรืออาจกลับกลายเป็นการทำลายความมั่นใจในชีวิตได้ในโอกาสเดียวกัน ผมเคยถามพี่เขาตรงๆ ว่า “ไปเพื่อจะหลุดพ้น...หรือตั้งใจไปเหงา”

ผมเขียนถึงวรรคสุดท้ายแล้ว ยังไม่มั่นใจว่าจะจบลงอย่างไร แต่เริ่มเห็นว่าชีวิตความรักของชายวัย 30+ คิดมากขึ้น ทั้งคิดจะมั่นคง คิดจะเป็นอิสระ คิดจะไม่ผูกมัด ทุ่มเทเต็มที่  ทุ่มเทบางส่วน ฯลฯ หลากหลายที่จะกำหนดมันเอง จากประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนที่ผ่านมา บางทีคนเหงาก็เหงามาก บางทีคนมีคู่ก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัวตามลำพัง ไม่มีหลักเกณฑ์อะไรแน่นอนในความรัก แต่เชื่อเหลือเกินว่าทุกหัวใจต้องการความรักมาหล่อเลี้ยงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

และเพลงส่วนที่หายไป ของ อารักษ์ อาภากาศ ก็ดังขึ้น “นานมาแล้ว ฉันเที่ยวตามหา ส่วนที่หายไป เนิ่นนานทีเดียว ฉันเที่ยวไป หา...ส่วนที่หายไป ส่วนที่หายไป... อย่าถามฉันเลย... ว่าเมื่อไหร่จะหยุดเดินทาง เพราะบางครั้ง...ฉันก็ยังเคย...ถามตัวเอง...”

ข่าวล่าสุด

หุ้นไทยปิดพุ่ง 19.30 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่ รับเคาะวันเลือกตั้งชัดเจน 8 ก.พ.69