ผมก็คือผม แดนอรุณ รามณรงค์
กำลังได้รับกระแสตอบรับที่ดีเลยทีเดียวกับภาพยนตร์วัยรุ่นย้อนยุคอย่างเรื่อง 2538 อัลเทอร์มาจีบ โดยมี เนตั้น-แดนอรุณ รามณรงค์
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร-ภคินัย ฟักฉ่ำ ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
กำลังได้รับกระแสตอบรับที่ดีเลยทีเดียวกับภาพยนตร์วัยรุ่นย้อนยุคอย่างเรื่อง 2538 อัลเทอร์มาจีบ โดยมี เนตั้น-แดนอรุณ รามณรงค์ เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวสุดป่วนผ่านคาแรกเตอร์ที่ชื่อก้อง ผู้ที่ไปเจอเพจเจอร์สุดเก๋าของพ่อ แล้วได้รับข้อความให้โทรกลับ ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ก็ได้เกิดขึ้นหลังจากนี้
แต่วันนี้ แดนอรุณจะมาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาเอง ในฐานะนักแสดงน้องใหม่ไฟแรง
แดนอรุณเล่าให้เราฟังว่า เขาย้ายมาอยู่เมืองไทยตอนอายุ 13 ปี (ปัจจุบันอายุ 19 ปี) แม้ตอนแรกจะมีอุปสรรคในเรื่องของการสื่อสาร แต่เมื่อใช้ระยะเวลาหนึ่ง พัฒนาการก็ดีขึ้นตามลำดับ หนึ่งอย่างเลยที่ช่วยให้เขาพูดได้ชัดเจนและสื่อสารกับคนอื่นรู้เรื่องคงเป็นการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันเขาศึกษาอยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
“ตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย เวลาคุยกับอาจารย์ หรือพรีเซนต์งาน จะใช้ภาษาอังกฤษ แต่เมื่ออยู่กับเพื่อนจะใช้ภาษาไทย มันจึงทำให้ผมมีพัฒนาการที่ดีขึ้น พูดได้คล่องขึ้นครับ ส่วนเหตุผลที่ผมเลือกเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผมเป็นคนที่ชอบออกแบบ ชอบศิลปะ ส่วนพวกสูตรคำนวณท่องจำนี่ผมขออยู่ห่างๆ เลยละกัน เหมือนมันเข้ากันไม่ได้ (หัวเราะ)”
สำหรับการเข้าสู่วงการบันเทิง แดนอรุณเข้าวงการเมื่อตอนอายุ 15 ปี โดยผลงานเรื่องแรกคือละครแนวพีเรียดเรื่องบ่วงบาป ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นการถ่ายทำที่ผ่านไปอย่างทุลักทุเล อีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องของการแสดงอีกด้วย หลังจากนั้นก็มีผลงานภาพยนตร์ตามมา
“ในความคิดผม การถ่ายทำภาพยนตร์กับละครมันต่างกันอยู่พอสมควร อย่างภาพยนตร์ ผมไม่ต้องแสดงไปตามบทที่ให้มา 100% แต่เรามีส่วนร่วมในการออกแบบตัวละครกับผู้กำกับได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบงานละครนะ ถ้าได้ลองเล่นหลายๆ แนวดู อาจจะติดใจขึ้นมาก็ได้”
หากพูดถึงความได้เปรียบของชายหนุ่มคนนี้ เรื่องภาษาอังกฤษน่าจะเป็นความได้เปรียบของเขา ไม่แปลกหากความได้เปรียบนี้จะไปเข้าตาผู้กำกับในต่างประเทศสักคน และอาจทำให้เขาสามารถโกอินเตอร์ได้อย่างง่ายดายในอนาคต
“ขอให้เป็นเรื่องของโอกาสดีกว่าครับ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยคาดหวังอะไรมาก แต่ถ้าได้รับโอกาสนั้นจริงๆ ผมถือว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ ครับ เพราะคนที่เห็นเราจะไม่ใช่แค่คนในประเทศไทย แต่คือคนทั้งโลก แต่เอาจริงๆ นะ ผมไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น แค่คิดว่าในแต่ละจุดที่ผมได้ก้าวเดิน ผมจะทำมันให้ดีที่สุด แต่ถ้าชีวิตในวงการบันเทิงมันไม่โอเคจริงๆ ผมคงเลือกที่จะทำตามที่ผมเรียนมา นั่นคืองานออกแบบ ผมชอบเอาจินตนาการมาทำให้เป็นความจริง”
ไม่ว่าแดนอรุณจะเลือกเดินบนเส้นทางใด จะเป็นงานแสดง หรืองานออกแบบ แต่สิ่งที่ยังคงอยู่สำหรับเขา นั่นคือการได้เป็นตัวของตัวเอง
“สิ่งที่ผมเป็นมาตลอดและก็จะเป็นต่อไป นั่นคือ อะไรที่มันไม่จริง จะมีไปทำไม อย่าเป็นอะไรที่เราไม่ได้เป็น อย่าเป็นอะไรเพียงเพราะคนอื่นชอบ การเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุดแล้ว แต่ต้องมีกาลเทศะด้วย แค่นี้แหละครับ อีกอย่างคือผมไม่อยากให้ทุกคนมองว่าผมเป็นหลานคนนั้น เป็นลูกคนนี้ ผมก็คือผม เนตั้น-แดนอรุณ รามณรงค์ ครับ”


