ทำไมอุตสาหกรรมการบินของไทยสะเทือน
เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
หลังจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization หรือ ICAO) ได้ประเมินความสามารถในการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทย พบว่ามีข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยของการขนส่งทางอากาศ โดยให้คะแนนเพียงแค่ 35.6% เท่านั้น จากการตรวจสอบ 8 ข้อหลัก เป็นผลให้องค์การการบินพลเรือนของญี่ปุ่น (Japan Civil Aviation Bureau หรือ JCAB) ไม่อนุญาตให้สายการบินของไทยเพิ่มเที่ยวบิน เพิ่มเส้นทางบิน หรือเปลี่ยนขนาดของเครื่องบิน เหตุการณ์นี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการขนส่งระหว่างไทยและญี่ปุ่นอย่างไม่ต้องสงสัย
ประเทศไทยโดยกรมการบินพลเรือนได้ส่งแผนการปรับปรุงแก้ไขไปให้ ICAO เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558 ซึ่ง ICAO ได้เห็นชอบแผนการปรับปรุงแก้ไขเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2558 โดยกรมการบินพลเรือนจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น กรมการบินพลเรือนจะต้องเจราจาขอขยายเวลากับ ICAO พร้อมกับเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
เหตุที่ไทยได้คะแนนจากการประเมินของ ICAO ต่ำมากนั้น กรมการบินพลเรือนอ้างว่าเป็นเพราะได้งบประมาณน้อย ทำให้มีบุคลากรและอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ผมได้ตรวจดูงบประมาณปี 2558 พบว่า กรมการบินพลเรือนได้รับ 1,708,251,500 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่น้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกรมอื่นๆ ในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยกรมการบินพลเรือนได้รับงบประมาณคิดเป็นสัดส่วน 1.7% ของงบประมาณทั้งหมดของกระทรวงคมนาคม ในขณะที่กรมทางหลวงได้รับสูงสุดถึง 60,334,233,800 บาท หรือคิดเป็น 60% ของงบประมาณทั้งหมดของกระทรวงคมนาคม
เมื่อดูงบประมาณที่กรมการบินพลเรือนได้รับจำนวน 1,708,251,500 บาท พบว่าส่วนใหญ่ (81%) ใช้ในการปรับปรุงสนามบิน ในขณะที่งบประมาณที่ใช้ในการบริหารจัดการ การกำกับดูแลการขนส่งทางอากาศ และการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วยการค้นหา ช่วยเหลือ สอบสวนอุบัติเหตุ การออกใบอนุญาต ใบสำคัญ ใบรับรองการขนส่งทางอากาศ การให้ข้อมูลการบิน และการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีเพียงแค่ 19% เท่านั้น เมื่อดูลึกยิ่งขึ้น พบว่าในสัดส่วน 19% นี้ กรมการบินพลเรือนใช้ในการออกใบอนุญาต ใบสำคัญ ใบรับรองการขนส่งทางอากาศเพียงแค่ 8.7% เท่านั้น
แต่เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อย้อนดูการประเมินของ ICAO เมื่อปี พ.ศ. 2548 ปรากฏว่าไทยได้คะแนนถึง 74.7% โดยได้คะแนนเกิน 50% ทุกข้อยกเว้นข้อ 3 “หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัย” ซึ่งหมายถึงกรมการบินพลเรือนที่ได้เพียง 46.2% ที่น่าแปลกใจก็เพราะว่าในปี พ.ศ. 2558 กรมการบินพลเรือนได้รับงบประมาณน้อยกว่านี้มาก เหตุผลหนึ่งที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะในปี พ.ศ. 2548 มีสายการบินเพียงแค่ 12 สายเท่านั้น แต่ในขณะนี้สายการบินเพิ่มขึ้นเป็นถึง 42 สาย
จะอย่างไรก็ตาม ผลการประเมินของ ICAO ต่อประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กรมการบินพลเรือน เพราะทำให้รัฐบาลตระหนักถึงบทบาทความสำคัญของกรมการบินพลเรือน ซึ่งจะต้องจัดสรรงบประมาณให้กรมการบินพลเรือนให้เหมาะสมกับภาระหน้าที่ มิฉะนั้น อุตสาหกรรมการบินของไทยจะสะเทือนแน่


