posttoday

เมาะลำใย-เมียวดี เส้นทางเทือกเขาตะนาวศรี ที่จะกลายเป็นตำนาน

29 มีนาคม 2558

ด้วยหน้าที่การงานจึงทำให้ ดร.ปิติ ศรีแสงงาม อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดย...พาแลง ภาพ ดร.ปิติ ศรีแสงงาม /คลังภาพโพสต์ทูเดย์

ด้วยหน้าที่การงานจึงทำให้ ดร.ปิติ ศรีแสงงาม อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางและเล่าเรื่องประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียนได้อย่างออกรสออกชาติ เมื่อเรายิงคำถามไปว่า เส้นทางไหนในอาเซียนที่อยากให้คนไทยลองไปสัมผัส ดร.ปิติ ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่า ถ้าต้องเลือกเล่า ต้องเล่าเรื่องนี้ก่อนคือ การเดินทางจากเมืองเมาะลำใยหรือคนไทยอาจจะคุ้นในชื่อมะละแหม่ง และจุดสิ้นสุดการเดินทางที่เมืองเมียวดี ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ของประเทศไทย แต่แปลกตรงไหนและทำไมนักเดินทางจะต้องไปสัมผัสสักครั้ง ไปพบคำตอบ...

“เส้นทางที่ว่ามานี้เป็นต้นทางระเบียงของเศรษฐกิจตะวันตก เพราะเมียนมาร์ใช้เส้นทางนี้ลำเลียงสินค้าชายแดนทาง อ.แม่สอด จ.ตาก สู่เมียวดี (Myawaddy) ในรัฐกะเหรี่ยงหรือคะหยิ่น (Kayin) ผ่านมาที่กอกะเร็ก (Kawkareik)  พะอาน (Hpa An) จนไปพักที่เมืองเมาะลำใยโดยใช้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไปยังรัฐต่างๆ ของเมียนมาร์ต่อไป ตอนนี้เมืองเมาะลำใยกำลังจะสร้างสนามบินนานาชาติและท่าเรือน้ำลึก ตรงนี้จะกลายเป็นชุมทางที่จะกระจายสินค้าด้านตะวันออกของประเทศ”

เมาะลำใย-เมียวดี เส้นทางเทือกเขาตะนาวศรี ที่จะกลายเป็นตำนาน

บรรยากาศของเมืองเมาะลำใยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา สังเกตว่าจะมีวัดแบบศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู คริสต์ และอิสลาม อยู่ในเมืองเล็กๆ นี้ เพราะในอดีตเมืองนี้เป็นตกอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษและมีการส่งลูกหลานของเจ้าเมืองต่างๆ ในปกครองของอังกฤษมาร่ำเรียนที่นี่ แต่ความงดงามของสถาปัตยกรรมในแบบผสมผสานก็ทำให้เมืองท่าเล็กๆ นี้มีเสน่ห์อย่างประหลาด

“ตอนเช้าก็มีปลาสดตัวโตๆ มาขาย ผักสด คล้ายบรรยากาศตลาดบ้านเรา การเดินทางตามระเบียงเศรษฐกิจตะวันตกของพวกเรากำลังจะเริ่มขึ้น แต่ในระหว่างนี้ก็แวะดูของสวยงามขึ้นชื่อของเมืองเล็กน้อย คือ
วัดวินเส่ง ตอว์ยะ (Win Sein Taw Ya) ซึ่งชาวเมียนมาร์บอกว่าเป็นที่ประดิษฐานพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ห่างจากเมืองเมาะลำใยไปทางใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ทางเข้าจะมีรูปปั้นพระภิกษุสงฆ์เดินต่อเป็นแถวนับไม่ได้ว่ามีกี่รูป แต่ละรูปใหญ่กว่าขนาดคนจริง  ส่วนองค์พระนอนสร้างพาดไปแนวเดียวกับภูเขา คาดว่ามีความยาวประมาณ 170 เมตร สูงราวตึก 5 ชั้น ด้านในองค์พระแบ่งเป็นชั้นๆ ผมไม่ทราบปีที่สร้างแน่ชัดแต่ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ด้านล่างจะมีสไลเดอร์คล้ายเป็นของทำมือเอาไว้ให้คนที่มาวัดผ่อนคลาย มองแล้วก็รู้สึกเย็นตามไปด้วย” ดร.ปิติ เล่าออกรส

เมาะลำใย-เมียวดี เส้นทางเทือกเขาตะนาวศรี ที่จะกลายเป็นตำนาน

ดร.ปิติ บอกว่า ถนนของการเดินทางจากเมาะลำใยไปเมืองพะอานจนถึงกอกะเร็กเป็นถนนสองเลนคุณภาพมาตรฐานเมียนมาร์ แต่ปัญหาสำคัญของการเดินทางคือถนนที่มาจากกอกะเร็กไปเมียวดีซึ่งเป็นถนนเลนเดียว ต้องลัดเลาะไปตามเทือกเขาตะนาวศรี แต่ก่อนจะถึงทางเส้นที่ว่านั้นในพะอานเมืองที่มีป่า มีเขาหินปูน และถ้ำที่สวยงามและมหัศจรรย์จากฝีมือของคนรุ่นก่อนอยู่ไม่น้อยทีเดียว

 “เส้นทางนี้คนทั่วไปไม่ค่อยได้ผ่าน จะมีถ้ำที่สวยหลายถ้ำ แต่เนื่องจากเวลาที่เราไปเป็นหน้าฝน ถ้ำบางแห่งจึงเข้าไปไม่สะดวกจึงแวะได้เพียงแห่งเดียว คือ ถ้ำกอกูน (Kawgoon Cave) ถ้ำพระไสยยาสน์กอกูน เป็นถ้ำหินปูนธรรมชาติ ในหมู่บ้านกอกูน ด้านเหนือของแม่น้ำสาละวิน สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ก่อนจะเข้าไปในบริเวณถ้ำต้องจ่ายค่าเข้าชมด้วย”

อาจารย์หนุ่ม เผยความรู้สึกครั้งแรกที่เห็นถ้ำว่า ตะลึงสุดๆ “นอกจากข้างในจะสวยและแปลกตา ถ้ำกอกูนทำให้ผมลืมความงามของที่อื่นไปเลย เมื่อมองไต่ระดับผนังถ้ำขึ้นไปจะเห็นช่องที่แกะสลักพระพุทธรูปแบบมอญองค์เล็กๆ เรียงรายไว้ทั่วทุกจุด สวยงามมากๆ คือมองแล้วมหัศจรรย์ตรงที่คนสมัยก่อนนอกจากจะเก่งแล้วยังต้องมีพลังศรัทธาที่แรงกล้ามากๆ ถึงสามารถปีนไปแกะสลักพระพุทธรูปบนผนังถ้ำได้”

เมาะลำใย-เมียวดี เส้นทางเทือกเขาตะนาวศรี ที่จะกลายเป็นตำนาน

 

เหมือนความสวยงามจะหยุดการเดินทางของ ดร.ปิติและคณะไม่ได้ จากพะอาน ผ่านกอกะเร็ก เข้าสู่เมียวดี ถนนที่เป็นสองเลนค่อยๆ แคบลงเหลือแค่หนึ่งเลน ยางมะตอยค่อยๆ บางจนกลายเป็นลูกรังกระทั่งโคลน จากทางราบค่อยๆ เดินทางผ่านถนนเส้นเล็กๆ ลัดเลาะไปตามหน้าผาของเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยที่อังกฤษเข้ามาเป็นเจ้าอาณานิคมตั้งแต่ 70-80 ปีที่แล้ว

“เข้าเส้นไฮไลต์ของเราแล้ว ถนนสายนี้เรียกได้ว่าเสี่ยงมากๆ เพราะข้างซ้ายเป็นเหว ข้างขวาเป็นหน้าผา ซึ่งการเดินทางก็เหมือนเราเลาะไปตามหน้าผา อย่างที่บอกว่าช่วงที่ผมเดินทางไปเมียนมาร์เป็นช่วงหน้าฝน หน้าผาก็จะกลายเป็นน้ำตก แล้วน้ำตกก็ไหลลงมาที่ถนนและเรื่อยลงไปในเหว ถ้าล้อรถตวัดนิดเดียวก็ร่วงจากหน้าผาได้ง่ายๆ

“กฎของการขับรถบนถนนเส้นนี้คือจากเมียวดีมากอกะเร็กวิ่งได้วันคี่ จากกอกะเร็กไปเมียวดีวิ่งได้วันคู่ แต่พวกเราก็เห็นมีรถวิ่งอยู่ทั้งวัน ทั้งรถขนเหล็ก ขนอาหารทะเล ผักผลไม้และอะไรต่อมิอะไรจากไทยไปเมียนมาร์ พูดได้ว่าเส้นทางนี้จึงเป็นเส้นทางโลจิสติกส์หลักที่สองประเทศต้องใช้เพื่อให้คนเมียนมาร์กว่า 50 ล้านคนมีกินมีใช้”

เมาะลำใย-เมียวดี เส้นทางเทือกเขาตะนาวศรี ที่จะกลายเป็นตำนาน

มินิบัสออกเดินทางจากเมืองกอกะเร็กในช่วงบ่ายและมาถึงเมืองเมียวดีในเวลาเย็น การเดินทางบนเส้นทางเพียง 62.3 กิโลเมตร ต้องใช้ระยะทางมากกว่า 3 ชั่วโมง เพราะสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วเพียง 15–25 กม./ชม.เท่านั้น “ถึงแม้ว่าตลอดเส้นทางวิวจะสวย แต่ก็มีบางช่วงที่คนนั่งต้องปลุกพระสวดมนต์กันบ้าง เพราะติดหล่ม-ลื่นไถล และเมื่อข้ามเขาตะนาวศรีมาได้จะเป็นการเดินทางภายในเมียนมาร์แบบที่คุณๆ คุ้นเคยกัน”

สำหรับคนที่ชอบการเดินทางที่ตื่นเต้นและอยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ ดร.ปิติ แนะนำว่า ให้เริ่มต้นจาก อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วเดินผ่านแดนบริเวณสะพานมิตรภาพ “ถึงเมียวดีจะมีรถโดยสารประจำทางไปนครย่างกุ้ง ซึ่งโดยปกติจะมี 2 ประเภท คือ มินิบัส ซึ่งคิดค่าโดยสารคนละ 2.5 จ๊าด หรือประมาณ 850–900 บาท และรถบรรทุกสินค้าขนาดเล็กที่ทำที่นั่งให้ผู้โดยสารโดยการเดินทางไปพร้อมกับสินค้า รถมอเตอร์ไซค์ เป็ด-ไก่ เต็มทั้งกระบะหลังและหลังคา ถ้าเดินทางด้วยวิธีนี้ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 8,000 จ๊าด หรือประมาณ 250–300 บาท โดยรถทั้งสองประเภทจะหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารไปตลอดเส้นทาง จากการสอบถามคนแถวนั้นพบว่าถ้าเดินทางออกจากเมียวดีช่วง 9 โมงเช้าก็จะไปถึงนครย่างกุ้งในราวตี 4 ของวันรุ่งขึ้น ทรหดแบบนี้มีแต่ซาดิสต์ที่ชอบ”

เมาะลำใย-เมียวดี เส้นทางเทือกเขาตะนาวศรี ที่จะกลายเป็นตำนาน

 

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท