‘เอสเธอร์’ เธอคือ นางเอก
“เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่น่าจับตามอง ได้เห็นฝีไม้ลายมือการแสดงมาแล้วหลายเรื่อง ตั้งแต่ยังเป็นสาวน้อยแรกแย้ม
โดย...นกขุนทอง ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพาณิช
“เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่น่าจับตามอง ได้เห็นฝีไม้ลายมือการแสดงมาแล้วหลายเรื่อง ตั้งแต่ยังเป็นสาวน้อยแรกแย้ม จนโตสะพรั่งเป็นสาวสวยพราวเสน่ห์ ทว่าบทบาทของเธอก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน กับตำแหน่ง “นางเอก” เสียที เฉียดไปเฉียดมา แวบไปเล่นบทร้ายก็มี
จนล่าสุดกับละครเรื่อง “เล่ห์รตี” ทางช่องวัน เอสเธอร์ได้รับบทเป็นนางเอก ก่อนหน้านี้เอสเธอร์เคยเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 แต่ในที่สุด เธอเลือกไม่ต่อสัญญา ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ขืนอยู่ต่อไปก็ไม่ได้เป็นนางเอกเสียที ซึ่งหลังจากออกจากสังกัดเดิม เอสเธอร์ก็ได้เป็นนางเอกละครทันที ยิ่งตอกย้ำข่าวนี้ แต่จริงเท็จเป็นเช่นไร ให้นางเอกป้ายแดงเป็นคนบอกเองดีกว่า
“ตอนนี้ยังเป็นนักแสดงอิสระอยู่ค่ะ เอสเธอร์หมดสัญญากับที่เดิมพอดีเป็นช่วงทีวีดิจิทัลกำลังมา ทำให้เรามองเห็นโอกาสหลายๆ ที่ น่าจะลองดู ที่เดิมเอสเธอร์ก็มีงานเรื่อยๆ ช่องให้อะไรมาเราก็เล่นตามนั้น เพราะช่องให้มาก็เป็นบทที่ดี ตัวละครทุกตัวก็มีความสำคัญเหมือนกันหมดค่ะ คนอื่นอาจจะมอง ความคิดห้ามกันไม่ได้ ที่ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาไม่เกี่ยวกับว่าไม่ได้เป็นนางเอกเสียที คิดแค่อยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะตอนที่เข้ามาทำงานตอนนั้นอายุ 15 เอง พอเราโตขึ้น ก็อยากลองร่วมงานกับหลายๆ ที่ดู ตอนนี้นอกจากทางเอ็กแซ็กท์ ก็มีทางพีพีทีวีที่ติดต่อมา”
เอสเธอร์เป็นนักแสดงเจ้าบทบาท จะแก่นเซี้ยว ร้ายลึก เรียบร้อย น่ารัก ก็ตีบทผ่านฉลุย แม้จะเล่นมาหลายเรื่อง แต่คำว่านางเอกค้ำคอก็ทำให้กดดันได้เหมือนกัน
“ในเรื่องรับบทเป็น เคท ค่ะ ค่อนข้างมองโลกแง่บวก รักครอบครัว และเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองอยู่เสมอ ตอนแรกคิดว่าบทนี้ไม่ยากนะคะ แต่พอมาอ่านบทแบบเต็มๆ คิดหนักเหมือนกันว่า เรารับละครผิดเรื่องหรือเปล่า เพราะคิดว่ามันเป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ทั่วๆ ไป ที่ไหนได้ค่อนข้างจะหนักไปทางดราม่า ยอมรับว่าแอบกดดันเหมือนกัน เพราะเป็นอีกบทบาทที่ไม่เคยเล่นมาก่อน”
ไม่เพียงได้เป็นนางเอก แต่พอมาร่วมงานกับค่ายใหม่ ก็ได้เจอพระเอก (ฌอห์ณ จินดาโชติ) เคมีก็ดันเข้ากั๊นเข้ากัน จนเกิดอาการปิ๊งๆๆ นอกจอหรือเปล่า
“รู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้มาเล่นคู่กับพี่ฌอห์ณ เพราะมีหลายคนชมว่าเราเคมีตรงกัน เล่นด้วยกันน่ารักดี ทำให้ทำงานกับพี่ฌอห์ณแล้วลดความกดดันลงไปได้เยอะเลย พี่ฌอห์ณเป็นคนเฟรนด์ลี่ ทำให้เราค่อนข้างสนิทกันเร็ว และด้วยการถ่ายทำละครใช้เวลานานหลายเดือน เราเจอกันในการทำงานเยอะ ก็ต้องสนิทกันอยู่แล้ว พี่เขาเป็นสุภาพบุรุษเหมือนพี่ใหญ่ในกอง ถามไถ่น้องๆ ซื้อขนมมาให้กินบ้าง เราคุยกันเรื่องงาน ส่วนเรื่องอื่นคนอื่น เป็นเรื่องส่วนตัวพี่เขา เราคุยกันแค่เรื่องการทำงานของเรา เวลาถูกถามเรื่องความรัก เราก็ไม่ได้คุยกันก่อน ต่างตอบในมุมของเรา ตอนนี้คนก็จับตาเรื่องความรักด้วย ก็ไม่อึดอัดค่ะ เพราะเราก็สนิทกันจริง ทำงานด้วยกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่เจอกันบ่อย อีกอย่างเอสเธอร์โตขึ้นด้วยมั้งค่ะ เมื่อก่อนเวลาโดนถามจะอาย แต่ตอบคำถามไปเรื่อยๆ ฝึกตัวเองเหมือนกัน มีไหวพริบมากขึ้น เลือกที่จะตอบ แต่ตอนนี้ไม่กดดันค่ะ ก็มองว่าเป็นอีกมุมหนึ่งในชีวิตเราที่ต้องตอบ ส่วนตัวก็ไม่ได้เขินมากค่ะ”
ในเรื่องนี้ต้องมีจูบจริงด้วยนี้สิ เอสเธอร์ก็ยอมเล่นจริง จูบจริง เพราะไว้ใจพระเอก “มีบทจูบจริงเอสเธอร์ก็หายห่วง เพราะพี่ฌอห์ณเขาจะคอยดูแลเราตลอด คอยถามก่อนตลอดว่าเราโอเคหรือเปล่า แต่สำหรับเอสเธอร์คิดว่าการเล่นจริง จูบจริง มันมีผลต่อการรับส่งอารมณ์ด้วย ถ้าเล่นจริงได้มันจะทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้ดีกว่าค่ะ”
ณ ตอนนี้เอสเธอร์ยังเป็นนักแสดงอิสระ ซึ่งเธอได้สัมผัสโอกาสที่หลากหลาย แม้ว่างานอาจจะไม่แน่นอน แต่ที่มีเข้ามา ทำให้เธอได้แสดงความสามารถ และพิสูจน์ตัวเองว่า สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่ผ่านมา และประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนให้เธอมีความรับผิดชอบ นึกถึงใจเขาใจเรา และต้องทำเต็มที่ในหน้าที่ของตัวเอง


