หลงดี...จนจิตชั่ว หลงชั่ว...จนสิ้นดี!
สังคมยุคฝนตกขี้หมูไหล มีเรื่องชวนสังเวชให้ได้รู้เห็นไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เหลวไหล ไร้สาระ น่ารังเกียจ ยิ่งยามที่คนชั่วกับบรรพชิตทุศีลสมาคมกัน... ยิ่งสะท้อนให้เห็นจริงในคำกล่าวที่ว่า ยุคฝนตกขี้หมูไหล!!
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา... สังคมยุคฝนตกขี้หมูไหล มีเรื่องชวนสังเวชให้ได้รู้เห็นไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เหลวไหล ไร้สาระ น่ารังเกียจ ยิ่งยามที่คนชั่วกับบรรพชิตทุศีลสมาคมกัน... ยิ่งสะท้อนให้เห็นจริงในคำกล่าวที่ว่า ยุคฝนตกขี้หมูไหล!!
...พิจารณาเรื่อง คนชั่ว-คนดี ให้คณะศรัทธาที่ชอบแต่เรื่องถูกใจฟัง ชี้แจงแสดงให้เห็นจริงว่า ...คนชั่ว ที่เก่ง มีความรู้ กล้าหาญ ย่อมมีอำนาจเหนือคนดีที่ขาดความรู้และอ่อนแอ ไม่ว่ายุคใดสมัยใด
กระแสสังคมจึงเทไปทางด้าน คนชั่วที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติดุจบัณฑิต แต่มีพฤติจิตเป็นอกุศล จึงสามารถคิด อ่าน ทำกิจ ได้อย่างแยบคาย ทั้งในด้านที่มีสาระและไร้สาระ
ยามใด จิตชั่ว คิดทำความดี เพื่อหวังผลตอบแทนตามสามัญสำนึกของจิตชั่ว... ความดีก็ย่อมปรากฏให้ชาวโลกสรรเสริญชื่นชมยินดีได้ ...และในตรงข้าม เมื่อไหร่กลับมาสู่การทำความชั่วอันตรงตามพฤติจิต เมื่อนั้น พลังแห่งความอำมหิต ย่อมสาดแสงเหนือหมู่ชน จนต้องยอมสยบอยู่ใต้อำนาจแห่งความชั่วนั้น...
เมื่อโลกวางหลักความสำเร็จไว้ที่ ลาภยศ สรรเสริญ สุข โดยมีกติกาของโลกว่า...มือใครยาวสาวได้สาวเอา... การคิดแผนแย่งชิงฉกฉวยเพื่อให้ได้มาในทุกรูปแบบจึงเกิดขึ้น ...ศีลธรรม จริยธรรม จึงดำรงอยู่ได้ยากในสังคมแบบนี้ ด้วยพื้นฐานจิตชั่วที่ปฏิเสธคุณประโยชน์ของธรรม ด้วยคำนึงถึงแต่คุณประโยชน์ของโลกเป็นสำคัญ
สังคมจึงแบ่งข้าง แยกฝ่ายออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่างคนดี-คนชั่ว ไปจนถึงพระดี-พระชั่วในศาสนา...
โลกจึงไร้ความสงบ ด้วยขาดดุลยภาพแห่งธรรม ทั้งนี้เพราะเสียสมดุลระหว่างสองส่วน คือ ความดี-ความชั่ว ซึ่งปกติของโลกนั้นจะต้องมีสองส่วน-สองสิ่งที่ตรงข้ามกันในทุกเรื่อง เพื่อถ่วงดุลกัน...
จะประเสริฐเลิศล้ำ ไม่มีชั่วเลยก็ไม่ได้..จะเลวร้ายสุดๆ ไม่มีดีบ้างก็ไม่ได้ ดุจจิตใจของสัตว์ทั้งหลาย ที่ประกอบด้วยอำนาจดี-ชั่วในทุกดวง
จึงเป็นเรื่องราวของศาสนา ที่ต้องผลิตคำสอนเพื่อเป็นปุ๋ยใส่ให้ความดีเจริญงอกงาม เหนือ ความชั่ว จนสามารถควบคุมความชั่วไว้อยู่ในอำนาจได้ เพื่อสร้างพลังความดีขึ้นมาควบคุม จนกว่าจะชำระความชั่วได้หมดสิ้นไปได้
การชักเย่อระหว่างความชั่ว-ความดีจึงเกิดขึ้น ที่เป็นสนามทดสอบของแรงกรรม...ในจิตใจ
จึงอยู่ที่การสร้างพื้นฐานจิตดี ให้มีความรู้ กล้าหาญ เรียกว่า ดีด้วย เก่งด้วย กล้าหาญด้วย จึงจะไปรอดสันดอนโลก ที่กีดขวางการกระทำความดี แต่เปิดช่องไหลให้กับการทำความชั่วอย่างไม่มีประมาณ... เรียกว่า เผลอใจหน่อยเดียวทำชั่วเสียแล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในสามทางแห่งกรรม คือ กาย... วาจา... ใจ...
ที่ต้องควรระวังที่สุด คือ อย่าให้ความเก่ง ความกล้า แปรกลับมาอยู่ฟากจิตชั่ว เพราะเท่ากับเอาศัสตราวุธยื่นใส่มือโจร หรือ... มอบอำนาจให้อยู่ในอุ้งมือมาร... คงจะไม่ต้องกล่าวต่อไปว่า อะไรจะเกิดขึ้น!!
วันนี้แห่งสังคม จึงต้องเร่งผลิตคนดีที่มีอยู่แล้ว ให้มีคุณภาพสมฐานะ ด้วยการนำหลักธรรมะปลูกใส่ลงไปอย่าได้ขาด เสมือนรดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน ต้นไม้ เรียกว่า ต้องเพียรเรียนรู้ปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง จนสามารถผลิตความรู้ขึ้นมาเลี้ยงดูความดีให้เข้มแข็ง กล้าหาญ ใช้งานใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ... เพื่อการมี คนดีที่เก่ง กล้าหาญ คืนกลับสู่สังคม!!
เจริญพร


