ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ 'ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้'
ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่าธนาคารกสิกรไทยเติบโตอย่างพรวดพราดขึ้นมายืนแถวหน้าในธุรกิจเอสเอ็มอี แซงธนาคารใหญ่ที่เป็นคู่แข่งได้อย่างเกินคาด
โดย...ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์
ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่าธนาคารกสิกรไทยเติบโตอย่างพรวดพราดขึ้นมายืนแถวหน้าในธุรกิจเอสเอ็มอี แซงธนาคารใหญ่ที่เป็นคู่แข่งได้อย่างเกินคาด
กุญแจแห่งความสำเร็จของการก้าวขึ้นสู่ “เบอร์หนึ่ง” ในตลาดเอสเอ็มอี และขึ้นแท่นเป็นผู้นำรีเทลแบงก์กิ้งของเคแบงก์ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาเพราะฝีมือของทีมงานการตลาดที่แข็งแกร่ง โดยมีปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เป็นแม่ทัพ
ปกรณ์ เล่าว่า การก้าวขึ้นแท่นผู้นำตลาดเป็นผลมาจากความเพียรพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจ และการทุ่มเทอย่างหนัก และมีความเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจทำอะไรแล้วก็ต้องสำเร็จ และความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่เขาคนเดียว ขึ้นอยู่กับทีมงานทุกๆ คนด้วย
“สิ่งหนึ่งที่เป็นหลักในการทำงานและบอกลูกน้องเสมอว่า เราต้องมี Can Do Attitude ถ้าเราตั้งใจทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ และต้องคิดว่าต้องทำให้ได้ด้วย ในเมื่อเราได้รับมอบหมายมา เขาก็ต้องคิดแล้วว่าเราทำได้ ผมเป็นคนที่ได้รับมอบหมายอะไรมาก็ต้องทำให้ดีที่สุด” ปกรณ์ กล่าว
ดังนั้น คำว่า “ทำไม่ได้” จึงไม่มีอยู่ในความคิดของมาร์เก็ตติ้งแมนคนนี้
โจทย์หนึ่งที่ท้าทายปกรณ์ คือการได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพ รุกและรบกับธุรกิจรีเทลแบงก์กิ้ง มีความท้าทายมาก และมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก เราต้องตามให้ทัน
ปกรณ์ กล่าวว่า การทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์จากนี้ไปจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ธนาคารจะไม่ทำแค่รับฝากเงินกับให้สินเชื่อเท่านั้น ธุรกิจธนาคารจะต้องตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และแบงก์จะต้องเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของทุกคน ด้วยคอนเซ็ปต์แจ้งเกิด “ไลฟ์สไตล์ แบงก์กิ้ง”
การตั้งโจทย์ดังกล่าวทำให้เขาตีความการเป็นผู้นำในธุรกิจรีเทลแบงก์กิ้งของเมืองไทยว่า คือการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกช่วงอายุ และไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ลูกค้าเหล่านี้ใช้บริการของธนาคารเป็นหลัก จากนั้นจึงหาวิธีบรรลุเป้าหมายอย่างเข้มข้น ไม่เพียงแต่การตอบโจทย์ลูกค้า
“ธนาคารต้องเป็นเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งธนาคารจะต้องตอบสนองทุกอย่างให้ได้” ปกรณ์ กล่าว
เขาเห็นว่า หัวใจที่จะผลักดันให้สู่เป้าหมายได้ คือ ตัวเขา ในฐานะ ผู้นำ (Leader) มีหน้าที่ จุดประกาย (Inspire) ทีมงานให้เขามีแรงใจในการทำงาน แล้วเดินไปด้วยกัน
“ถ้าเราตั้งเป้าหมายอยู่คนเดียวว่าจะไปที่นั่นที่นี่ แต่ถ้าทีมงานไม่เห็นด้วยคงไม่สำเร็จ ทุกปีผมจะมีคุยกับพนักงาน 2 ครั้ง โดยต้นปีเราพูดถึงทิศทาง (Direction) และกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อให้ทีมงานที่มีอยู่หมื่นกว่าคนเดินได้ถูกทิศทาง ผ่านมาครึ่งปีก็จะกลับมาเช็กอีกครั้งว่า เรื่องไหนเราทำได้ดี ทำต่อเรื่องไหนต้องปรับก็ปรับ ผมถือว่าเป็นการทำแบบฝึกหัดที่ดี (Exercise)” ปกรณ์ เล่าแนวทางการทำงานให้ฟัง
นอกจากนี้ ได้ให้ผู้จัดการเขตต้องออกมานำเสนอแผนงานว่ามีกลยุทธ์และเป้าหมายอย่างไร ให้ออกมานำเสนอต่อหน้าผู้จัดการเขต ผู้จัดการสาขา เป็นพันคน เท่ากับเป็นการให้คำมั่นสัญญา (คอมมิสเมนต์) และการมีรางวัลจูงใจให้กับผู้ที่ทำงานได้บรรลุเป้าหมาย
จากวิธีการบริหารแบบนี้ทำให้ที่ผ่านมาพนักงานธนาคารกสิกรไทยมีการลาออกหรือย้ายงานน้อยมาก เพราะธนาคารจะให้โอกาสและเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพที่ชัดเจน ดังนั้น พนักงานที่ตัดสินใจทำงานกับธนาคารแล้ว ถ้าทำงาน 1-2 ปีแล้วรู้ตัวเองว่าไม่ใช่ ไม่ชอบก็จะลาออกไป แต่คนที่ทำงานและชอบจะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้าในอาชีพการงาน
อีกอย่างที่ปกรณ์ให้ความสำคัญในการทำงานมาก คือ การสร้างความเชื่อมั่น เชื่อใจของผู้นำ (Trusted Leader) ถ้าเป็นผู้นำที่ลูกน้องเชื่อใจ ลูกน้องจะทำงานเต็มที่ ความเชื่อใจจะมีความหมายมาก ทั้งระหว่างลูกน้องกับหัวหน้า หัวหน้ากับหัวหน้า เมื่อทุกคนเชื่อใจ เชื่อมั่นกันแล้ว มันไม่ต้องมาตรวจสอบกันถี่ยิบ จะส่งผลให้เกิดทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ส่วนความเชื่อมั่น เชื่อใจ (Trust) กับลูกค้ายิ่งเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าลูกค้าเชื่อใจเรา เขาก็อยู่กับธนาคารเป็นลูกค้าระยะยาว
“ประสบการณ์การทำงานทุกอย่างที่ผมทำสามารถที่จะมาต่อยอดการทำงานได้ทั้งหมด” เขา กล่าว
จากความทุ่มเทและทีมงานที่ดี ทำให้ปีที่แล้ว ธนาคารกสิกรไทย มีลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็นล้านราย และขณะนี้ปกรณ์ก็มีแนวคิดใหม่ที่จะขยายธุรกิจออกไปในหัวเมืองใหญ่ที่มีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่ แต่ยังไม่มีใครเข้าไปเจาะลูกค้ากลุ่มนี้
เมื่อคิดจะบุกตลาดต่างจังหวัดก็ต้องเปลี่ยนแนวทางการทำโปรโมชั่น ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งต้องใช้เวลาคิดและหาพันธมิตรที่จะเดินไปด้วยกัน จะทำให้น่าสนใจมากกว่าไปคนเดียว
ผลงานที่ผ่านมาทำให้ปกรณ์ได้รับการโปรโมทให้เป็นรองกรรมการผู้จัดการ (อาวุโส) ของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีคนที่ได้ขึ้นมานั่งในตำแหน่งนี้เพียง 2 คน ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตามมาด้วยผลงานการันตีมากมาย ทั้งการคว้า 3 รางวัลจาก Asian Banking & Finance Retail Banking Awards 2014 รางวัล “ธนาคารพาณิชย์เพื่อลูกค้ารายย่อยที่ดีที่สุดในประเทศไทย” รวมถึงเป็นผู้ซึ่งได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 34 ผู้บริหารที่มีผลงานโดดเด่น จากงานสัมมนาระดับโลก Total Payments Asia 2014
ล่าสุด ผลการสำรวจจากแบรนด์ไฟแนนซ์ ประเทศอังกฤษ ประกาศรายชื่อธนาคารทรงคุณค่าโลก 500 อันดับแรก โดยธนาคารกสิกรไทยติดอันดับเป็นธนาคารทรงคุณค่าโลกอันดับ 118 ซึ่งเป็นอันดับที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10 อันดับ
รางวัลทั้งหมดมีคุณค่าทางจิตใจต่อปกรณ์อย่างยิ่ง เพราะถือว่าเป็นผลสะท้อนภาพการทำงาน การทุ่มเทของเขาและทีมงานการตลาดของธนาคารกสิกรไทย
นี่คือผลของคำว่า “ทำไม่ได้” ไม่มีในพจนานุกรมของผู้ชายคนนี
ก่อนจะเป็นดาว
ย้อนเส้นทางชีวิตของ “ปกรณ์ พรรธนะแพทย์” ก่อนที่จะขึ้นแท่นนักการตลาดอันดับหนึ่ง
ปกรณ์เรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสายวิทยาศาสตร์ แต่เป็นห้องเรียนสายวิทย์ที่ไม่มีการเรียนวิชาชีววิทยา เพราะไม่อยากเป็นหมอ เขาชอบการคำนวณ ส่วนใหญ่คนเรียนห้องนี้จะต้องสอบเข้าคณะวิศวะ
ช่วงที่เรียนมีโอกาสให้สอบเทียบ ปกรณ์ลองดู ผลของการลองดูก็สอบได้และสอบเอนทรานซ์ติด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนทางด้านการเงิน
“ผมเรียนไปเรื่อยๆ แล้วก็รู้สึกชอบ ก็เรียนจบได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ในเวลา 3 ปีครึ่ง” ปกรณ์ กล่าว
หลังจากได้วิทยฐานะเป็นเศรษฐศาสตรบัณฑิตแล้ว ปกรณ์เลือกเข้าทำงานครั้งแรกในชีวิตกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ อย่างบริษัท เชลล์ ประเทศไทย ในแผนก Distribution Planning ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการวางแผนการขนส่งว่าทำอย่างไรจึงจะลดต้นทุนในการขนส่งได้
“ทำงานอยู่ที่เชลล์ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มคิดว่าอยากไปเรียนต่อ ช่วงนั้นทางธนาคารกสิกรไทยเปิดรับสมัครสอบชิงทุนเป็นนักเรียนทุนกสิกรไทยไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็เห็นว่านี่เป็นโอกาสอีกครั้ง เลยลองมาสอบ ปรากฏว่าสอบได้ทุนธนาคารไปเรียนต่อปริญญาโทที่ Columbia Business School ที่สหรัฐอเมริกา ด้าน Finance, Money & Finance Markets and International Business เรียนจบก็กลับมาทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533
“ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตผม ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเสมอ”ปกรณ์ กล่าว
กว่า 25 ปี ได้เดินในเส้นทางการทำงานธนาคารกสิกรไทยมาโดยตลอด ได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายเสมอ เริ่มต้นประสบการณ์ทำงาน เริ่มทำงานสินเชื่อธุรกิจมาโดยตลอด เพียงแต่เปลี่ยนอุตสาหกรรมเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสได้ดูแลหลากหลายอุตสาหกรรมมาก และก็ดูตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงรายเล็ก
จนกระทั่งปี 2542 ปกรณ์ได้รับโอกาสไปเป็นผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาประเทศสิงคโปร์ การเป็นผู้จัดการสาขาในต่างประเทศต้องทำเองทุกอย่าง ทำให้ได้ประสบการณ์ทำงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาก
“ผมมองว่าการที่ธนาคารมอบหมายให้ไปทำงานในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน เขาต้องคิดแล้วว่าเราทำได้ เราก็ตั้งใจทำให้ดีเท่านั้น” เขา กล่าว
หลังจากกลับจากสิงคโปร์ก็ได้รับมอบหมายให้ไปทำอีกหลายอย่าง จนท้ายที่สุดก็ได้มาตั้งสายงานเอสเอ็มอีขึ้นในปี 2549 โดยมีเป้าหมายว่าต้องทำให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นที่หนึ่งให้ได้ภายใน 3 ปี และก็ทำสำเร็จ
แม้ว่าตารางชีวิตปกรณ์จะเต็มเหยียด ทั้งการพบปะลูกค้าและการประชุมเพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์ต่างๆ แต่ปกรณ์ไม่เครียดเพราะการทำงานที่ตัวเองรักจะทำให้มีความสุข แม้ว่าจะเหนื่อยล้า แค่พักผ่อนนอนสักตื่น ดูหนังที่ชอบ อ่านหนังสือแนวบริหารธุรกิจแบบสบายๆ ตื่นเช้าขึ้นมาก็สามารถที่จะชาร์จตัวเองมาทำงานได้อย่างสดชื่น
“ทุกปีผมมักจะหาโอกาสเติมเต็มสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ด้วยการไปอบรมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้กับธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ทุกครั้งกลับมาทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นำมาปรับปรุงการทำงานได้” ปกรณ์ กล่าว
วันหยุดก็จะไปพักผ่อนบ้านที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านที่เขารักและเริ่มต้นในการออกแบบและตกแต่งบ้านด้วยตัวเอง ดังนั้น ทุกเสาร์-อาทิตย์ที่ว่าง ก็จะไปพักผ่อน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
เมื่อถามถึงอนาคตในชีวิต ปกรณ์ บอกว่า “ผมก็ยังเป็นนายปกรณ์ต่อไป ยังทำงานอยู่ที่กสิกรไทย ทำงานที่ผมรัก ทุกๆ วันเราทำสิ่งที่รักเราก็มีความสุขแล้ว และทำทุกๆ วันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ยังมีอะไรที่อยากจะทำและเป็นโจทย์ที่ท้าทายของชีวิตอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ”


