posttoday

ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ 'ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้'

15 กุมภาพันธ์ 2558

ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่าธนาคารกสิกรไทยเติบโตอย่างพรวดพราดขึ้นมายืนแถวหน้าในธุรกิจเอสเอ็มอี แซงธนาคารใหญ่ที่เป็นคู่แข่งได้อย่างเกินคาด

โดย...ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์

ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่าธนาคารกสิกรไทยเติบโตอย่างพรวดพราดขึ้นมายืนแถวหน้าในธุรกิจเอสเอ็มอี แซงธนาคารใหญ่ที่เป็นคู่แข่งได้อย่างเกินคาด

กุญแจแห่งความสำเร็จของการก้าวขึ้นสู่ “เบอร์หนึ่ง” ในตลาดเอสเอ็มอี และขึ้นแท่นเป็นผู้นำรีเทลแบงก์กิ้งของเคแบงก์ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาเพราะฝีมือของทีมงานการตลาดที่แข็งแกร่ง โดยมีปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เป็นแม่ทัพ

ปกรณ์ เล่าว่า การก้าวขึ้นแท่นผู้นำตลาดเป็นผลมาจากความเพียรพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจ และการทุ่มเทอย่างหนัก และมีความเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจทำอะไรแล้วก็ต้องสำเร็จ และความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่เขาคนเดียว ขึ้นอยู่กับทีมงานทุกๆ คนด้วย

“สิ่งหนึ่งที่เป็นหลักในการทำงานและบอกลูกน้องเสมอว่า เราต้องมี Can Do Attitude ถ้าเราตั้งใจทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ และต้องคิดว่าต้องทำให้ได้ด้วย ในเมื่อเราได้รับมอบหมายมา เขาก็ต้องคิดแล้วว่าเราทำได้ ผมเป็นคนที่ได้รับมอบหมายอะไรมาก็ต้องทำให้ดีที่สุด” ปกรณ์ กล่าว

ดังนั้น คำว่า “ทำไม่ได้” จึงไม่มีอยู่ในความคิดของมาร์เก็ตติ้งแมนคนนี้

โจทย์หนึ่งที่ท้าทายปกรณ์ คือการได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพ รุกและรบกับธุรกิจรีเทลแบงก์กิ้ง มีความท้าทายมาก และมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก เราต้องตามให้ทัน

ปกรณ์ กล่าวว่า การทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์จากนี้ไปจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ธนาคารจะไม่ทำแค่รับฝากเงินกับให้สินเชื่อเท่านั้น ธุรกิจธนาคารจะต้องตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และแบงก์จะต้องเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของทุกคน ด้วยคอนเซ็ปต์แจ้งเกิด “ไลฟ์สไตล์ แบงก์กิ้ง”

การตั้งโจทย์ดังกล่าวทำให้เขาตีความการเป็นผู้นำในธุรกิจรีเทลแบงก์กิ้งของเมืองไทยว่า คือการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกช่วงอายุ และไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ลูกค้าเหล่านี้ใช้บริการของธนาคารเป็นหลัก จากนั้นจึงหาวิธีบรรลุเป้าหมายอย่างเข้มข้น ไม่เพียงแต่การตอบโจทย์ลูกค้า

ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ 'ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้'

“ธนาคารต้องเป็นเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งธนาคารจะต้องตอบสนองทุกอย่างให้ได้” ปกรณ์ กล่าว

เขาเห็นว่า หัวใจที่จะผลักดันให้สู่เป้าหมายได้ คือ ตัวเขา ในฐานะ ผู้นำ (Leader) มีหน้าที่ จุดประกาย (Inspire) ทีมงานให้เขามีแรงใจในการทำงาน แล้วเดินไปด้วยกัน

“ถ้าเราตั้งเป้าหมายอยู่คนเดียวว่าจะไปที่นั่นที่นี่ แต่ถ้าทีมงานไม่เห็นด้วยคงไม่สำเร็จ ทุกปีผมจะมีคุยกับพนักงาน 2 ครั้ง โดยต้นปีเราพูดถึงทิศทาง (Direction) และกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อให้ทีมงานที่มีอยู่หมื่นกว่าคนเดินได้ถูกทิศทาง ผ่านมาครึ่งปีก็จะกลับมาเช็กอีกครั้งว่า เรื่องไหนเราทำได้ดี ทำต่อเรื่องไหนต้องปรับก็ปรับ ผมถือว่าเป็นการทำแบบฝึกหัดที่ดี (Exercise)” ปกรณ์ เล่าแนวทางการทำงานให้ฟัง

นอกจากนี้ ได้ให้ผู้จัดการเขตต้องออกมานำเสนอแผนงานว่ามีกลยุทธ์และเป้าหมายอย่างไร ให้ออกมานำเสนอต่อหน้าผู้จัดการเขต  ผู้จัดการสาขา เป็นพันคน เท่ากับเป็นการให้คำมั่นสัญญา (คอมมิสเมนต์) และการมีรางวัลจูงใจให้กับผู้ที่ทำงานได้บรรลุเป้าหมาย

จากวิธีการบริหารแบบนี้ทำให้ที่ผ่านมาพนักงานธนาคารกสิกรไทยมีการลาออกหรือย้ายงานน้อยมาก เพราะธนาคารจะให้โอกาสและเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพที่ชัดเจน ดังนั้น พนักงานที่ตัดสินใจทำงานกับธนาคารแล้ว ถ้าทำงาน 1-2 ปีแล้วรู้ตัวเองว่าไม่ใช่ ไม่ชอบก็จะลาออกไป แต่คนที่ทำงานและชอบจะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้าในอาชีพการงาน

อีกอย่างที่ปกรณ์ให้ความสำคัญในการทำงานมาก คือ การสร้างความเชื่อมั่น เชื่อใจของผู้นำ (Trusted Leader) ถ้าเป็นผู้นำที่ลูกน้องเชื่อใจ ลูกน้องจะทำงานเต็มที่ ความเชื่อใจจะมีความหมายมาก ทั้งระหว่างลูกน้องกับหัวหน้า หัวหน้ากับหัวหน้า เมื่อทุกคนเชื่อใจ เชื่อมั่นกันแล้ว มันไม่ต้องมาตรวจสอบกันถี่ยิบ จะส่งผลให้เกิดทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ส่วนความเชื่อมั่น เชื่อใจ (Trust) กับลูกค้ายิ่งเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าลูกค้าเชื่อใจเรา เขาก็อยู่กับธนาคารเป็นลูกค้าระยะยาว

ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ 'ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้'

“ประสบการณ์การทำงานทุกอย่างที่ผมทำสามารถที่จะมาต่อยอดการทำงานได้ทั้งหมด” เขา กล่าว

จากความทุ่มเทและทีมงานที่ดี ทำให้ปีที่แล้ว ธนาคารกสิกรไทย มีลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็นล้านราย และขณะนี้ปกรณ์ก็มีแนวคิดใหม่ที่จะขยายธุรกิจออกไปในหัวเมืองใหญ่ที่มีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่ แต่ยังไม่มีใครเข้าไปเจาะลูกค้ากลุ่มนี้

เมื่อคิดจะบุกตลาดต่างจังหวัดก็ต้องเปลี่ยนแนวทางการทำโปรโมชั่น ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งต้องใช้เวลาคิดและหาพันธมิตรที่จะเดินไปด้วยกัน จะทำให้น่าสนใจมากกว่าไปคนเดียว

ผลงานที่ผ่านมาทำให้ปกรณ์ได้รับการโปรโมทให้เป็นรองกรรมการผู้จัดการ (อาวุโส) ของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีคนที่ได้ขึ้นมานั่งในตำแหน่งนี้เพียง 2 คน  ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น

ตามมาด้วยผลงานการันตีมากมาย ทั้งการคว้า 3 รางวัลจาก Asian Banking & Finance Retail Banking Awards 2014 รางวัล “ธนาคารพาณิชย์เพื่อลูกค้ารายย่อยที่ดีที่สุดในประเทศไทย” รวมถึงเป็นผู้ซึ่งได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 34 ผู้บริหารที่มีผลงานโดดเด่น จากงานสัมมนาระดับโลก Total Payments Asia 2014

ล่าสุด ผลการสำรวจจากแบรนด์ไฟแนนซ์ ประเทศอังกฤษ ประกาศรายชื่อธนาคารทรงคุณค่าโลก 500 อันดับแรก โดยธนาคารกสิกรไทยติดอันดับเป็นธนาคารทรงคุณค่าโลกอันดับ 118 ซึ่งเป็นอันดับที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10 อันดับ

รางวัลทั้งหมดมีคุณค่าทางจิตใจต่อปกรณ์อย่างยิ่ง เพราะถือว่าเป็นผลสะท้อนภาพการทำงาน การทุ่มเทของเขาและทีมงานการตลาดของธนาคารกสิกรไทย

นี่คือผลของคำว่า “ทำไม่ได้” ไม่มีในพจนานุกรมของผู้ชายคนนี

ก่อนจะเป็นดาว

ย้อนเส้นทางชีวิตของ “ปกรณ์ พรรธนะแพทย์” ก่อนที่จะขึ้นแท่นนักการตลาดอันดับหนึ่ง

ปกรณ์เรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสายวิทยาศาสตร์ แต่เป็นห้องเรียนสายวิทย์ที่ไม่มีการเรียนวิชาชีววิทยา เพราะไม่อยากเป็นหมอ เขาชอบการคำนวณ ส่วนใหญ่คนเรียนห้องนี้จะต้องสอบเข้าคณะวิศวะ

ช่วงที่เรียนมีโอกาสให้สอบเทียบ ปกรณ์ลองดู ผลของการลองดูก็สอบได้และสอบเอนทรานซ์ติด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนทางด้านการเงิน

ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ 'ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้'

 

“ผมเรียนไปเรื่อยๆ แล้วก็รู้สึกชอบ ก็เรียนจบได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ในเวลา 3 ปีครึ่ง” ปกรณ์ กล่าว

หลังจากได้วิทยฐานะเป็นเศรษฐศาสตรบัณฑิตแล้ว ปกรณ์เลือกเข้าทำงานครั้งแรกในชีวิตกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ อย่างบริษัท เชลล์ ประเทศไทย ในแผนก Distribution Planning ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการวางแผนการขนส่งว่าทำอย่างไรจึงจะลดต้นทุนในการขนส่งได้

“ทำงานอยู่ที่เชลล์ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มคิดว่าอยากไปเรียนต่อ ช่วงนั้นทางธนาคารกสิกรไทยเปิดรับสมัครสอบชิงทุนเป็นนักเรียนทุนกสิกรไทยไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็เห็นว่านี่เป็นโอกาสอีกครั้ง เลยลองมาสอบ ปรากฏว่าสอบได้ทุนธนาคารไปเรียนต่อปริญญาโทที่ Columbia Business School ที่สหรัฐอเมริกา ด้าน Finance, Money & Finance Markets and International Business เรียนจบก็กลับมาทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533

“ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตผม ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเสมอ”ปกรณ์ กล่าว

กว่า 25 ปี ได้เดินในเส้นทางการทำงานธนาคารกสิกรไทยมาโดยตลอด ได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายเสมอ เริ่มต้นประสบการณ์ทำงาน เริ่มทำงานสินเชื่อธุรกิจมาโดยตลอด เพียงแต่เปลี่ยนอุตสาหกรรมเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสได้ดูแลหลากหลายอุตสาหกรรมมาก และก็ดูตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงรายเล็ก

จนกระทั่งปี 2542 ปกรณ์ได้รับโอกาสไปเป็นผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาประเทศสิงคโปร์ การเป็นผู้จัดการสาขาในต่างประเทศต้องทำเองทุกอย่าง ทำให้ได้ประสบการณ์ทำงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาก

“ผมมองว่าการที่ธนาคารมอบหมายให้ไปทำงานในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน เขาต้องคิดแล้วว่าเราทำได้ เราก็ตั้งใจทำให้ดีเท่านั้น” เขา กล่าว

หลังจากกลับจากสิงคโปร์ก็ได้รับมอบหมายให้ไปทำอีกหลายอย่าง จนท้ายที่สุดก็ได้มาตั้งสายงานเอสเอ็มอีขึ้นในปี 2549 โดยมีเป้าหมายว่าต้องทำให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นที่หนึ่งให้ได้ภายใน 3 ปี และก็ทำสำเร็จ

แม้ว่าตารางชีวิตปกรณ์จะเต็มเหยียด ทั้งการพบปะลูกค้าและการประชุมเพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์ต่างๆ  แต่ปกรณ์ไม่เครียดเพราะการทำงานที่ตัวเองรักจะทำให้มีความสุข แม้ว่าจะเหนื่อยล้า แค่พักผ่อนนอนสักตื่น ดูหนังที่ชอบ อ่านหนังสือแนวบริหารธุรกิจแบบสบายๆ ตื่นเช้าขึ้นมาก็สามารถที่จะชาร์จตัวเองมาทำงานได้อย่างสดชื่น

“ทุกปีผมมักจะหาโอกาสเติมเต็มสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ด้วยการไปอบรมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้กับธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ทุกครั้งกลับมาทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นำมาปรับปรุงการทำงานได้” ปกรณ์ กล่าว

วันหยุดก็จะไปพักผ่อนบ้านที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านที่เขารักและเริ่มต้นในการออกแบบและตกแต่งบ้านด้วยตัวเอง ดังนั้น ทุกเสาร์-อาทิตย์ที่ว่าง ก็จะไปพักผ่อน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

เมื่อถามถึงอนาคตในชีวิต ปกรณ์ บอกว่า “ผมก็ยังเป็นนายปกรณ์ต่อไป ยังทำงานอยู่ที่กสิกรไทย ทำงานที่ผมรัก ทุกๆ วันเราทำสิ่งที่รักเราก็มีความสุขแล้ว และทำทุกๆ วันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ยังมีอะไรที่อยากจะทำและเป็นโจทย์ที่ท้าทายของชีวิตอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ”

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68