posttoday

คู่รักนักบริหาร

14 กุมภาพันธ์ 2558

ถือเป็นหนึ่งคู่รักตัวอย่างระหว่าง วิกกี้-ภคพรรณลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทยและเวียดนาม

โดย... โชคชัย สีนิลแท้

ถือเป็นหนึ่งคู่รักตัวอย่างระหว่าง วิกกี้-ภคพรรณลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทยและเวียดนาม  ปัจจุบันยังพ่วงตำแหน่งสำคัญ นายกสมาคมการขายตรงไทย กับ หมู-อัคคพันธ์  ลีวุฒินันท์กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอฟฟี่ บีนเนอรี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟและชา แบรนด์ โซลิโต้ที่แม้ว่าทั้งคู่จะมีเวลาค่อนข้างน้อยเพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่ของผู้บริหาร แต่ก็ทำหน้าที่สามี และภรรยา รวมถึงการเป็นพ่อกับแม่ ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ได้คุณหมูเป็นสามีเหมือนถูกหวย

วิกกี้ เล่าถึงความผูกพันจนต่อยอดเป็นความรักของทั้งคู่ว่า เริ่มรู้จักกันตั้งแต่เข้าเป็นนิสิตปีหนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันในกลุ่ม แม้จะอยู่คณะเดียวกันแต่ก็เรียนกันคนละภาควิชา โดยมาเริ่มเป็นแฟนกันเมื่อตอนศึกษาอยู่ชั้นปี 4 ก่อนที่จะต้องแยกย้ายไปศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งทั้งคู่เลือกที่จะศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ศึกษากันคนละรัฐกัน  

“คุณหมูเลือกไปศึกษาที่รัฐโอไฮโอส่วนดิฉันไปเรียนที่รัฐยูท่าห์   สมัยนั้นยังต้องติดต่อกันต้องใช้จดหมาย แต่ก็มีอาจจะมีนัดเจอกันบ้างระหว่างเพื่อนก็นานๆ ครั้ง  ซึ่งใช้เวลาคบหาเป็นแฟนกันนั้นนาน 10 ปี จากนั้นจึงแต่งงานกัน ปัจจุบันแต่งงานกันมาครบ 15 ปี รวมช่วงเวลาที่รักกันนั้นนาน 25 ปี ที่เราคบกันก็เปรียบเหมือนว่า เราทั้งคู่นั้นเติบโตพร้อมกัน จากที่เป็นนิสิตมีหน้าที่เรื่องเรียน จากนั้นก็ทำงาน  ก่อนจะมีครอบครัว ซึ่งเราเรียนรู้ซึ่งกันและกันมาเรื่อยๆ จนมาถึงการเป็นพ่อเป็นแม่ ที่ได้เติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างให้กันและกัน”

หากจะเปรียบไปแล้วที่ได้คุณหมูมาเป็นสามี ดียิ่งกว่าการถูกหวยรางวัลที่หนึ่งด้วยซ้ำ เพราะเขาเป็นคนดีมาก เสมอต้นเสมอปลายให้ความสำคัญกับทั้งดิฉันและลูกๆ ทั้งสอง รวมไปถึงครอบครัวของฝั่งดิฉันทั้งคุณพ่อแม่ ซึ่งบางครั้งเขาก็มีหน้าที่การงานยุ่งมาก บางครั้งยุ่งกว่าเราเสียอีก แต่เมื่อมีลูกก็ต้องปรับกันมากขึ้น แต่เราทั้งคู่ก็โฟกัสที่คุณภาพของเวลาที่ต้องให้เวลาคุณภาพที่มีต่อกัน

“ในช่วงแรกเมื่อเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจจะมีปัญหากันบ้าง โดยเฉพาะในช่วงให้นมลูกลูกสาวคนแรก 6 เดือน เป็นช่วงที่ค่อนข้างเหนื่อย เพราะปกติเป็นคนที่นอนต้องนอนหลับต่อเนื่อง แต่ในช่วงเวลานั้น ต้องหลับๆ ตื่นๆ มาให้นมลูก แต่ก็ช่วยๆ กัน เพราะคุณสามีก็ช่วยกันเลี้ยงดูลูกไม่ได้ปล่อยให้ต้องเป็นหน้าที่ของดิฉันแต่เพียงฝ่ายเดียว เมื่อลูกๆ โตขึ้นก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะลูกๆ เลี้ยงง่ายด้วยกันทั้งคู่”    

ปัจจุบันลูกสาวสองคน คนโต ชื่อเล่น มี่ อายุ 13 ปี ส่วนคนเล็ก มิวกี้ อายุ 11 ปี เรียนอยู่ที่สาธิตจุฬาฯ ด้วยกันทั้งคู่ ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีเวลาค่อนข้างน้อยเพราะงานค่อนข้างรัดตัวและต้องเดินทางบ่อย เมื่อก่อนต้องกลับบ้านดึกๆ แต่ก็ต้องปรับตัว โดยพยายามกำหนดไว้ว่าทุกวันจะต้องมาทานข้าวเย็นพร้อมกัน และแบ่งกันว่า ในช่วงตอนเช้า คุณหมูจะส่งลูกไปเรียน ส่วนในช่วงตอนเย็นดิฉันก็จะไปรับลูก ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ลูกสาวทั้งสองคนนั้นถูกเลี้ยงให้มีอิสระทางความคิดเลือกทำในสิ่งที่ตนเองชอบ แต่ที่สำคัญต้องเป็นคนดีและทำตนให้เป็นประโยชน์ การสอนนั้นต้องแทรกแนวคิด และปฏิบัติให้ลูกเห็นว่าการเป็นคนดีนั้นที่ดีเป็นอย่างไร

เราทั้งคู่เป็นเสมือนเงาของกันและกัน

ด้านคุณหมู-อัคคพันธ์ พูดถึงคู่รักที่ผูกพันกันมา 25 ปี ว่า แม้ว่าผมจะอายุแก่กว่าคุณวิกกี้ 2 ปี แต่ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยเรียน ได้เรียนรู้กันมาตั้งแต่ความเป็นเพื่อน มาคบกันเป็นแฟนในช่วงเรียนปี 4 จากนั้นทั้งคู่ก็ต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศ แต่เราก็ไม่ได้ห่างจากกัน แม่ว่าจะไปเรียนต่างรัฐกันที่สหรัฐอเมริกา สมัยก่อนก็ใช้วิธีการส่งจดหมายหากัน เพราะในช่วงเวลานั้นการอินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นที่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน

คุณหมู ย้ำว่า ในช่วงแต่งงาน 3 ปีแรกนั้นคู่เราเน้นเที่ยวกันอย่างเดียว และอยู่กันเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย แต่เวลาส่วนใหญ่ในช่วงนั้นหมดไปกับงานอดิเรกประเภทแอดเวนเจอร์ อย่างเช่น การปั่นรถจักรยาน พายเรือคายัก หรือการท่องเที่ยวในต่างประเทศ มีหลายครั้งไปเที่ยวกันเองระหว่างคุณวิกกี้ หรือไปกับกลุ่มเพื่อนๆ สนิท แต่ก็ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องไปปีละกี่ครั้ง แต่การท่องเที่ยวต้องไปอยู่แล้ว เพราะนอกจากผ่อนคลายจากหน้าที่การงานแล้ว ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ผ่านมุมมองใหม่ๆ เมื่อเดินทางไปถึง    

“ช่วงที่มีลูกยังเล็ก 2 ขวบแรก เรียกได้ว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ไปเที่ยวไหนกัน ส่วนใหญ่ต้องผลัดกันดูแล ทั้งทางฝั่งคุณพ่อ คุณแม่ก็มาช่วยดูแล มีไปเที่ยวใกล้ๆ ไปสวนสนุกกันบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงบ้าง   ซึ่งทั้งคู่ก็มีช่วยเรื่องวางแผน ว่าทั้งคู่จะช่วยกันเลี้ยงลูกอย่างไร พอลูกโตขึ้นมา กิจกรรมของครอบครัวก็จะมีเพิ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ เช่นไปไหว้พระในวันหยุด รวมถึงไปท่องเที่ยวในพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะ เป็นต้น”

การสอนลูกในปัจจุบัน พยายามไม่เน้นทางด้านวิชาการ แต่ให้เขาทำในสิ่งที่เขาชอบ  โดยเฉพาะด้านดนตรีและศิลปะ อย่างการร้องเพลงนั้น เป็นการฝึกฝนในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้ไม่เกิดความเครียด เนื่องจากปัจจุบันคนเมืองมีเรื่องที่ก่อให้เกิดความเครียดมากมายในชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นการกดดันจากเรื่องผลการศึกษาหรือเกรดเฉลี่ย  แต่ลูกสาวคนโต ก็เป็นคนที่ชอบร้องเพลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ และก็ร้องเพลงได้หลากหลายแนว ควบคู่กับการเรียนที่ดี ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นชอบทางด้านศิลปะ และมีผลงานศิลปะออกมาจัดแสดงในระดับประถมที่นำมาจัดแสดงภายในโรงเรียน ซึ่งงานทางด้านศิลปะนั้น ทำให้เป็นคนที่กล้าคิดและกล้าแสดงออก

จะเห็นได้ว่าแม้คู่รักนักบริหารคู่นี้ จะมีเวลาอยู่ร่วมกันค่อนข้างน้อย แต่ก็ทำช่วงเวลาดังกล่าวให้มีคุณค่าได้มากที่สุด ทั้งกับตนเอง ครอบครัว และที่สำคัญต้องทำให้สิ่งที่ตนเองรัก

ข่าวล่าสุด

หลีกหนีความวุ่นวาย ฉลองปีใหม่สุดหรูบนเกาะส่วนตัวที่ นาคา ไอแลนด์